- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 July 2020 19:25
- Hits: 5945
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-7-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET แกว่งลงสวนตลาดภูมิภาค จากความกังวลการแพร่ระบาด COVID-19 ในไทย หลังเกิดกรณีทหารอียิปต์ไม่ได้มีการกักตัวและพบเชื้อ COVID-19 โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,342.37 (-8.13 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 423 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 894 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 210 สัญญา)
JMT (ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 210 ลบ. +2%QoQ,+40%YoY จะกลับมาทำสถิติใหม่อีกครั้ง (All Time High) และคาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี จากการเก็บหนี้ที่ทำได้ดี การรับรู้กำไรบนกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด ส่วนด้านการซื้อหนี้ NPL ยังสามารถทำได้ตามแผน
แกว่งผันผวน จับตาการแพร่ระบาดในไทยอย่างใกล้ชิด : วานนี้ทาง ศบค.ได้มีการรายงานประเด็น ทหารอียิปต์ที่เข้ามาพักที่จังหวัดระยอง ซึ่งไม่ได้มีการกักตัว ได้ตรวจพบเชื้อ COVID-19 ประเด็นนี้ทำให้ภาครัฐฯจำเป็นที่จะต้องเร่งตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง รวมถึงต้องหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเคสดังกล่าวซ้ำอีกในช่วงถัดไป โดยหากกลับมาพิจารณาในแง่ของการลงทุนในระยะสั้น คาดปัจจัยนี้จะเข้ามากดดัน sentiment การลงทุนในระยะสั้น ดังนั้นจึงแนะนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ถัดไป (ระยะเฝ้าระวัง 14 วัน) แต่อย่างไรก็ดีในภาพระยะกลางเราเชื่อว่าไทยจะยังสามารถกลับมาควบคุมสถานการณ์ในระดับที่ดี ผสานกับพัฒนาการเชิงบวกทางด้านยาต้านไวรัส รวมถึงวัคซีน ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นประเด็นที่เข้ามาช่วงพยุงตลาดในช่วงถัดไป ดังนั้นการปรับฐานอาจรอตั้งรับบริเวณดัชนี 1,320 และ 1,300 จุด โดยแนะทยอยสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 2Q63 ขยายตัวโดดเด่น หรือหุ้นที่งบ 2Q63 แย่ แต่จะมีพัฒนาการเชิงบวกในช่วงครึ่งปีหลัง ให้รอซื้อเมื่องบแย่ออก เป็นจังหวะในการซื้อกลับ
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,320 ต้าน 1,350 จุด เน้นทยอยสะสมหุ้นกำไร 2Q63 เด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “JMT, STA, CPF”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ยังสามารถถือได้ รอสะสมเพิ่มที่บริเวณแนวรับ 1340 จุด (หากหลุดแนะนำทยอยลดพอร์ต)
ไม่มีหุ้น : รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว หาจังหวะการเข้าเก็งกำไรช่วงบริเวณ 1340 จุด และรอขายเมื่อดัชนีดีดกลับ
CPF เจ๋งลุ้น Q2 โต 55% กำไรทะลุ 6.3 พันล้าน (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : แม้แนวโน้มกำไร 2Q63 ลดลง QoQ จากราคาเนื้อสัตว์ในไทยลดลง แต่คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งและเติบโตได้ดี YoY เนื่องจากราคาหมูเวียดนามเพิ่มขึ้นกว่า 100% YoY เรายังคาดว่ากำไร 3Q63 จะดียิ่งขึ้นจากการที่เนื้อสัตว์ในประเทศไทยฟื้นตัวและราคาหมูเวียดนามสูงต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 39.20 บาท
ITD ซื้อซองประมูลสายสีส้ม (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นการประมูลแบบ PPP Net Cost เอกชนลงทุนงานโยธาช่วงตะวันตก และ ระบบรถไฟฟ้า ตลอดสายจากบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงินลงทุน 1.27 แสนล้านบาท รัฐสนับสนุนเงินลงทุนไม่เกินค่างานโยธา 9.6 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ITD ไม่มีประสบการณ์เดินรถ เราคาดจะเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่ม กลุ่ม BEM+CK และ BTS+STEC
Bangkok Exp & Metro (BEM)
ไตรมาส 2 ดูแย่ แต่อยู่ในคาดการณ์แล้ว
Results Preview
จังหวะสะสม “ซื้อ” ที่ดีอยู่ในเดือน ส.ค.
เรามองว่าผลกำไรที่จะผิดหวังในไตรมาส 2/63 จากพิษ COVID-19 ได้สะท้อนอยู่ในประมาณการของเราไปแล้ว ขณะที่การฟื้นตัวของผู้ใช้ทางด่วน และ รถไฟฟ้า ยังคงใกล้เคียงตามประมาณการของเรา (มิ.ย./ส.ค. ตามลำดับ) และเริ่มดูดีในต้นเดือน ก.ค. เราจึงคงประมาณการกำไรไว้ที่เดิม ขณะที่ upside ใหม่จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเริ่มเด่นชัดขึ้นการเปิดซองเดือน ต.ค. 63 ดังนั้นจังหวะการประกาศงบไตรมาส 2/63 ที่จะผิดหวังในช่วงกลางเดือน ส.ค. เรามองว่า จะเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสม “ซื้อ” ก่อนที่หุ้นจะเริ่มเดินหน้าในปลายไตรมาส 3/63
ไตรมาส 2/63 แนวโน้มหดตัวแรงจาก COVID-19
คาด BEM จะรายงานกำไรสุทธิ 33 ลบ. หดแรง -93% YoY จากกำไรสุทธิ 508 ล้านบาทในไตรมาส 1/63 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการ Lock-down กรุงเทพตั้งแต่กลาง มี.ค. 63 ทำให้จำนวนรถผู้ใช้ทางด่วน และผู้ใช้รถไฟใต้ดินลดลง -31% และ -58% QoQ ตามลำดับ แม้ไตรมาสนี้ จะได้รับเงินปันผลรับจาก TTW ราว 220 ลบ. และ การต่อสัมปทานทางด่วนใหม่จะประหยัดต้นทุนค่าจัดจำหน่ายทางด่วนไปราว 489 ลบ./ ไตรมาส แต่ทว่าผลกระทบจากปริมาณการให้บริการที่ลดลงนั้นรุนแรงกว่าประโยชน์ทั้ง 2 ที่ได้รับในไตรมาสนี้ ส่วนการหดตัวของกำไรลง -99% YoY มีส่วนเสริมมาจากฐานกำไรสูงในปี 2562 เพราะ BEM มีกำไรพิเศษ 3.4 พัน ลบ. (ก่อนภาษี) จากการเปลี่ยนสถานะ TTW จากบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุน ที่บันทึกในงวดไตรมาส 2/62
ก.ค. ส่งสัญญาณดี ทำให้คาดไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวแรง
จากการทยอยผ่อนคลาย Lock-down ตั้งแต่ 3 พ.ค. 63 ทำให้ปริมาณผู้ใช้ทางฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเบื้องต้นเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. (ก่อนวันหยุดยาว) ปริมาณรถใช้ทางด่วนได้ขึ้นมาแตะ 1.2 ล้านคัน/ วัน และ ผู้ใช้รถไฟใต้ดินแตะ 3 แสนเที่ยว/ วัน ซึ่งจะเห็นว่าเป็นภาพหดตัวเพียง 3% และ 10% ตามลำดับจากค่าเฉลี่ยปี 2562 ดังนั้นเราเชื่อว่า การฟื้นตัว QoQ ในไตรมาส 3 จะออกมาในเกณฑ์ที่ดี ไปพร้อมๆกับการเตรียมเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสน ลบ. ในเดือน ต.ค. ซึ่ง BEM เป็นตัวเต็งในครั้งนี้
การหดตัวในไตรมาส 2 อยู่ในประมาณการแล้ว แนะทยอยสะสมซื้อ
ราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นนี้ไปแล้ว และเชื่อว่าตลาดจะไม่กังวลต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่ผิดหวัง ซึ่งเราได้นำความเสียหายเหล่านี้ใส่ไว้ในประมาณการล่วงหน้าแล้ว เราคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 2.9 พัน ลบ. ตามเดิม หดตัว -47% YoY จากนั้นคาดจะฟื้นต่อ +17% YoY ในปี 2564 เป็นกำไร 3.4 พัน ลบ. ได้ประโยชน์เต็มที่จะโครงสร้างสัมปทานทางด่วนใหม่ และปริมาณผู้ใช้บริการฟื้นตัว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมตามเดิม 13.00 บาท/ หุ้น อิง SOTP
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web