- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 July 2020 18:32
- Hits: 5326
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน 14-7-2020
Market Wrap-Up
SET ปิดวันที่ 13 ก.ค.63 ปิด -8.13 จุด อยู่ที่ 1,342.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,374 ลบ.ต่างชาติซื้อ 422 ลบ. สถาบันขาย 894 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 208 ลบ.ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 1,698 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น CPALL,IVL,STGT,PTTEP,CPF และมียอดขายหุ้น KBANK,INTUCH,BAM,KTB,HANA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 530 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ CPF,AOT,KCE โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 210 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 101,643 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,157 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.04% , S&P500 -0.94% และ Nasdaq -2.13% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Microsoft, Intel , Facebook, Alplabet ถูกแรงขายทำกำไร หลังรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่เพิ่มขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งผลให้ผู้ว่าการรัฐต้องสั่งปิดบาร์ ภัตตาคาร และโรงภาพยนต์ แม้ว่าจะมีข่าวบวกจาก BioNTech และ Pzifer ขอ Fast track จาก FDA สหรัฐในการทดลองวัคซีน ซึ่งคาดจะผลิตได้ในปีนี้ราว 100 ล.โดส ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +1% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเดินทาง, ธนาคาร, พลังงาน, เหมืองแร่ ตอบรับข่าวความคืบหน้าพัฒนาวัคซีน ขณะที่ยังรอการประชุมผู้นำยุโรป 17 - 18 ก.ค. ในการหารือรายละเอียดกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสน ล.ยูโร
Market View
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังผู้ว่ารัฐแคลิฟอร์เนียสั่งปิดบาร์ ภัตตาคาร เนื่องจากเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงขึ้น เช่นเดียวกับนิวยอร์คที่สั่งให้คนที่เดินทางมาจากรัฐที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต้องให้ข้อมูลก่อนเข้าเมือง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อมาตรการ Lock Down บางส่วน จะกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าจะเริ่มมีข่าวบวกเกี่ยวกับทดลองวัคซีนของ BioNTech ส่วนปัจจัยการเมืองต่างประเทศ สหรัฐได้ออกปฏิเสธสิทธิ์จีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ รวมถึงการคว่ำบาตรบุคคลทางการทูตของสหรัฐ - จีน ในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุยกูร์ สำหรับดัชนีหุ้นไทยปรับลดลง จากแรงขายสถาบัน , พอร์ตโบรกเกอร์ หลังจาก ศบค. รายงานกรณีทหารอียิปต์ที่เดินทางเข้าไทยและมีการติดเชื้อไวรัส ได้เดินทางออกพื้นที่ควบคุมในจังหวัดระยอง รวมถึงกรณีเด็กหญิงชาวซูดานที่เดินทางมากลับคณะทูตมีอาการติดเชื้อ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลความเสี่ยงการระบาดรอบ 2 ในไทย ขณะที่รายงานกำไร Q2/63 ของกลุ่มธนาคารคาด -18.7%QoQ , -29% YoY (Bloomberg Consensus)
Daily Strategy
วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,320 - 1,330 จุด แนวต้าน 1,350 - 1,360 จุด คาดดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวจากความกังวลความเสี่ยงของการระบาดไวรัสรอบ 2 แนะนำซื้อกลุ่มอาหาร CPF กำไร Q2/63 คาด +20 % YoY , CFRESH ได้ปัจจัยหนุนจีนแบนนำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์
MEGA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 37.00 บาท) ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 5-10% จากการขายสินค้าโดยเฉพาะในภูมิภาค SEA ผ่านแบรนด์ Mega we care และแบรนด์ Maxxcare นอกจากนี้ยังคาดหวังการเติบโตจากการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียผ่าน PT Futamed ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีโอกาสขยายตัวสูง ส่วนแนวโน้ม 2Q63 คาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง รายได้และกำไรยังขยายตัว YoY แต่จะชะลอลงจาก 1Q63 เนื่องจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีการสต๊อกสินค้ามากเกินปกติในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID -19 ส่วนการลงทุนโรงงานยาในพม่าจะทำร่วมกับพาร์ตเนอร์คาดได้ข้อสรุปใน 3Q63 อิงจาก Bloomberg คาดกำไรปี 63 ที่ 1.32 พันล้านบาท เติบโต 15%YoY
CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 39.25 บาท) ทางฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการ Q2/63 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,940.88 ลบ. (+20.38% YoY, -19.15% QoQ) ในขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 137,109.97 ลบ. (+2.40% YoY, -0.74% QoQ) ได้รับปัจจัยหนุน ในเรื่องของราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคงมีระดับราคาที่สูงในต่างประเทศและเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายในประเทศ ราคาหมูเฉลี่ยในเวียดนามไตรมาสที่2 อยู่ที่ 74,360 VNG/kg.(+5.71% QoQ, -13.66 YoY) ยังคงสามารถรักษาระดับราคาที่สูงไว้ได้ (โดยต้นทุนBreakevenของบ. อยู่ที่ <40,000 VNG/kg.) และคาดว่าจะยังคงรักษาระดับราคาไว้ได้อีกราว 1-2 ปี ประเมินกำไรสุทธิปี 63 และ 64 อยู่ที่ 21,324 ลบ. (+15.54%YoY) และ 22,542 ลบ.(+5.71%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ส.ค.ปิด -$0.45 ดอลลาร์ อยู่ที่ $40.10 /บาร์เรล Brent Futures ก.ย. ปิด -$0.52 ดอลลาร์ อยู่ที่ $42.72 /บาร์เรล กังวลการประชุม JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันพุธนี้ อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตจากระดับปัจจุบัน หลังอุปสงค์ความต้องการใช้เริ่มปรับดีขึ้น ขณะที่สถานการณ์ระบาดไวรัสรอบใหม่ยังกดดันราคาน้ำมันดิบ
Gold Update (+) Gold Futures ส.ค.ปิด +12.20 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,814.10 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสในสหรัฐ บราซิล อินเดียยังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า Dollar Index -0.20% อยู่ที่ 96.4633
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -17.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย อยู่ที่ 31.416 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -18 จุด อยู่ที่ 1,792 จุด
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.618 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.155 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore อ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 7.0105/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 65,485 ราย รวมอยู่ที่ 3,479,480 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 465 ราย รวมอยู่ที่ 138,247 ราย ( Worldometers )
(-) GDP สิงค์โปร์ Q2/63 หดตัว -41.2 % QoQ มากกว่าคาด -35.9 %
Economic Calendar
ในประเทศ
15 ก.ค. เปิดลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน"
สัปดาห์ที่3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
สัปดาห์ที่4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
สัปดาห์ที่5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
14 ก.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)
15 ก.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
16 ก.ค. CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ปีต่อปี) (ไตรมาส 2)
CN ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) (มิ.ย.)
US Core Retail Sales (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
EU แถลงการณ์นโยบายการเงินของ ECB
EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ก.ค.)
17 ก.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.)
US รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง (มิ.ย.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*
Technical Brief
SET Daily แนวโน้ม sideway down ทยอยลดพอร์ตมีแนวรับหลัก 1,330 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีรีบาวด์ขึ้นชนเป้าหมายแนวต้าน 1,365 จุด แต่ยืนไม่ได้ก่อนถอยลงมาทำ Lower-Low ใน TF60Min คาดวันนี้มีโอกาสชะลอลงต่อวางแนวรับ 1,330-1,340 จุด แนวต้าน 1,350-1,355 จุด
SET Weekly: ประเมินกรอบดัชนี 1,330-1,380 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เปิดต้นสัปดาห์ดัชนีถูกกดด้วยแท่งแดงแต่ยังพยายามยื้อเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 10 Week สัปดาห์นี้มองหากหลุดลงมามีแนวรับหลักแถว 1,330 / 1,315 จุด ส่วนแนวต้านในกรอบใหญ่วางไว้บริเวณ 1,365 / 1,380 จุด
Gold Spot: หากหลุด 1,790 USD/oz ปิดทำกำไรบางส่วน
กลยุทธ์การลงทุน ลุ้นประคองตัวเหนือ 1,800 USD/oz แม้ RSI ยังไม่เข้า เขต Overbought แต่เกิดสัญญาณ Divergence ให้ใช้ความระวังมากขึ้นระยะสั้นคนถือ long ส่วนที่เหลือ let profit run ใช้ EMA 10 วัน เป็นเกณฑ์ โดยหากหลุดแนวรับ 1,790 USD/oz ขายทำกำไรบางส่วน
Fast Trade
CK : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 21.40/ Sup 19.50/ Cut 19.00
CPF : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 35.00-36.00/ Sup33.00/ Cut 32.00
STA : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 33.00/ Sup 29.00/ Cut 28.00
SET 50 Index Future
กลยุทธ์ระยะสั้น ระยะสั้นเรายังประเมินการแกว่งตัวของ S50U20 เป็นการ Sideway ในกรอบโดยวางแนวรับในวันไว้ที่บริเวณ 865-870 จุด ส่วนแนวต้าน 884-888 จุด แนะนำให้ Trading ในกรอบ สำหรับคนที่จะเล่นฝั่ง Long แนะนำให้รอดูการทดสอบแนวรับที่ 865-870 ว่ายืนได้หรือไม่แล้วค่อยเปิดสถานะขึ้นมาจากฐานแนวรับดังกล่าว ส่วนในกรณีที่ดัชนี Breakout กรอบทางใดทางหนึ่งก็ให้เปิดสถานะตามไปทางฝั่งนั้น
การลงทุนรายสัปดาห์ หลังหลุดแนวรับที่ 880 จุด ตามกฎเราต้องปิดสถานะ Long ที่มีและกลับมา Wait & See ก่อนโดยภาพระยะกลางของดัชนี SET50 ยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนเราจึงแนะนำให้รอดูการเลือกข้างแล้วค่อยพิจารณาเปิดสถานะใหม่
ที่มา: บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 14 ก.ค. 2563
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web