- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 July 2020 12:07
- Hits: 6895
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-7-2020
MARKET TALK
กลยุทธ์การลงทุน
ให้ความสำคัญกับการปรับ ครม. ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในฐานะปัจจัยกำหนดทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนการกลับมา Lockdown ของหลายประเทศ ก็เป็นปัจจัยสร้างแรงกดดัน วานนี้พอร์ต ได้ Stop Profit หุ้น AP รับกำไรกว่า 5% ให้นำเงินที่ได้ (ราว 10% ของพอร์ต) เข้าลงทุนใน SCCC ส่วนหุ้น Top Pick วันนี้เลือก SCCC, SEAFCO และ STGT
การเมืองรอปรับเปลี่ยน ... เศรษฐกิจรอฟื้นฟู
เศรษฐกิจไทยที่เข้าสู่ภาวะถดถอย (Technical Recession) หลังการ?ฎ Lockdown เพื่อป้องกันการระบาดของ Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินผ่านมาตรการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และยังมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันส่งสัญญาณชัดเจนว่ากำลังเข้าใกล้ช่วงเวลาของการปรับเปลี่ยน ครม. เฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ทำให้การปรับ ครม. ในรอบนี้เป็นที่น่าติดตามในฐานะที่เป็นปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางการเศรษฐกิจว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ช้าหรือเร็ว ส่วนปัจจัยในต่างประเทศความสนใจหลักยังอยู่ที่เรื่องของการระบาดของ Covid-19 ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า 2 แสนราย/วัน ทำให้หลายประเทศต้องประกาศทำ Lockdown รอบใหม่เพื่อควบคุม แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวต้องแลกมาด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูง โดยภาพรวมวันนี้คาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในช่วงปรับฐาน พอร์ตการลงทุนวานนี้ได้ทำการ Stop Profit รับกำไรกว่า 5%ใน AP ให้นำเงินที่ได้เข้าลงทุนใน SCCC ส่วนหุ้น Top Pick วันนี้เลือก SCCC, SEAFCO และ STGT
จับตามการกลับมา Lockdown รอบใหม่ ปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดฯ
การแพร่ระบาด Covid-19 ยังเป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นโลกกังวล เนื่องจาก ล่าสุด จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลก ล่าสุด ยังคงเพิ่มขึ้นราว 2.1 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลังที่วันละ 1.97 แสนราย (ประเทศผู้ติดเชื้อหลักๆ อาทิ สหรัฐ เพิ่ม 6 หมื่นราย/วัน,)
สถานการณ์ Covid-19 ที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอยู่ ส่วนนึงเกิดจากการทยอยเปิดธุรกิจ Reopen ของรัฐบาลทั่วโลก ทำให้ ล่าสุดรัฐบาลของปรนะเทสที่ผู้ติดเชื้อยังเพิ่ม เริ่มกลับมาทยอย Lockdown ครั้งที่ 2 ฯลฯ เพื่อจำกัดการระบาด ดังที่ฝ่ายวิจัยนำเสนอเมื่อวาน ล่าสุดยังเห็น มีประเทศ อินเดีย , สหรัฐ(ชายหาด Miami ถูกสั่งปิดอีกครั้ง) และอุซเบกิสถาน ฯลฯ ดังตาราง
หลายประเทศทั่วโลกที่กลับมา Lockdown ประเทศและบางเมืองอีกครั้ง
ที่มา: ASPS รวบรวมจนถึง 9 ก.ค. 2563
อย่างไรก็ตาม Key สำคัญ ของประเด็น Covid-19 คือ การพัฒนาวัคซีนจะประสบความสำเร็จ และมีความรวดเร็วเพียงใด ซึ่งมีทั้งหมด 4 เฟส ล่าสุดเริ่มเห็นความคืบหน้า มีหลายบริษัทพัฒนามาจนถึงเฟส 3 รวม 4 บริษัท ขณะที่เฟสสุดท้าย มี 1 บริษัทคือ CansinoBIO ของจีน ซึ่งมีการนำมาใช้ในกองทัพจีนเองในประเทศ อย่างไรก็ตามหากยึดหลักสากล lส่วนใหญ่คาดว่าอย่างเร็วสุดในการผลิตและออกมาใช้ได้มาตรฐาน คือช่วง ปลายปี 2563 – กลางปี 2564
การปรับ ครม. คงเกิดขึ้นอีกไม่นาน ... ระวังผลกระทบทางเศรษฐกิจ
สัญญาณที่จะนำไปสู่การปรับ ครม. ปรากฎชัดเจนขึ้นตามลำดับ เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง รวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งหัวหน้าพรรคที่ดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงานฯ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และล่าสุด รัฐมนตรี 3 ตำแหน่งของพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ รมว.คลัง, พลังงาน และ อว.(การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม) ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สถานะดังกล่าวก็เท่ากับว่า มีรัฐมนตรีว่าการถึง 4 กระทรวงที่ดำรงตำแหน่งอยู่โดยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ ส่งผลทำให้สมดุลเรื่องโควต้ารัฐมนตรีตามสัดส่วนของ ส.ส. ในแต่ละพรรคการเมืองเปลี่ยนไป ซึ่งโดยธรรมชาติก็จะก่อให้เกิดแรงผลักดันเพื่อทำให้โควต้ารัฐมนตรี กลับสู่ภาวะสมดุล ด้วยกลไกดังกล่าวจึงเชื่อว่าการปรับ ครม. น่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนนับจากนี้ นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันอีกส่วนหนึ่งในเรื่องการเดินหน้ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และจำเป็นที่ต้องได้ทีมเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง เข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อน หากไม่ดำเนินการหาบุคคลากรที่เหมาะสมเข้ามาดำเนินการโดยเร็ว ก่อจะส่งผลทำให้แผนงานที่คั่งค้างอยู่ และการคิดหามาตรการใหม่ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจไทย รวมถึง Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นด้วย สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเวลานี้จึงต้องจับตาใกล้ชิด
การเมืองภาพการเปลี่ยนแปลงภายใน อาจมีผลต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ข้างต้น ASPS ประเมินว่าอาจมีผลให้แรงผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐลดลงได้ ภายหลังจากทั้ง 2 เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ (แน้วโน้มทั้ง การส่งออก, การท่องเที่ยว, การลงทุนเอกชน และการบริโภคเอกชน คาดชะลอตัวต่อจากผลกระทบจากไวรัส COVID-19
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่ได้รับผลกระทบ หลักๆคือ โครงการที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติของ ครม. แบ่งเป็น
- • มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน: ยังมีงบประมาณที่ยังไม่ได้อนุมัติอีกราว 6.18 แสนล้านบาท (61.8% ของวงเงินรวม) ดังตาราง
o เยียวยาเศรษฐกิจ: มีงบประมาณที่ยังไม่ได้อนุมัติ 2.11 แสนล้านบาท
o ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม: มีงบประมาณที่ยังไม่ได้อนุมัติ 3.62 แสนล้านบาท
o ด้านสาธารณสุข วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท: ยังไม่มีการอนุมัติ เนื่องจากกันไว้ใช้ป้องกันโรคและวัคซีน
- • โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ: ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปี 2563 มีโครงการลงทุนที่รัฐตั้งเป้าไว้จำนวน 1.95 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ ครม. อนุมัติแล้ว 1.2 ล้านล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก 1.09 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีม่วง 1.01 แสนล้านบาท เป็นต้น ส่วนโครงการที่ ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ มีอีกราว 7.52 แสนล้านบาท (ดังตาราง)
สัปดาห์หน้า ประชุม OPEC+ จะขยายตัดลดการผลิตต่อ? , ประกาศ GDP 2Q63 จีน
ปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์มี 3 ประเด็น ที่จะมีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นโลก หลักๆ
การประชุม OPEC+ เริ่มจาก 14 ก.ค. จะมีการประชุมเพื่อตรวจสอบ แต่ละประเทศเดินหน้าตัดลดการผลิตตามข้อตกลงหรือ ไม่ และ 15 ก.ค. กลุ่มประเทศ OPEC+ จะตกลงร่วมกันว่าจะขยายการตัดลดการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วันต่อหรือไม่ จากปัจจุบัน ข้อตกลงจะสิ้นสุด สิ้น เดือน ก.ค.2563 และ ส.ค.- ธ.ค. จะตัดลงน้อยลงเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน หากขยายการตัดลดเพิ่มเชื่อว่าจะสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามคำแนะนำ การลงทุนหุ้นน้ำมัน พบว่า ราคาหุ้นในกลุ่มฯช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันปัจจุบันไปแล้วจนเหลือ upside จาก FV ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นช่วงสั้นจึงแนะนำขายทำกำไรสำหรับ PTTEP (FV@B>100) หรือหากจะเข้าลงทุนแนะนำ PTT (FV@B>42) ให้เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
แนะลงทุนหุ้น 3S ดาวเด่น SCCC STGT SEAFCO
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web