WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-7-2020KGI

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้   ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)

ลดลง หลังมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก

KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ปรับลดลง คาดว่าหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก (global cyclical) จะกดดันตลาดหุ้นมากขึ้นในวันนี้ ... ขณะที่เมื่อวานนี้ ดัชนีฯ รีบาวด์สั้น ก่อนเทรดไซด์เวย์ (ตามคาด)... ในวันนี้มีปัจจัยลบที่น่าจะถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (และ SET Index) ได้แก่ i) นักลงทุนยกระดับความกังวลต่อการล็อกดาวน์ในสหรัฐฯ หลังจากนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เรียกร้องให้รัฐที่มีการติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวขึ้น พิจารณาล็อกดาวน์เมืองอีกครั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลับไปอ่อนแออีกครั้ง ii) ราคาน้ำมันดิบ WTi ลดลง 3.2% หลังจาก EIA รายงานสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล (consensus คาดว่าสต็อกน้ำมันลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล)... ทั้งนี้ด้วยปัจจัยดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับฐานต่อ และหุ้นขนาดกลางที่มีธีมการลงทุนเฉพาะตัวยังคงโดดเด่นท่ามกลางสภาพคล่องภายในประเทศที่ยังค่อนข้างสูง ส่วนในสัปดาห์หน้า (13-17 ก.ค.) ปัจจัยที่น่าจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้แก่ i) สถานการณ์ติดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ii) ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยเฉพาะ GDP ไตรมาส 2/2563 ของจีนที่จะออกมาในวันที่ 16 ก.ค. iii) การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)

เก็งกำไร JMART, SUSCO, STA*

                JMART (เป้า Consensus 8 บาท ... มีโอกาสปรับขึ้น) 1) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท และ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.6 - 13.0 บาท (TRailing stop 11.0 บาท) 2) ประเมิน Conesnsus มีโอกาสปรับประมาณการฯและราคาเป้าหมายขึ้นจาก ผลการดำเนินงาน บ.ลูก SINGER และ JMT* ที่แนวโน้มดีกว่าคาด ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ + 5G หนุนยอดขายสมาร์ทโฟนให้ฟื้นใน 2H63 3) ราคาหุ้น Laggard ทั้ง บ.ลูก (SINGER, JMT*) และคาด Sentiment บวกหุ้นกลุ่มโทรศัพท์มือถือที่บวกแรงวานนี้ (SPVI, CPW, COM7*) ... วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ Alert JMT* จากการ Company visit มุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน

                SUSCO (เป้า Consensus 3.65 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.6 บาท / แนวต้าน 2.7 - 2.9 บาท (Stop loss 2.5 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ดีมานด์น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการเดินทาง + ขนส่งฟื้นตัว 3) Valuation ไม่แพง PE ปีนี้ 13.6 เท่า (ข้อมูล Bloomberg consensus), PBV 0.81 เท่า 4) คาดรับ Sentiment บวกจากการใกล้ IPO บ.ลูกของ PTT* (OR) ... เลือกเป็นหุ้นเด่นจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของเดือน ก.ค ดูเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Quantamental 7 ก.ค.    

                STA* (เป้า Consensus 28.7 บาท / สูงสุด 39.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 33 บาท (Stop loss 27 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard บ.ลูก STGT โดย หากคำนวณ Valuation จาก Market cap STGT ราคาปิดวานนี้ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 50.75% จะคิดเป็นมูลค่า >5 หมื่นล้านบาท มากกว่า Market cap ของ STA* ล่าสุดที่เพียง 4.6 หมื่นล้านบาท 3) Consensus ประเมิน PE ปีนี้เพียง ±16 เท่า ... ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ STGT เป้าพื้นฐาน 82 บาท นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร STGT แนวรับ 74 บาท และ 72 บาท / แนวต้าน 79 - 80 บาท (Stop loss 70 บาท)

หุ้นมีข่าว

(-)   AOT* เปิดเผยว่า บริษัทอาจช่วยเหลือ THAI ให้สามารถดำเนินงานต่อเนื่อง ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจศูนย์ซ่อมเครื่องบิน ธรุกิจคลังสินค้า และธุรกิจบริการภาคพื้น เนื่องจาก THAI เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ (Efinance) เรามองเรื่องดังกล่าวเป็นลบต่อ AOT นอกจากนี้ THAI ยังมีภาระหนี้กับ AOT อยู่ราว 3 พันล้านบาท (เจ้าหนี้การค้า 800 ล้านบาท และหนี้สินจากกรณีพิพาททางกฎหมาย 2.2 พันล้านบาท) ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ภาระหนี้ของไทยจะได้รับการแก้ไขในอนาคต แต่กระทบต่อมูลค่าหุ้น AOT ไม่มากนัก (คิดเป็นเพียง 0.2 บาท/หุ้น) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ผลประกอบการในช่วง 2H63 ของ AOT จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ (เทียบกับกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท) โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้สูญเสียรายได้ทั้งในส่วนของธุรกิจสนามบินและพื้นที่เชิงพาณิชย์จากการปิดสนามบิน อีกทั้งคาดว่าโอกาสในการปรับลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานทำได้ไม่มาก เรายังคงแนะนำถือ AOT โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ไว้ที่ 58 บาท

(+) ADVANC* รุกหนักเน็ตบ้าน ปีนี้ปั๊มลูกค้าใหม่ 3 แสนราย (ข่าวหุ้น) ADVANC* ตั้งเป้าปีนี้มีลูกค้าใหม่ AIS Fibre เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 300,000 ราย จากสิ้นปี 62 มีฐานลูกค้า 1 ล้านราย แย้มไตรมาส 2/63 ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก หลังล็อกดาวน์ทำให้เน็ตบ้านเป็นสิ่งจำเป็น พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัดแล้ว ล่าสุดอัพเกรดเน็ตบ้าน รองรับพฤติกรรมลูกค้ายุค New Normal

(+) VL จ่อลงทุนเรือขนส่ง LNG ปีนี้ ล่าสุดรับจ้างขนส่งน้ำมันให้ BCP* นาน 5 ปี (ข่าวหุ้น) VL เร่งสรุปลงทุนธุรกิจเรือขนส่ง LNG ภายในปีนี้ ล่าสุดเจรจาลูกค้าแล้ว 2-3 ราย พร้อมเซ็นสัญญารับจ้างเดินเรือขนส่งน้ำมันดิบฯให้ BCP* ระยะเวลา 5 ปี บุ๊กรายได้ 160 ล้านบาทต่อปี มั่นใจปีนี้รายได้โตกว่า 20%

(+) BGC เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ต่อยอดธุรกิจใหม่-ลุยเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า (ข่าวหุ้น) BGC เดินหน้าขยายธุรกิจผ่านกลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลัง เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เล็งเติบโตจากธุรกิจใหม่ต่อยอดบรรจุภัณฑ์แก้ว และพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 300-400 เมกะวัตต์ ใน 5 ปี

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

                หุ้นที่แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนดจุดล็อกกำไร Trailing stop: RS* (Trailing stop 15.5 บาท), SEAFCO (Trailing 5.9 บาท)

                หุ้นที่รอลุ้นผ่านแนวต้านสำคัญ หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" INTUCH* (รับ 56.5 บาท / ต้าน 58 บาท / Trailing stop 56 บาท)

                CPF* (เป้าพื้นฐาน 38 บาท) แนวรับ 31.5 บาท / แนวต้าน 32.533 บาท หากผ่านได้แนวต้านถัดไป ±35 บาท (Stop loss 30.5 บาท)

                AAV* (เป้า Consensus 2.08 บาท / สูงสุด 3.90 บาท) แนวรับ 1.96 บาท / แนวต้าน 2.1 - 2.2 บาท (Trailing stop 1.96 บาท)

                VGI* (เป้า Consensus 7.88 บาท) แนวรับ 7.5 บาท / แนวต้าน 8.0 - 8.1 บาท (Trailing stop 7.3 บาท)

                GULF* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38.5 บาท / แนวต้าน 41 บาท (Trailing stop 37 บาท)

                AMATA* (เป้าพื้นฐาน 18.5 บาท) แนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 16.3 - 16.9 บาท (Stop loss 15.4 บาท)

                STEC* (เป้าพื้นฐาน 19.2 บาท) แนวรับ 15.4 บาท / แนวต้าน 16.2 - 16.4 บาท (Stop loss 15.0 บาท)

                EP (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) แนวรับ 3.6 บาท / แนวต้าน 3.8 - 4.0 บาท (Trailing stop 3.6 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

                SCC* แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 360 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 2Q63 = 8.7 พันล้านบาท (+23.7% YoY, +25% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก i) ไม่มีรายจ่าย ค่าชดเชยพนักงานเช่นในปีก่อน (ฐานกำไรต่ำ) ii) ปริมาณขาย และ Spread ปิโตรเคมี ดีขึ้น QoQ อย่างไรก็ดีประเมินแนวโน้มกำไร 2H63 จะลดลง HoH เพราะ ต้นทุน Naphtha เพิ่มขึ้น, การปิดซ่อมบำรุงโรงงานใน 4Q63, ดีมานด์วัสดุก่อสร้างยังอ่อนแอ จึงคงคำแนะนำ "ขาย"  

                TFG แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 4.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง โดยคาดกำไร 2Q63 ชะลอตัวลง -36.2% YoY, -22.9% QoQ เป็น 310 ล้านบาท เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกทำให้ยอดส่งออกไก่ลดลง อย่างไรก็ดีประเมินแนวโน้ม 2H63 จะฟื้นตัวหลังคลายมาตรการล็อคดาวน์ คงคำแนะนำ "ถือ"

                THCOM* "Under Review" ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานกำไรปกติใน 2Q63 ราว 2 ล้านบาท (ลดลง -99% QoQ แต่ Turnaround YoY) ผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลง QoQ เป็นผลจากรายได้ Thaicom 4 (iPSTAR) and Thaicom 5 ที่ลดลง ขณะที่การ Turnaround YoY เป็นผลจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง หลังการตั้งสำรองฯไปจำนวนมากแล้วใน 4Q62 ทั้งนี้มี Upside จากโครงการใหม่ JV ร่วมกับ CAT ... รอข้อมูลเพิ่มเติม

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!