- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 July 2020 11:50
- Hits: 4961
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-7-2020
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ลดลง หลังมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก
KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ปรับลดลง คาดว่าหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก (global cyclical) จะกดดันตลาดหุ้นมากขึ้นในวันนี้ ... ขณะที่เมื่อวานนี้ ดัชนีฯ รีบาวด์สั้น ก่อนเทรดไซด์เวย์ (ตามคาด)... ในวันนี้มีปัจจัยลบที่น่าจะถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (และ SET Index) ได้แก่ i) นักลงทุนยกระดับความกังวลต่อการล็อกดาวน์ในสหรัฐฯ หลังจากนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เรียกร้องให้รัฐที่มีการติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวขึ้น พิจารณาล็อกดาวน์เมืองอีกครั้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลับไปอ่อนแออีกครั้ง ii) ราคาน้ำมันดิบ WTi ลดลง 3.2% หลังจาก EIA รายงานสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล (consensus คาดว่าสต็อกน้ำมันลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล)... ทั้งนี้ด้วยปัจจัยดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังปรับฐานต่อ และหุ้นขนาดกลางที่มีธีมการลงทุนเฉพาะตัวยังคงโดดเด่นท่ามกลางสภาพคล่องภายในประเทศที่ยังค่อนข้างสูง ส่วนในสัปดาห์หน้า (13-17 ก.ค.) ปัจจัยที่น่าจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้แก่ i) สถานการณ์ติดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ii) ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยเฉพาะ GDP ไตรมาส 2/2563 ของจีนที่จะออกมาในวันที่ 16 ก.ค. iii) การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร JMART, SUSCO, STA*
JMART (เป้า Consensus 8 บาท ... มีโอกาสปรับขึ้น) 1) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท และ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.6 - 13.0 บาท (TRailing stop 11.0 บาท) 2) ประเมิน Conesnsus มีโอกาสปรับประมาณการฯและราคาเป้าหมายขึ้นจาก ผลการดำเนินงาน บ.ลูก SINGER และ JMT* ที่แนวโน้มดีกว่าคาด ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ + 5G หนุนยอดขายสมาร์ทโฟนให้ฟื้นใน 2H63 3) ราคาหุ้น Laggard ทั้ง บ.ลูก (SINGER, JMT*) และคาด Sentiment บวกหุ้นกลุ่มโทรศัพท์มือถือที่บวกแรงวานนี้ (SPVI, CPW, COM7*) ... วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ Alert JMT* จากการ Company visit มุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน
SUSCO (เป้า Consensus 3.65 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.6 บาท / แนวต้าน 2.7 - 2.9 บาท (Stop loss 2.5 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ดีมานด์น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการเดินทาง + ขนส่งฟื้นตัว 3) Valuation ไม่แพง PE ปีนี้ 13.6 เท่า (ข้อมูล Bloomberg consensus), PBV 0.81 เท่า 4) คาดรับ Sentiment บวกจากการใกล้ IPO บ.ลูกของ PTT* (OR) ... เลือกเป็นหุ้นเด่นจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของเดือน ก.ค ดูเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Quantamental 7 ก.ค.
STA* (เป้า Consensus 28.7 บาท / สูงสุด 39.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 33 บาท (Stop loss 27 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard บ.ลูก STGT โดย หากคำนวณ Valuation จาก Market cap STGT ราคาปิดวานนี้ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 50.75% จะคิดเป็นมูลค่า >5 หมื่นล้านบาท มากกว่า Market cap ของ STA* ล่าสุดที่เพียง 4.6 หมื่นล้านบาท 3) Consensus ประเมิน PE ปีนี้เพียง ±16 เท่า ... ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ STGT เป้าพื้นฐาน 82 บาท นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร STGT แนวรับ 74 บาท และ 72 บาท / แนวต้าน 79 - 80 บาท (Stop loss 70 บาท)
หุ้นมีข่าว
(-) AOT* เปิดเผยว่า บริษัทอาจช่วยเหลือ THAI ให้สามารถดำเนินงานต่อเนื่อง ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจศูนย์ซ่อมเครื่องบิน ธรุกิจคลังสินค้า และธุรกิจบริการภาคพื้น เนื่องจาก THAI เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ (Efinance) เรามองเรื่องดังกล่าวเป็นลบต่อ AOT นอกจากนี้ THAI ยังมีภาระหนี้กับ AOT อยู่ราว 3 พันล้านบาท (เจ้าหนี้การค้า 800 ล้านบาท และหนี้สินจากกรณีพิพาททางกฎหมาย 2.2 พันล้านบาท) ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ภาระหนี้ของไทยจะได้รับการแก้ไขในอนาคต แต่กระทบต่อมูลค่าหุ้น AOT ไม่มากนัก (คิดเป็นเพียง 0.2 บาท/หุ้น) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ผลประกอบการในช่วง 2H63 ของ AOT จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ (เทียบกับกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท) โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้สูญเสียรายได้ทั้งในส่วนของธุรกิจสนามบินและพื้นที่เชิงพาณิชย์จากการปิดสนามบิน อีกทั้งคาดว่าโอกาสในการปรับลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานทำได้ไม่มาก เรายังคงแนะนำถือ AOT โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ไว้ที่ 58 บาท
(+) ADVANC* รุกหนักเน็ตบ้าน ปีนี้ปั๊มลูกค้าใหม่ 3 แสนราย (ข่าวหุ้น) ADVANC* ตั้งเป้าปีนี้มีลูกค้าใหม่ AIS Fibre เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 300,000 ราย จากสิ้นปี 62 มีฐานลูกค้า 1 ล้านราย แย้มไตรมาส 2/63 ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก หลังล็อกดาวน์ทำให้เน็ตบ้านเป็นสิ่งจำเป็น พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัดแล้ว ล่าสุดอัพเกรดเน็ตบ้าน รองรับพฤติกรรมลูกค้ายุค New Normal
(+) VL จ่อลงทุนเรือขนส่ง LNG ปีนี้ ล่าสุดรับจ้างขนส่งน้ำมันให้ BCP* นาน 5 ปี (ข่าวหุ้น) VL เร่งสรุปลงทุนธุรกิจเรือขนส่ง LNG ภายในปีนี้ ล่าสุดเจรจาลูกค้าแล้ว 2-3 ราย พร้อมเซ็นสัญญารับจ้างเดินเรือขนส่งน้ำมันดิบฯให้ BCP* ระยะเวลา 5 ปี บุ๊กรายได้ 160 ล้านบาทต่อปี มั่นใจปีนี้รายได้โตกว่า 20%
(+) BGC เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ต่อยอดธุรกิจใหม่-ลุยเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า (ข่าวหุ้น) BGC เดินหน้าขยายธุรกิจผ่านกลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลัง เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เล็งเติบโตจากธุรกิจใหม่ต่อยอดบรรจุภัณฑ์แก้ว และพลังงานหมุนเวียน ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 300-400 เมกะวัตต์ ใน 5 ปี
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
หุ้นที่แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนดจุดล็อกกำไร Trailing stop: RS* (Trailing stop 15.5 บาท), SEAFCO (Trailing 5.9 บาท)
หุ้นที่รอลุ้นผ่านแนวต้านสำคัญ หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" INTUCH* (รับ 56.5 บาท / ต้าน 58 บาท / Trailing stop 56 บาท)
CPF* (เป้าพื้นฐาน 38 บาท) แนวรับ 31.5 บาท / แนวต้าน 32.5 – 33 บาท หากผ่านได้แนวต้านถัดไป ±35 บาท (Stop loss 30.5 บาท)
AAV* (เป้า Consensus 2.08 บาท / สูงสุด 3.90 บาท) แนวรับ 1.96 บาท / แนวต้าน 2.1 - 2.2 บาท (Trailing stop 1.96 บาท)
VGI* (เป้า Consensus 7.88 บาท) แนวรับ 7.5 บาท / แนวต้าน 8.0 - 8.1 บาท (Trailing stop 7.3 บาท)
GULF* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38.5 บาท / แนวต้าน 41 บาท (Trailing stop 37 บาท)
AMATA* (เป้าพื้นฐาน 18.5 บาท) แนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 16.3 - 16.9 บาท (Stop loss 15.4 บาท)
STEC* (เป้าพื้นฐาน 19.2 บาท) แนวรับ 15.4 บาท / แนวต้าน 16.2 - 16.4 บาท (Stop loss 15.0 บาท)
EP (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) แนวรับ 3.6 บาท / แนวต้าน 3.8 - 4.0 บาท (Trailing stop 3.6 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
SCC* แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 360 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 2Q63 = 8.7 พันล้านบาท (+23.7% YoY, +25% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก i) ไม่มีรายจ่าย ค่าชดเชยพนักงานเช่นในปีก่อน (ฐานกำไรต่ำ) ii) ปริมาณขาย และ Spread ปิโตรเคมี ดีขึ้น QoQ อย่างไรก็ดีประเมินแนวโน้มกำไร 2H63 จะลดลง HoH เพราะ ต้นทุน Naphtha เพิ่มขึ้น, การปิดซ่อมบำรุงโรงงานใน 4Q63, ดีมานด์วัสดุก่อสร้างยังอ่อนแอ จึงคงคำแนะนำ "ขาย"
TFG แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 4.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง โดยคาดกำไร 2Q63 ชะลอตัวลง -36.2% YoY, -22.9% QoQ เป็น 310 ล้านบาท เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกทำให้ยอดส่งออกไก่ลดลง อย่างไรก็ดีประเมินแนวโน้ม 2H63 จะฟื้นตัวหลังคลายมาตรการล็อคดาวน์ คงคำแนะนำ "ถือ"
THCOM* "Under Review" ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานกำไรปกติใน 2Q63 ราว 2 ล้านบาท (ลดลง -99% QoQ แต่ Turnaround YoY) ผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลง QoQ เป็นผลจากรายได้ Thaicom 4 (iPSTAR) and Thaicom 5 ที่ลดลง ขณะที่การ Turnaround YoY เป็นผลจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง หลังการตั้งสำรองฯไปจำนวนมากแล้วใน 4Q62 ทั้งนี้มี Upside จากโครงการใหม่ JV ร่วมกับ CAT ... รอข้อมูลเพิ่มเติม
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web