WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-7-2020KGI

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้   ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)

ปรับขึ้น หนุนโดยจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดหุ้นโลก

KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร (หลังหยุดยาว 3 วัน) ปรับตัวขึ้น หนุนโดยจิตวิทยาเชิงบวกจากการแรลลี่ของตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ... ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนีฯ ไซด์เวย์ก่อนปิดลบเล็กน้อย (ตามคาด)... ทั้งนี้แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของทั้งโลกได้ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นำโดยการติดเชื้อในสหรัฐฯ อินเดีย และออสเตรเลีย แต่รัฐบาลของเกือบทุกประเทศยังคงยืนยันว่าจะไม่ทำการปิดเมือง ปิดประเทศ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมองข้ามปัจจัยเสี่ยงจาก COVID-19 อย่างน้อยในขณะนี้ ด้านปัจจัยบวกที่ยังหนุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ได้แก่ i) ดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. รีบาวด์แรงกว่าที่ consensus คาดอย่างมาก จากผลของการปลดล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา และ ii) ตลาดหุ้นจีนพุ่งกว่า 6% เมื่อวานนี้ จุดพลุให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับขึ้นแรง หลังจากสื่อของรัฐบาลจีนตีพิมพ์บทความแนะนำให้ประชาชนจีนเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแล้ว... อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองว่าทางขึ้นของ SET Index มีจำกัดในเดือน ก.ค. เพราะ valuations ของตลาดหุ้นกลับมาตึงตัวหลังการรีบาวด์ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว + consensus ยังมีการปรับลดกำไร บจ. ต่อเนื่อง โดยหากอิงฐานพีอีเรโช 17.0 เท่า และ consensus EPS สิ้นปี 2564 ที่ประมาณ 82.0 เรามองว่าดัชนีฯ ที่โซน 1,390-1,400 น่าจะผ่านไปได้ยากและมีโอกาสเกิดแรงขายลดความเสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)

เก็งกำไร EA*, SPRC*, AAV*

                EA* (เป้า Consensus 52.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 43 บาท / แนวต้าน 46 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 50 บาท (Stop loss 41.5 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซลรับอานิสงส์ดีมานด์ฟื้นตัวหลังการคลายล็อกดาวน์ 3) เตรียมปลดล๊อกธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่ จากการเข้าลงทุนในหุ้น NEX ประกอบรถบัส EV โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น NEX จะประชุมผู้ถือหุ้นวันศุกร์นี้อนุมัติการเข้าทำรายการเพิ่มทุนให้ บ.บ่อย EA* เข้าถือหุ้น 40% โดยไม่ทำเทนเดอร์ ... NEX แนวรับ 4.0 บาท / แนวต้าน 4.2 - 4.5 บาท (Stop loss 3.8 บาท)

                SPRC* (เป้าพื้นฐาน 10 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.0 บาท / แนวต้าน 7.2 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้าน 7.7 - 8.0 บาท (Stop loss 6.6 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ทั่วโลกหนุนดีมานด์เชื้อเพลิงใน 2H63 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q63 Turnaround จาก i) ไม่มีขาดทุนสต๊อก (ลุ้นกำไร) ii) ค่าการกลั่นของโลกกลั่นไทยฟื้นตัวขึ้น QoQ 4) PBV 1.17 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.4 เท่า

                AAV* (เป้า Consensus 2.08 บาท / สูงสุด 3.90 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.0 บาท / แนวต้าน 2.20 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไป 2.40 บาท (Trailing stop 1.96 บาท) 2) ประเมินรับอานิสงส์ Sentiment บวกจาก i) การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ii) มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาครัฐฯ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" อุดหนุนค่าตั๋วเครื่องบิน + ค่าที่พัก iii) ภาวะการแข่งขันอุตสาหกรรมการบินลดลงมาก ทำให้ปัจจัยกดดันเรื่องการลดค่าตั๋วฯ ลดลงหลังจากนี้ 3) ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด ใน 2Q63 ขณะที่ PBV ต่ำเพียง 0.58 เท่า

หุ้นมีข่าว

(-) KTC* กำไรวูบพันล้าน พิษลดดอกเบี้ยอุ้มลูกหนี้ (กรุงเทพธุรกิจ) เล็งขยาย สินเชื่อบุคคล-พี่เบิ้ม ชดเชยธุรกิจบัตรเครดิต "เคทีซี" คาดมาตรการ ธปท.สั่งลดเพดานดอกเบี้ยอุ้มลูกหนี้รายย่อย ฉุดกำไรลดลง 1,000 กว่าล้านต่อปี จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ เผยยอดลูกค้าขอพักหนี้เพียง 99 ราย ส่วนปรับโครงสร้างหนี้ 4,000 ราย มูลหนี้ 300 ล้าน ย้ำเป็นลูกหนี้ดีจ่ายหนี้คืนได้ เล็งหันขยายสินเชื่อบุคคล-พี่เบิ้ม ชดเชยธุรกิจบัตรเครดิต

(+ กลุ่มโรงแรม CENTEL*, ERW* / สายการบิน AAV*, BA / ปั๊มน้ำมัน PTG*, SUSCO, GGC*) นักท่องเที่ยวเตรียมพร้อม ดีเดย์ลงทะเบียน "เราเที่ยวด้วยกัน" 15 ก.ค.นี้ (ข่าวหุ้น) นักท่องเที่ยวไทย เตรียมพร้อม เปิดลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com 15 ก.ค.นี้ รัฐบาลหนุนค่าใช้จ่ายโรงแรม ให้ 40% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน แถมได้รับเงินท่องเที่ยว E-Voucher อีกคืนละ 600 บาท ส่วนตั๋วเครื่องบินรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนในอัตรา 40% ของค่าบัตร แต่ไม่เกิน 1,000 บาท

(+) PTG/ ยอดขายฟื้น รับผ่อนล็อกดาวน์ เดินทางเที่ยวพุ่ง (ทันหุ้น) PTG* คาดยอดขายครึ่งหลังโตเด่น หลังรัฐปลดล็อกดาวน์คนแห่เดินทางท่องเที่ยวดันปริมาณขายช่วงที่เหลือปีนี้ยืนเหนือ 15-17% แนวโน้มราคาน้ำมัน-ค่าการตลาดกลับมาฟื้นตัวหนุนผลงานทั้งปียังเติบโต ล่าสุดผุดบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่มีวันหมดอายุ

(+) เปิดฉากซื้อซองสีส้ม แม่ทัพ CK* ล็อกเป้าลุย (ทันหุ้น) ได้ฤกษ์ซื้อซองชิงรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก รฟม.เปิดขายซองเริ่มศุกร์นี้ CK* Group ประกาศพร้อมคว้า ชี้เชี่ยวชาญงานใต้ดิน โอกาสสูง ชี้งานพุ่งชนต่อเนื่องทั้งสายสีม่วงใต้ เขื่อนลาว ดันแบ็กล็อกทะลุแสนล้านบาท ปีนี้ ลั่นฐานะการเงินแกร่ง D/E Ratio เพียง 1.2 เท่า ย้ำศักยภาพแกร่งไม่ต้องเพิ่มทุน

(+) CWT ส่งสกุลฎ์ซีเซ็นสัญญาลงนามพัฒนาเรือไฟฟ้า (ทันหุ้น) CWT ส่งบริษัทลูก สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น ลงนาม 3 หน่วยงาน พัฒนาเรือไฟฟ้า EV Ferry คาดจะเสร็จภายในสิงหาคม 2563 เผยอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่ๆ หวังต่อยอดงานหลักของบริษัท และหนุนรายได้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

                หุ้นที่แนะนำ "Let profit run" โดยกำหนดจุดล็อกกำไร Trailing stop: RS* (Trailing stop 15.5 บาท), JMART (Trailing stop 10.2 บาท)

                INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 69 บาท) แนวรับ 56 บาท / แนวต้าน 58 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 55.5 บาท)

                SEAFCO (เป้าพื้นฐาน 7.9 บาท) แนวรับ 5.8 บาท / แนวต้าน 6.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 5.65 บาท)

                VGI* (เป้า Consensus 7.88 บาท) แนวรับ 7.5 บาท / แนวต้าน 8.0 - 8.1 บาท (Trailing stop 7.3 บาท)

                CPF* (เป้าพื้นฐาน 38 บาท) แนวรับ 31.5 บาท / แนวต้าน 32.533 บาท หากผ่านได้แนวต้านถัดไป ±35 บาท (Stop loss 30.5 บาท)

                GULF* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38 บาท / แนวต้าน 39 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไป 41 บาท (Trailing stop 36 บาท)

                AMATA* (เป้าพื้นฐาน 18.5 บาท) แนวรับ 15.8 บาท / แนวต้าน 16.4 - 17 บาท (Stop loss 15.0 บาท)

                GGC* (เป้าพื้นฐาน 11.5 บาท) แนวรับ 9.1 บาท / แนวต้าน 9.4 - 9.6 บาท (Stop loss 9.0 บาท)

                STEC* (เป้าพื้นฐาน 19.2 บาท) แนวรับ 15.4 บาท / แนวต้าน 16.2 - 16.4 บาท (Stop loss 15.0 บาท)

                EP (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) แนวรับ 3.66 บาท / แนวต้าน 3.84 - 4.0 บาท (Trailing stop 3.6 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

                TOP* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 68 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q63 = 4.0 พันล้านบาท (+603% YoY, Turnaround QoQ) โดยคาดเป็นผลจากราคาน้ำมันฟื้น QoQ (กำไรสต๊อกสุทธิ) และค่าการกลั่นที่ดีขึ้น QoQ

Thai Oil

(TOP.BK/TOP ประมาณการ 2Q63: ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหลังผ่านอาการโคม่า

Event ประมาณการ 2Q63

Impact

คาดว่ากำไรใน 2Q63F จะโตถึง 603% YoY และฟื้นตัว QoQ จากที่ขาดทุนหนัก

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 4.0 พันล้านบาท (+603% YoY และฟื้นตัวขึ้น QoQ จากขาดทุนสุทธิ 1.38 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราคาดว่า TOP จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบสุทธิใน 2Q63 มากถึง 3.4 พันล้านบาท (รวมการกลับรายการขาดทุน NRV) จากที่มีกำไรสต็อกสุทธิแค่ 64 ล้านบาทใน 2Q62 และขาดทุนสต็อกสุทธิถึง 1.43 หมื่นล้านบาทใน 1Q63 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบพุ่งขึ้นจาก US$34/bbl ในเดือนมีนาคม เป็น US$41/bbl ในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้เราคาดว่า base GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก QoQ เป็น US$2.1/bbl จากแค่ US$0.1/bbl ใน 1Q63 เนื่องจากต้นทุน Murban crude premium ลดลงอย่างมาก QoQ จาก US$2.4/bbl เป็นติดลบที่ –US$4.7/bbl เนื่องจากสงครามราคาน้ำมัน แม้ว่า spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นเกือบทุกตัวลดลง QoQ เพราะถูกกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลให้อัตราการกลั่นลดลง 10% QoQ เหลือ 275KBD แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจ aromatics และ lube base ใน 2Q63 จะลดลง QoQ เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของทั้งสองธุรกิจจะลดลง QoQ เหลือ 75% ตามอัตราการกลั่นที่ลดลง และ spread ของ BZ ลดลง 29% QoQ เหลือ US$90/ton ใน 2Q63 สำหรับรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.0 พันล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.3 พันล้านบาทใน 1Q63 เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.82 บาท/US$ ใน 2Q63

ค่าการกลั่นใน 3Q63F จะขึ้นอยู่กับการระบาดระลอกสองของ COVID-19

สำหรับในระยะสั้น เราคาดว่า base GRM ในประเทศใน 3Q63 จะถูกกดดันจากต้นทุน crude premium ที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียยุติสงครามราคาน้ำมันในเดือนพฤษภาคม โดยต้นทุน Murban crude premium เพิ่มขึ้น MoM จาก –US$4.5/bbl ในเดือนมิถุนายน เป็น US$1.0/bbl ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเราประเมินคร่าวๆ ว่า base GRM ของไทยใน 3Q63 จะทรงตัว QoQ ถ้าหากว่า spread ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า US$10/bbl (จากปัจจุบันที่ US$5.5/bbl และ US$6.2/bbl ตามลำดับ) เพื่อจะไปหักล้างกับต้นทุน crude premium ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับปกติ สำหรับในระยะยาว เรายังคงชอบแนวโน้มตลาดโรงกลั่น เพราะอุปทานโรงกลั่นใหม่ค่อนข้างสมดุลกับการเติบโตของอุปสงค์ในช่วงปี 2563-68 หากไม่รวมกรณีที่อุปสงค์หดตัวมากเป็นพิเศษจากผลกระทบของโรคระบาดในปีนี้ ดังนั้นเราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ base GRM ในประเทศปีหน้าจะฟื้นตัวขึ้นมากกว่า 50% จากระดับปัจจุบันจากการที่สถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลงไป ทั้งนี้ base GRM ของ TOP ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาไม่เคยต่ำกว่า US3.1/bbl เลย (ค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลังอยู่ที่ US$5.5/bbl) หมายความว่า base GRM น่าจะขยับเพิ่มขึ้นได้อีกอย่างน้อย 48% จาก base GRM ใน 2Q63 ที่เราคาดไว้ US$2.1/bbl

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ TOP และให้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 68.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.5x เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างมากใน 2Q63 นอกจากนี้ เรายังคงเลือก TOP เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงาน

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี รวมถึงความเสี่ยงที่ผลประกอบการทั้งปีจะออกมาต่ำกว่าที่เราคาดไว้

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!