WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-7-2020dbs

ดัชนีบริการสหรัฐเพิ่ม-ตลาดหุ้นจีนทะยาน

  • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ ไซด์เวย์ตลอดทั้งวัน ปิด -1.86 จุด ที่ 1372.27 จุด มูลค่าซื้อขาย 71 พันลบ.ดัชนีฯปรับลงต่างจากตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่บวกถ้วนหน้า แม้ตัวเลขจ้างงานออกมาดีน้ำมันปรับขึ้นแต่มีแรงขายกังวลผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงและความขัดแย้งจีน-สหรัฐ มีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์จะได้รับผลลบการพักชำระหนี้ยาวนานขึ้นแม้มีข่าวดีจีนเรื่อง PMI ภาคบริการ ก็ไม่ช่วย ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 219 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET มีโอกาสขึ้นต่อจากดัชนีภาคบริการสหรัฐดี ตลาดหุ้นจีนทะยาน คาดเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว ปัจจัยบวกคือ ดัชนีภาคบริการสหรัฐ มิ.ย.ปรับขึ้นเป็น57.1 ช่วงวันหยุดบ้านเราตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปรับขึ้นถึง 5.7% ดาวโจนส์ +460 จุดรับข่าว เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเป็นบวก ดัชนีความกังวล VIX ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่สูงเป็น 27.9 จุด ด้านไทยนายกฯเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกด้าน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมิ.ย.ติดลบน้อยลง และมีมาตรการท่องเที่ยว เที่ยวปันสุขใช้งบถึง 22.4 พันลบ.ด้านปัจจัยลบคือ น้ำมัน WTI ปรับลงเล็กน้อย กังวลผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังสูง ทองคำปรับขึ้น มีการก่อการร้ายในสหรัฐอาจเป็นเรื่องเหยียดสีผิว และความขัดแย้งในฮ่องกง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1350-1400 วันนี้ปัจจัยต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นเรื่องผู้ติดเชื้อ ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ แต่มีสัญญาณ PMI ดีขึ้น จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้น Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,HREIT ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น แนวรับคือ 1350-1300 จุด และ แนวต้าน 1380-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า1360 จุด ปัจจัยที่น่าติดตาม คือ วันนี้มีทำ preview หุ้นกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สดใสนักใน 2Q63 เพราะมี shut down ห้างเดือน เม.ย.และรัฐมีเยียวยาให้ใช้เน็ตฟรีแต่คาด 3Q63 จะฟื้นตัว ส่วนผลกระทบอังกฤษแบนกระทิไทย คาดว่าผลกระทบยังน้อย ยกเว้นบานปลาย ชี้แจงไม่สำเร็จ และไม่มีบจ.ที่ถูกกระทบมาก เพราะ 90%ที่ส่งออกเป็นน้ำกระทิ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทนอกตลาดฯ และ 8% ส่งไปอังกฤษ

# Stock Pick Today : SENA สุดยอดหุ้นปันผล แม้มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่คาดว่า SENA จะรักษาการจ่ายปันผลสูงมากไว้ได้ ยิลด์ปีนี้และปีหน้าสูงเป็น 8.8%/9.1%ตามลำดับ แรงค้ำจุนมาจากยอดขายรอโอนคอนโดของบ.ร่วมทุนกับฮันคิว มูลค่าถึง 10.7 พันล้านบาท ทยอยโอนใน 3 ปีข้างหน้านี้ แม้รายได้ที่อยู่อาศัย ของ SENA เองจะย่อลงตามสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ แต่ก็ยังมีรายได้เช่าและบริการช่วยยันไว้ส่วนหนึ่ง แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 3.10 บ. (P/E ปี 63 ที่ 5 เท่า)

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพยังเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์...แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังมีสถานะ(แค่)เป็นบวกเล็กๆ {“ปิดลบแต่ก็เล็กน้อยโดยยังยืนเหนือ“SMA10วัน” (โดยติดแนวต้านสำคัญ และมีโครงสร้างขาลง ระยะกลางกดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้แกว่งแบบยังมีลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(แรงหนุนของ“SMA10”)ก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1380 (หรือ 13901400) จุด {แนวตัดขาดทุน ต่ำกว่า 1360” (แนวรับย่อย 13501330 / 1300จุด)}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Flash Note : กลุ่มสื่อสาร

SAWAD (ถือ -ราคาพื้นฐาน 57.00)

In The News : ข่าวเด่นวันนี้

Turnover List Watch : IP และ YGG ติด Cash Balance ตามคาด

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

+ สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการ มิ.ย.ปรับตัวขึ้นดี จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ

# ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

# รายงานดัชนีภาคบริการของสถาบัน ISM ออกมาสอดคล้องกับรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.9 จากระดับ 37.5 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขขั้นต้นเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ที่ 46.7

+ จีน: ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตทะยาน มีความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจรวดเร็ว

# ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ทะยานขึ้นถึง 5.71% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ หลังจากที่ China Securities Journal ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนได้เผยแพร่บทบรรณาธิการและบทความที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อสนับสนุนตลาดภายในประเทศ

- สหรัฐ: จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น

# จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยรายงานข่าวระบุว่า ในช่วง 4 วันแรกของเดือนก.ค. 15 รัฐของสหรัฐรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้บางรัฐต้องระงับแผนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นยังรวมถึง อินเดียออสเตรเลีย และเม็กซิโก

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์พุ่ง 459.67 จุด รับภาคบริการแกร่ง,ตลาดหุ้นจีนดีดแรง

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ทะยานขึ้นกว่า 5% เมื่อวานนี้ ท่ามกลางมุมมองบวกที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

- น้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนกังวลยอดโควิดพุ่งกระทบดีมานด์

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยตลาดได้แรงหนุนจากมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และข่าวซาอุดีอาระเบียปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบ

  • ทองคำ: ทองปิดบวก $3.5 เงินดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อทอง

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ นอกจากนี้นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทั่วโลก

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

+ เศรษฐกิจไทย: นายกรัฐมนตรีจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

# นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า รัฐบาลจะเร่งรัดการใช้จ่ายภายในประเทศ เร่งการลงทุนภาครัฐ และเปิดกิจการที่มีศักยภาพรวมถึงเร่งรัดเปิดกิจการด้านการรักษาพยาบาล ตลอดจนเร่งการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ประเทศไทยมีศักยภาพ

+ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป มิ.ย.63 หดตัว -1.57% ดีขึ้นติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน

# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิ.ย.63 หดตัว -1.57% แต่ปรับตัวดีขึ้นเพราะติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนมิ.ย.63 หดตัว -0.05% ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 10 ปี เดือน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภค ทั้งนี้ ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ลงเหลือ -1.5 ถึง -0.7% จากเดิม -1.0 ถึง -0.2%

# ผลกระทบ: อัตราเงินเฟ้อติดลบน้อยลงเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่ามีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม จนผลักดันให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น หลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ กลุ่มพาณิชย์ แนะนำ ซื้อ สำหรับ CPALL ราคาพื้นฐาน 79 บาท แนะนำ ซื้ออ่อนตัวสำหรับ HMPRO, MC และ MEGA

+ เปิดตัวโครงการ "เที่ยวปันสุข" เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ใช้งบถึง 22.4 พันล้านบาท

# กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงการคลัง, ธนาคารกรุงไทย เปิดตัวโครงการ "เที่ยวปันสุข" ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว วงเงินงบประมาณ 22,400 ล้านบาทประกอบด้วยแพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน วงเงิน 20,000 ล้านบาท และแพ็กเกจกำลังใจ วงเงิน 2,400 ล้านบาท เริ่มก.ค.-ต.ค.63

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!