- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 July 2020 17:15
- Hits: 4656
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-7-2020
“ต่างประเทศดีขึ้นแต่แรงสกัดผู้ติดเชื้อเพิ่ม-World Bank”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TLGF (จาก Fully Valued เป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับขึ้น ครม.ออกกระตุ้นการท่องเที่ยว ปิด +9.27 จุด ที่ 1339.03 จุด มูลค่าซื้อขาย 58.5 พันลบ. บวกเหมือนหุ้นแถบนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน ออกมาดี ครม.อนุมัติโปรแกรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ราคาน้ำมันฟื้นตัว การคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 5 และให้ชาวต่างชาติเข้าไทยได้มากขึ้น แต่มีแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาดอยู่บ้าง ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 217 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสไซด์เวย์ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดี เฟดและก.คลังพร้อมพยุงเศรษฐกิจ แต่ผู้ติดเชื้อสูง World Bank ลด GDP ไทย ปัจจัยบวกคือดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่ม พาวเวลและมนูชินให้คำมั่นจะพยุงเศรษฐกิจให้ผ่านวิกฤติ ดาวโจนส์ +217 จุด ดัชนีความกังวลลดลงเป็น 30.43 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบวกแต่ไม่แรง ด้านไทย ครม.อนุมัติงบกระตุ้นท่องเที่ยว 22.4 พันล้านบาท ส่วนปัจจัยลบคือ วานนี้น้ำมัน WTI ลดลง 43 เซ็นต์ ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกสูงมาก มีการเข้าหาทองคำจนราคาเกิน 1,800 US$ แล้ว World Bank ปรับลด GDP ไทยปีนี้ -5% แล้วไปฟื้นตัวปี 64-65 ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทย พ.ค.หดตัวสูงต่อเนื่อง และเข้าสู่จุดต่ำสุด2Q63 ด้าน AOT เผยจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน 5 เดือนแรกปีงบประมาณ ลดลงมากว่า 30% และเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ปรับลง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1300-1350 วันนี้ปัจจัยต่างประเทศกลับมาสดใส ยกเว้นเรื่องผู้ติดเชื้อ และเวิลด์แบงก์ ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาวเนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ-CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,HREIT ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาผันผวน แนวรับคือ 1300-1280 จุด และ แนวต้าน 1350-1360 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1330 จุด ปัจจัยที่น่าติดตาม หุ้นกลุ่มเดินทาง-โรงแรม สนามบิน อาจมีการเก็งกำไรหลัง ครม.ผ่านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ศบค.มีเกณฑ์คลายต่างชาติให้เข้าไทยได้ และอียูตอบรับไทยให้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันนี้ ด้าน STGT เข้าซื้อขายพรุ่งนี้แล้ว ราคาจอง 34 บาท คาดทำให้ตลาดคึกคักมากขึ้น สำหรับ SSI ปลด SP เปิดให้ซื้อขายระหว่างวันที่ 1 - 10 ก.ค. 2563 ก่อนเพิกถอน โดยให้ซื้อด้วยบัญชี Cash Balance แนะนำ ขาย ราคาล่าสุด 0.03 บาท (15 ก.พ.59)
# Stock Pick Today : AP ส่งสัญญาณผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดการณ์ผลการดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวได้ใน 2H63 เนื่องจากจะมีการเปิดขายโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่าขาย 20.8 พันล้านบาท และมีการโอนกรรมสิทธิ์ได้มากยิ่งขึ้น ตามโปรแกรมแล้ว 3Q63 จะเริ่มโอนคอนโดได้ 2 โครงการ อีกทั้ง บรรยากาศการซื้อขายก็ดีขึ้นจากการทยอยคลายล็อกดาวน์ เราคาดว่ายอดขายจะสูงใน 3Q63 ส่วนกำไรจะสูงสุดใน 4Q63 สำหรับปี 63 นี้ แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 6.30 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเอียงไปทางลบ คาดแกว่ง...ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators น้ำหนักหลักยังเอียงมาทาง“ลบ” {แม้“ปิดบวก” แต่ก็อยู่ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(แรงหนุน“แนวรับ”เดิมที่“1300+/-”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1350 – 1360 (หรือ 1380) จุด {แนวตัดขาดทุน“ต่ำกว่า 1330” (แนวรับย่อย “1300 – 1280 / 1250”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Special Issue: 8 หลักทรัพย์ เริ่มย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมวันนี้
Company Guide : DELTA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 62.00)
TLGF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 18.30)
Equity Explorer : INSET (Not Rated)
In The News : BEM : ตรึงอัตราค่าโดยสาร MRT สายสีน้ำเงิน 16-42 บาทถึงสิ้นปี 63
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% y-o-y ในเดือนเม.ย.
# ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนมี.ค. โดยราคาบ้านเดือนเม.ย.ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน,สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ
+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 98.1 ในเดือนมิ.ย.
# ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 98.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 85.9 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 91.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เริ่มมีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง
+ สหรัฐ: นายพาวเวลและนายมนูชินได้ให้คำมั่นจะเดินหน้าพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์
# ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายพาวเวลและนายมนูชินได้ให้คำมั่นในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดและกระทรวงการคลังจะเดินหน้าพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขในครั้งนี้ไปให้ได้ โดยหาลู่ทางที่จะขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน 11 โครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยเฟดให้สามารถเข้าถึงความต้องการของตลาดเป็นวงกว้าง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 217.08 จุด รับข้อมูลศก.สดใส,พาวเวล-มนูชินให้คำมั่นอุ้มศก.
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.นั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันพยุงเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 43 เซนต์ วิตกโควิดระบาดหนัก,ลิเบียกลับมาผลิตน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่10,432,846 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 508,803 ราย ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19และผู้เสียชีวิต รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาผลิตน้ำมันของลิเบีย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของทางการสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $19.3 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย,ดอลล์อ่อนหนุนตลาด
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 เนื่องนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยดึงดูดแรงซื้อทองคำ
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ไทยติดโผ "ประเทศปลอดภัย" ของ EU ตามคาด ก่อนปลดล็อกรับนักท่องเที่ยววันนี้
# สมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ทำการลงมติในวันนี้เพื่ออนุมัติรายชื่อ"ประเทศปลอดภัย"นอก EU ที่นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะสามารถเดินทางเข้าสู่ EU ได้ ทั้งนี้ EU ได้ทำการอนุมัติ 15 ประเทศในรายชื่อดังกล่าว ซึ่งได้แก่ ไทย จีน แอลจีเรีย ออสเตรเลีย แคนาดา จอร์เจีย ญี่ปุ่น มอนเตเนโกร โมรอกโก นิวซีแลนด์ รวันดา เซอร์เบีย เกาหลีใต้ ตูนิเซีย และอุรุกวัย โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้จะสามารถเดินทางเข้าสู่ EU ในวันนี้ (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
- ธนาคารโลก (World Bank) ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัว -5% ไปฟื้นตัวปี 64-65
# ธนาคารโลก (World Bank) ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัว -5% จากผลกระทบที่รุนแรงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากประเทศไทยมีการเปิดกว้างทางการค้า และเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในปี 64 ที่ 4.1% และปี 65 ที่ 3.6%
-ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ค.63 หดตัวสูงต่อเนื่อง และเข้าสู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ของปีนี้
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ค.63 หดตัวสูงต่อเนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศทั้งงภาคการท่องเที่ยวที่ยังหดตัวสูงจากการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และภาคการส่งออกสินค้าที่หดตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเข้าสู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยคาดว่า GDP จะหดตัว 2หลัก หรือมากกว่า -10% และจะเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องกันทุกไตรมาสได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ขณะที่ทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวที่ -8.1%
+ ครม. อนุมัติงบประมาณ 22,400 ล้านบาทให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกระตุ้นการท่องเที่ยว
# น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 22,400 ล้านบาทให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมภาคการท่องเที่ยวจำนวน 2 โครงการ รวม"เราเที่ยวด้วยกัน-เที่ยวปันสุข"ช่วยค่าตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก-ค่าอาหาร เปิดลง AOT เผย 8เดือนงวดปี 62/63 ผู้โดยสารวูบ 34% เที่ยวบินหด 30% ทะเบียนใช้สิทธิ 15 ก.ค.
-/+ AOT เผย 8 เดือนงวดปี 62/63 ผู้โดยสารวูบ 34% เที่ยวบินหด 30%
# AOT) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 63 ปริมาณการจราจรทางอากาศของ AOT ในภาพรวมรอบ 8 เดือน (ต.ค.62-พ.ค.63)มีเที่ยวบิน 425,900 เที่ยวบิน ลดลง 29.80% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ229,400 เที่ยวบิน ลดลง 30.20% และเที่ยวบินภายในประเทศ 196,500 เที่ยวบิน ลดลง 29.33% ขณะที่ผู้โดยสาร 64.20ล้านคน ลดลง 33.94% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 37.24 ล้านคน ลดลง 34.72% และผู้โดยสารภายในประเทศ26.96 ล้านคน ลดลง 32.83%
# คงคำแนะนำ ถือ AOT ราคาพื้นฐาน 60 บาท แต่คาดว่าระยะสั้นยังจะรับข่าวดี เรื่องพัฒนาการท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้นในระยะนี้ ในเรื่องครม.ผ่านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ศบค.มีเกณฑ์คลายต่างชาติให้เข้าไทยได้ และอียูตอบรับไทยให้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันนี้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web