- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 June 2020 17:33
- Hits: 803
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-6-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ย่อแล้วฟื้นตัว โดยมีแรงกดดันในช่วงแรกจากการแพร่ระบาด COVID-19 ใน US แต่อย่างไรก็ดีปลายตลาดมีแรงซื้อกลับหนุน SET ฟื้นตัว โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,329.76 (-0.58 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 4.7 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 643 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,852 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 1,916 สัญญา)
TOP (ราคาเป้าหมาย 48.0 บาท) คาดแนวโน้มกำไร 2Q63 เร่งตัวขึ้น จากราคาต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายเริ่มฟื้นตัวตามความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัว และคาดจะพลิกมาบันทึก stock gain หลังจาก 1Q63 บันทึก Stock loss หนัก
ฟื้นตัวตอบรับปัจจัยบวกที่สลับเข้ามาพยุงตลาด: ภาพรวมในระยะสั้นคาดตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงแกว่งผันผวนสูงตอบรับปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามากระทบ โดยวานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนพฤษภาคม ซึ่งขยายตัวโดดเด่นกว่า +44.3% MoM (ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์) สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 19.3% แรงหนุนหลักจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความต้องการที่ค้างในช่วงก่อนหน้า (pent up demand) ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งขึ้นในแดนบวก ผสานกับในระยะสั้นยังมีการคาดหวังต่อพัฒนาการที่ดีขึ้นจากการวิจัยวัคซีนและยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง จุดนี้เองยังเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงภาพรวมตลาดเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยในระยะสั้นที่ต้องจับตาเราแนะให้กลับมาเน้นประเด็นผลประกอบการ 2Q63 มากยิ่งขึ้น โดยแนะทยอยสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 2Q63 มีโอกาสดีกว่าที่ตลาดคาด เช่น กลุ่มพลังงาน (TOP, SPRC, PTTGC, PTG, PRM), วัสดุก่อสร้าง (TASCO, DCC, MCS), อาหาร (CBG, CPF, RBF), ค้าปลีก (DOHOME, MAKRO, SINGER, COM7), ไฟแนนซ์ (JMT), อสังหา (AP)
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,315 ต้าน 1,350 จุด เน้นหุ้นที่คาดกำไร 2Q63 จะทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดและหุ้นบาทแข็ง โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “TOP, TASCO, GPSC”
มีหุ้น : ทยอยขายทำกำไรเมื่อดัชนีฟื้นตัวเข้าหาแนวต้าน 1340 จุด และ 1360 จุด
ไม่มีหุ้น : เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น วางเป้าหมายที่ 1340/1360 จุด หลุด 1313 จุด ตัดขาดทุน
มอเตอร์เวย์ 2 สายเสร็จ 2 ปีครึ่ง (ไทยรัฐ)
ความเห็น : โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย บางปะอิน-โคราช และ บางใหญ่-กาญจนบุรี จะช่วยเพิ่มงาน O&M ให้ STEC ประมาณ 5-6 พันล้านบาท ทำให้ Backlog ปัจจุบันเพิ่มเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท แต่ผลประกอบการปีนี้จะไม่สดใสนัก จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำ เราคงแนะนำ TRADING BUY เป้าหมาย 20 บาท
โอสถานุเคราะห์' เฉือนหุ้น 'โอเอสพี' โกยเงิน 3.3 พันล. (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : ไม่กระทบต่อโครงสร้างการบริหารและนโยบายของบริษัท โดยครอบครัวโอสถานุเคราะห์ยังคงถือหุ้นใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้น CBG ได้ขายหุ้น CBG ออกมาเช่นกัน สะท้อนว่านักลงทุนสถาบันมองว่ากลุ่ม Beverage ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ราคาหุ้น OSP ที่ลดลงเป็นโอกาสในการซื้อลงทุน เป้าหมาย 50 บาท
TASCO ยางมะตอยฟื้น พลิกกำไร 1.8 พันล. (ทันหุ้น)
ความเห็น : 2Q63 จะฟื้นตัวมีกำไรที่เด่นและสูงถึง 1,350 ล้านบาท (+28%YoY) หลังขาดทุน 784 ล้านบาทในไตรมาสก่อน แรงหนุนราคายางมะตอยที่พุ่งสูงขึ้นแรง แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเด่นต่อเนื่องจากราคายางมะตอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากซัพพลายยางมะตอยตึงตัว ตลาดหลัก คือ จีน และ ไทย กลับมาฟื้นตัวดี ในระยะยาวจะได้ประโยชน์จาก ต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำ แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 28 บาท
Tipco Asphalt (TASCO)
กำไร 2Q63 และ 2H63 จะเด่นต่อเนื่อง
Company Update ประเด็นการลงทุน
2Q63 จะฟื้นตัวมีกำไรที่เด่นและสูงถึง 1,350 ล้านบาท (+28%YoY) หลังขาดทุน 784 ล้านบาทในไตรมาสก่อน แรงหนุนราคายางมะตอยที่พุ่งสูงขึ้นแรง แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเด่นต่อเนื่องจากราคายางมะตอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากซัพพลายยางมะตอยตึงตัว ตลาดหลัก คือ จีน และ ไทย กลับมาฟื้นตัวดี ในระยะยาวจะได้ประโยชน์จาก ต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำ เราคงแนะนำ ซื้อ แต่รอจังหวะในช่วงอ่อนตัวหลังจากที่เมื่อวานหุ้นขึ้นมาแรง 5.5% เราเปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2564 ได้เท่ากับ 28 บาท เพิ่มจากเดิม 20 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น และ และบนฐาน10ปี Forward P/E+1SD = 14 เท่า ตามดัชนีกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และ แนวโน้มที่ดีในอนาคต
คาดกำไร 2Q63 จะเด่น 1,350 ล้านบาท
คาดกำไร 2Q63 จะฟื้นตัวกลับมาเด่น และ สูงถึง 1,350 ล้านบาท (+28%YoY) หลังจากไตรมาสก่อนขาดทุน 784 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสนี้จะมีการบวกกลับขาดทุนในสต็อกเกือบทั้งหมด 1,900-2,000 ล้านบาท จากที่ตั้งสำรองใน 1Q63 เท่ากับ 2,163 ล้านบาท จากราคายางมะตอยได้ปรับขึ้นจากจุดตั้งสำรองที่ 170 เหรียญ/ตัน ขึ้นมาเป็น 315 เหรียญ/ตัน ในปัจจุบัน แต่ การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะทำให้มี Hedging Loss ประมาณ 700-800 ล้านบาท ถ้าหากหักสองรายการนี้จะมีกำไรปกติประมาณ 300 ล้านบาท (+203%QoQ, -44%YoY) ด้านปริมาณขายคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น 480,000 ตัน (+50%QoQ, -26%YoY) แรงหนุนจากในประเทศ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณหลังผ่านสภา และ ความต้องการสูงในต่างประเทศ
แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดจะเด่นต่อเนื่อง
TASCO ได้ต่อสัญญาณเช่า Floating storage จากสิ้นสุดเดือน ส.ค. 2563 ออกไปถึง ก.พ. 2564 ซึ่งเก็บน้ำมันดิบได้ถึง 1.8 ล้านบาร์เรล รวมกับถังเก็บน้ำมันดิบ 8 ถังปัจจุบัน 2.3 ล้านบาร์เรล จะทำให้มี TASCO มีน้ำมันดิบเข้ามากลั่นถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นน้ำมันดิบราคาถูก ในขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันเกิดภาวะ ซัพพลายยางมะตอยขาดแคลนหนัก ทั้งตลาดในประเทศ และ ต่างประเทศ เพราะ โรงกลั่นทั่วไปยังเดินเครื่องไม่เต็มที่ ทำให้มียางมะตอยออกมาน้อย ส่วนความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่ยังสูง ผู้บริหารประเมินราคายางมะตอยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก 20% จากราคาปัจจุบันที่ 320 เหรียญ/ตัน ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเด่นต่อเนื่อง
ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น
จากสถานการณ์ซัพพลายตึงตัว และ ความต้องการยางมะตอยยังดี ทำให้ราคายางมะตอยที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ระยะยาวจะได้แรงบวกจากต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำ และ IMO2020 จะทำให้ซัพพลายลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2563/2564 เพิ่มขึ้น 64%/12% สู่ระดับ 2,533/3,134 ล้านบาท เติบโต 3%YoY/24%YoY ตามลำดับ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web