- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 June 2020 21:05
- Hits: 6647
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 219-6-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วันศุกร์ SET แกว่ง sideway แม้ว่าจะมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแต่ระยะสั้นยังมีปัจจัยถ่วงจากการแพร่ระบาดระลอกสองของ US โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,330.34 (+4.46 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.0 หมื่นล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 2,551 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 2,132 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 10,395 สัญญา)
CK (ราคาเป้าหมาย 24.0 บาท) คาดงานประมูลครึ่งปีหลังเร่งตัวขึ้นเด่น จากทั้งโครงการประมูลรถไฟฟ้า, โรงไฟฟ้า เพิ่ม Backlog มากขึ้น ผสาน Valuation ที่เทรดในระดับไม่แพงนัก (PBV ที่ Mean-2SD) และพัฒนาการเชิงบวกของบริษัทลูก (BEM, TTW, CKP) ที่มากขึ้น
ตลาดยังคงจับตาการแพร่ระบาดระลอกสองอย่างใกล้ชิด : สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รวมทั่วโลกพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10 ล้านราย และยอดเสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 5 แสนราย ซึ่งประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ, บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และอังกฤษ โดยสำหรับสหรัฐฯ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อกว่า 2.6 ล้านคน และพบว่าในหลายรัฐฯกำลังมีการเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น Florida , Texas, Arizona, California, Nevada ซึ่งทำให้ทางการบางรัฐฯเริ่มกลับมาประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เช่น การสั่งปิดบาร์ รวมถึงเพิ่มกฎสำหรับธุรกิจร้านอาหาร จุดนี้เองอาจกลับมาเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นต่อการลงทุนได้ แต่อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าสหรัฐฯจะไม่กลับมาปิดเมืองแบบรุนแรงเช่นในช่วงการระบาดระลอกที่หนึ่ง ส่วนสำหรับไทย เราเชื่อว่าพฤติกรรมของคนไทยที่มีการป้องกันตัวเองที่ดีกว่ามาก น่าจะส่งผลให้การแพร่ระบาดในไทยจะไม่เหมือนกับ US ดังนั้นจังหวะที่ตลาดกังวล และมีการย่อตัว ประเมินเป็นโอกาสในการตั้งรับ หุ้นที่คาดกำไร 2Q63 เด่น หรือมีพัฒนาการเชิงบวกของผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนประเด็นในประเทศ วันนี้จับตาประชุมใหญ่ของ สบค. คาดจะมีการพิจารณาประเด็นต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน, การปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจระยะ 5 รวมถึงมาตรการทางด้านท่องเที่ยวเพิ่มเติม
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,315 ต้าน 1,340 จุด เน้นหุ้นที่มีสตอรี่เชิงบวก โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ
“CK, CBG, SCC”
มีหุ้น : หาจังหวะขายทำกำไรเมื่อดัชนีฟื้นตัวเข้าหาแนวต้าน 1340 จุด และ 1360 จุด หากหลุด 1325 จุด ทยอยลดพอร์ตการลงทุน
ไม่มีหุ้น : รอหาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับสำคัญบริเวณ 1300 จุด
ซีพี เฟรชมาร์ท ปักหมุด 4,000 สาขาใน 6ปี (ผู้จัดการออนไลน์)
ความเห็น : ช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าประเภทอาหารของ CPF (ปัจจุบันสัดส่วน 18% ของยอดขายรวม) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและลดความเสี่ยงจากการผันผวนจากราคาเนื้อสัตว์ แต่คาดว่ายังต้องใช้เวลา อย่างไรก็ดี แนวโน้มกำไร 2Q63 เติบโตดี YoY จากราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น แนะนำ ซื้อ CPF เป้าหมาย 40.20 บาท
JMT ทุ่ม 4 พันล้าน ซื้อหนี้ดีลสถาบัน 5 แห่งจบแน่ปีนี้ (ทันหุ้น)
ความเห็น : ยอดจัดเก็บเงินสดใน 2 เดือนแรกของ 2Q63 ยังทรงตัวได้ใกล้จากเดือน มี.ค. สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ NPLs ที่เป็นคนละกลุ่มกับกล่มลูกหนี้ชั้นดีที่ได้รับผลกระทบมากกว่า ขณะที่ธุรกิจประกันจะเริ่มพลิกมีกำไร ช่วยหนุนกำไรสุทธิยังยืนใกล้เคียงกับ 1Q63 การย่อตัวเป็นโอกาสซื้อ เป้าหมาย 21.60 บาท
ยซองรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : มูลค่าโครงการรวม 127,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนแบบ PPP Net Cost คาดจะเป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่ม BEM+CK และ BTS+STEC ในมุมมองของเรา กลุ่ม BEM+CK จะมีความได้เปรียบ เนื่องจาก ลักษณะโครงสร้างที่จะมีการใช้สถานีร่วมกัน และการใช้ศูนย์ซ่อมบำรุง ทำให้สามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่า เราเลือก CK (เป้าหมาย 24 บาท) เป็น Top Pick ส่วน STEC (เป้าหมาย 20 บาท) รองลงมา เราคงให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่าตลาด (Neutral)
Thailand Construction Services
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กำหนดเปิดประมูลในเดือน ก.ค. นี้
ประเด็นการลงทุน
รฟม. เปิดขายซองประมูล โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์ – มีนบุรี วันที่ 10-24 ก.ค. 2563 ให้เอกชนยืนข้อเสนอ ก.ย. 2563 และ ทราบผลภายในเดือน ธ.ค. 2563 มูลค่าโครงการรวม 127,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนแบบ PPP Net Cost คาดจะเป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่ม BEM+CK และ BTS+STEC ในมุมมองของเรา กลุ่ม BEM+CK จะมีความได้เปรียบกลุ่ม BTS+STEC เนื่องจาก ลักษณะโครงสร้างที่จะมีการใช้สถานีร่วมกัน และการใช้ศูนย์ซ่อมบำรุง ทำให้สามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่า รวมถึงสายสีส้มตะวันตกเป็นงานใต้ดินทั้งสาย ซึ่ง CK มีความชำนาญงานก่อสร้างใต้ดินมากกว่า เราเลือก CK (เป้าหมาย 24 บาท) เป็น Top Pick ส่วน STEC (เป้าหมาย 20 บาท) รองลงมา เราคงให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่าตลาด (Neutral)
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกกำหนดเปิดประมูลเดือน ก.ค. นี้
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า คณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีมติเห็นชอบเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal: RFP) และรายละเอียดการประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯ โดยมีกำหนดการประกาศเชิญชวนฯ ระหว่างวันที่ 3-9 ก.ค. 2563 และกำหนดการจำหน่ายเอกสาร RFP ระหว่างวันที่ 10-24 ก.ค. 2563 และมีกำหนดการให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในเดือน ก.ย. 2563 คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้ภายในเดือน ธ.ค. 2563
ประมูลแบบ PPP Net Cost มูลค่าโครงการ 1.2 แสนล้านบาท
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม ลงทุนรูปแบบ PPP Net Cost 30 ปี รัฐจ่ายค่าเวนคืนที่ดิน 14,662 ล้านบาท เอกชนลงทุนงานโยธาช่วงตะวันตก งานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถ บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาโครงการตลอดสายจากบางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. จำนวน 28 สถานี วงเงินลงทุน 127,012 ล้านบาท รัฐสนับสนุนเงินลงทุนไม่เกินค่างานโยธา 96,012 ล้านบาท ชำระคืนหลังเปิดเดินรถทั้งสายเป็นระยะ 10 ปี พร้อมดอกเบี้ย โดยเอกชนที่ขอรับการอุดหนุนจากรัฐน้อยที่สุดและให้ผลตอบแทนกับรัฐมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ โดยสายสีส้มตะวันออกกำหนดเปิดเดินรถปี 2567 และ เปิดตลอดสายในปี 2569
คาดจะเป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่ม BEM+CK และ BTS+STEC
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก รวมถึงระบบเดินรถตลอดสาย บางขุนนนท์-มีนบุรี คาดจะเป็นการแข่งขันระหว่างสองกลุ่มหลักที่เดินรถไฟฟ้าในปัจจุบัน คือ กลุ่ม BEM+CK และ กลุ่ม BTS+STEC ในมุมมองของเรา กลุ่ม BEM+CK จะมีความได้เปรียบกลุ่ม BTS+STEC เนื่องจาก ลักษณะโครงสร้างที่จะมีการใช้สถานีร่วมกัน คือ สถานีศูนย์วัฒนธรรม และ บางขุนนนท์ รวมถึงการใช้ศูนย์ซ่อมบำรุง โรงจอดรถไฟ ทำให้สามารถทำต้นทุนได้ถูกกว่า และ งานก่อสร้างสายสีส้มตะวันตก 11 สถานีเป็นงานใต้ดินทั้งสายซึ่ง CK มีความชำนาญมากกว่า
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web