- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 June 2020 20:31
- Hits: 4478
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-6-2020
Daily Focus
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index พักตัว หลังตลาดกลับมากังวลประเด็นการระบาดระลอก 2 ของเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกกลับมาเร่งตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศถูกกดดันจากประเด็นหุ้นกลุ่มแบงก์หลัง ธปท.ขอให้งดจ่ายปันผลระหว่างกาล และห้ามการซื้อหุ้นคืน ประเมินผลการเคลื่อนไหว 1,350-1,375 จุด
Market Factor
- • (-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 138,844 ราย โดยสหรัฐฯ ติดเชื้อเพิ่ม 31,496 ราย สูงกว่าวันก่อนหน้า โดยเพิ่มสูงขึ้นในรัฐแคลิฟอเนีย เท็กซัส และฟลอริดา ขณะที่ยังมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.26 ล้านราย เป็นปัจจัยกดดันตลาดจากความกังวลการระบาดระลอก 2 ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลง
- • (+) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในจีนเริ่มลดลง วานนี้เพิ่มขึ้นเพียง 18 ราย ลดลงจากค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลังที่ 31 รายต่อวัน เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการควบคุมอย่างเข้มงวดของจีน
- • (+) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนโดย WTI 40.6 เหรียญต่อบาร์เรล +1.8%DoD และ Brent 43.06 เหรียญต่อบาร์เรล +2.1%DoD จากความคาดหวังการฟื้นตัวของฝั่ง Demand หลังจากเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่ BofA ปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบBrentสิ้นปี 2020 ที่ 43.70 เหรียญต่อบาร์เรล และ 50 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2021
- • (Watch) APPLE เผยในงานประชุมประจำปี เตรียมใช้ชิปประมวลผลที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเอง แทนชิปของ Intel ที่ใช้มาตลอด 15 ปี อีกทั้งยังจะปรับโฉมหน้า Iphone Home screenใหม่อีกด้วย
- • (Watch) ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้: ดัชนี PMI ภาคการผลิต และบริการเดือนมิ.ย.ของ EU GER และ UK (ตลาดคาดปรับตัวดีขึ้นกว่าครั้งก่อนหน้าที่ 40 ขึ้นไป) เวลา 14.30-15.45 น. และยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐ(ตลาดคาด 6.4 แสนหน่วย) เวลา 21.00 น.
- • (+) โฆษก ศบค. เตรียมเสนอมาตรการ Travel Bubble ต่อที่ประชุมปลดล็อกชาวต่างชาติ 2 กลุ่มใหญ่ เน้นกลุ่มทำธุรกิจ กลุ่มดูแลด้านสุขภาพ ท่องเที่ยวในไทยได้ โดยจัดมาตรการควบคุมแบบให้เข้าอยู่พื้นที่ และผ่อนผันไม่ต้องเข้าพื้นที่ State Quarantine โดยมีประเทศเป้าหมายเบื้องต้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ถือเป็น 3 ประเทศหลักที่เดินทางเที่ยวไทย (ประชาชาติธุรกิจ)
- • (+) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้บริการธุรกิจการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือนิติบุคคล ที่จัดให้มีการอบรมสัมมนาภายในประเทศ สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63-31 ธ.ค.63 (ฐานเศรษฐกิจ)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 22 มิ.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,151 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.88% (-1.1%.DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.33% (-0.7%DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.71% (2.9% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 65.7 บ. หรือลดลง 35.5%YTD
- • Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 3,106.15 ลบ.ส่งผล MTD .ขายสุทธิที่ 13,247.17 ลบ. ขณะที่ นลท. สถาบันขายสุทธิ 3,695.66 ลบ.ส่งผล MTD. พลิกเป็นขายสุทธิอยู่ที่ 1,203.82 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET ปรับตัวพักฐานในกรอบ 1,350-1,400 จุด โดยแม้จะมีปัจจัยหนุนจาก 1) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก 2) การปลดล็อกดาวน์เฟสที่ 4 เปิดให้กลุ่มธุรกิจเสี่ยงกลับมาดำเนินการได้ การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว และการออกมาตการฟื้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศต่อเนื่อง ให้เกิดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบบมากขึ้น แต่คาดถูกกลบด้วย 3 ปัจจัยลบ ดังนี้ 1) ความกังวลสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกที่ 2 ทั้งในสหรัฐฯ และจีนหลังมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เร่งตัวขึ้น 2) ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ที่ยืดเยื้อ และ 3) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 65.92 บ.ลดลง 35.35%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนี ปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.1X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 17.0X) นอกจากนี้มีประเด็นหลักที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุม กนง.ครั้งที่ 4/63 และรายงานดุลการค้าเดือน พ.ค.ช่วงกลางสัปดาห์นี้ รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งดัชนี PMI ของสหรัฐฯ และฝั่งยูโรโซน ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ้งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการ บ.มีศักยภาพสูง เดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68 เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงาน ตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
22-Jun-20 Change (pts.) 19-Jun-20
SET Index 1,352.18 -18.64 1,370.82
SET50 Index 893.92 -13.75 907.67
SET100 Index 1,977.83 -29.62 2,007.45
High 1,367.98 Gainers 356
Low 1,347.60 Unchanged 253
Value (Bt m) 65,772.37 Losers 1,101
Volume (*000) 17,817,106
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 20.6 16.2 16.2
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -20.5
EV/EBITDA (x) 13.0 11.3 10.3
FWD PBV (x) 1.5 1.4 1.4
Dividend Yield (%) 2.8 3.1 3.4
ROE 6.7 8.1 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 22-Jun-20 WTD MTD YTD
Institution (3,695.66) (3,695.66) (1,203.82) 66,382.27
Proprietary 30.87 30.87 4,411.19 1,881.68
Foreign (3,106.15) (3,106.15) (13,247.14) (207,176.25)
Individual 6,770.94 6,770.94 10,039.77 138,912.30
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web