- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 June 2020 12:28
- Hits: 4386
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-6-2020
“กลับมากังวลผู้ติดเชื้อรอบสอง โดยเฉพาะสหรัฐ-ปักกิ่ง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับขึ้นต่อ รับข่าวยอดค้าปลีกพุ่ง ทรัมป์ใช้งบเพิ่ม น้ำมันปรับตัวขึ้น ปิด +9.05 จุด ที่ 1376.18 จุด มูลค่าซื้อขาย71.6 พันลบ. ตลาดไทยปรับขึ้นได้จากช่วงเช้าที่ถูกขายทำกำไร เนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้า ทิศทางเงินบาทยังแข็งค่า มีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นขนาดกลาง-เล็กระหว่างวันดาวโจนส์ล่วงหน้าและตลาดยุโรปยืนแดนบวก ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเป็น 196 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาส Sideways Down ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใส ส่วนใหญ่ลบแต่ยังดีไทยป้องกันโรคได้แกร่ง ปัจจัยบลบคือ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ในรัฐใหญ่ๆ ที่กรุงปักกิ่งจีนมีผู้ติดเชื้อมาก จนต้องยกระดับ ส่วน IMF เตือนเศรษฐกิจโลกอาจแย่กว่าที่เคยคาดไว้ -3% ดาวโจนส์ปรับลง 170 จุด น้ำมันวานนี้ลดลง เพราะสต็อกสหรัฐสูง เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลง เช่นเดียวกับดาวโจนส์ล่วงหน้า ด้านปัจจัยบวกคือ ตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสหรัฐ เดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น และไทยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มา 23 วันแล้ว กลยุทธ์ระยะสั้น แม้ต่างประเทศไม่สดใส แต่ในประเทศคุมโรคได้ดี อาจมีแรงซื้อ SSSF และ Window Dressing ช่วยพยุง ก่อนหมด มิ.ย.63 เล่นสั้นเข้าไว-ออกไว เล่นรอบเมื่อปรับลง คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1350-1400 ความเสี่ยงคือ P/E ไทยสูงในภูมิภาค และการเกิดSecond Wave/รออ่อน ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์ จะเข้าสู่ไฮซีซัน- BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้น Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากการคลายล็อกดาวน์ เพิ่มระยะเวลาปิดห้างฯ- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นกลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs& IFFs ปันผลสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIFF,AIMIRT,HREIT ครม. อนุมัติงบกระตุ้นการท่องเที่ยว อาจมีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มสนามบิน-AOTเดินทาง-AAV และกลุ่มโรงแรม- MINT,ERW,CENTEL โดยเฉพาะกลุ่มการบิน รัฐมีการช่วยออกค่าตั๋วถึง 40% แต่ไม่เกิน 1 พันบาท จึงอาจมีแรงเข้ามาเก็งกำไร- AAV,NOK,BA เป็นต้น แต่ระวังการขายเมื่อมีข่าวดีจริง (Sell On Fact) ด้าน Bubble Travel อาจจะติดขัดบ้าง จากการเกิดผู้ติดเชื้อรอบสองมากขึ้นเพราะหากยังเปิดรับต่างประเทศ ก็อาจจะทำให้ไทยมีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา ติดตามหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาผันผวน และกลุ่มธนาคาร แนวโน้ม 2Q63 ไม่สดใส จะมีการทำ Preview ในระยะนี้ แนวรับคือ 1340-1320 จุด และ แนวต้าน 1390-1400 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1370 จุด
# Stock Pick Today : CK มีโอกาสได้สายสีส้มตะวันตกสูง มูลค่างาน 91 พันลบ.เฉพาะในส่วนงานโยธา เพราะงานส่วนใหญ่เป็นแบบใต้ดินที่ CK มีความชำนาญและมีจุดเชื่อมกับสายสีน้ำเงินปัจจุบันซึ่งจะทำให้เวลาเสนอราคาจะประหยัดเหนือคู่แข่ง แม้แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะอ่อน แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในปี 64 แรงหนุนนำจะมาจากรายได้จากการก่อสร้างที่กระเตื้องดีขึ้น ผนวกกับกำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมที่จะปรับตัวดีขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 23 บ.ด้วยวิธี SOP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวกเล็กๆต่อ แกว่งมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นบวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1390 – 1400 (หรือ 1420) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1370” (แนวรับย่อย “1340 / 1320 – 1300”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Single stock futures รายสัปดาห์ : MINTM20 เก็งกำไรสั้นหลังพักฐานไป
Company Guide : HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.60)
Stock in Focus : INTUCH (คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 64.20)
In The News : จีน-อินเดียเห็นพ้องแก้ปัญหาชายแดนด้วยการเจรจา
เกาหลีเหนือปฏิเสธคำขอเจรจาการทูตของเกาหลีใต้
จับตาการประชุมคณะมนตรียุโรปวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.นี้
เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์มีแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่
PTTEP : ในระยะยาวเล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากก๊าซเป็น 80%
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ติดตาม TKN อีกครั้ง หากวันนี้ราคาปิดจะได้ตามเกณฑ์หรือไม่
New Listing : NEX-W2, NER-W1
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: มีความกังวลการแพร่ระบาดรอบสอง หลังหลายรัฐพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นประวัติการณ์
# มีความวิตกกังวลที่ว่าไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาแพร่ระบาดรอบสอง หลังมีรายงานว่า รัฐอริโซา ฟลอริดา โอกลาโฮมาและเท็กซัส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ในวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในรัฐเท็กซัส เนวาดา และฟลอริดา ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน
-จีน: กรุงปักกิ่งกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนมาก
# ส่วนสถานการณ์ในจีนนั้น กรุงปักกิ่งได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้กรุงปักกิ่งประกาศยกระดับเตือนภัยฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดจากระดับ 3 สู่ระดับ 2และสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ สายการบินจีนหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงแอร์ ไชน่า, ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ และไชน่า เซาเทิร์น แอร์ไลน์ ยังได้ระงับเที่ยวบินเส้นทางเข้าและออกกรุงปักกิ่งด้วย
-IMF: มีความเห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มหดตัวลงรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
# หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มหดตัวลงรุนแรงกว่าที่ IMF คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยในขณะนั้น IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3%ในปี 2563
+ สหรัฐ: ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ค.กระเตื้องดีขึ้น
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 974,000 ยูนิตหลังจากดิ่งลง 26.4% ในเดือนเม.ย. และลดลง 19.0% ในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 170.37 จุด วิตกศก.ซบหากโควิดระบาดรอบสอง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และจีน โดยเฉพาะในกรุงปักกิ่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าทางรัฐบาลอาจจะใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอีกครั้ง และจะฉุดเศรษฐกิจให้ทรุดตัวลงอีก
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 42 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง
• ทองคำ: ปิดลบ 90 เซนต์ เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ โควิด-19: ศบค. เปิดเผยสถานการณ์ในประเทศวานนี้ว่าไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่
# โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ ทั้งจากสถานกักกันตัวของรัฐ (State Quarantine) และไม่พบผู้ป่วยภายในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 23 วันแล้ว
+ กระทรวงสาธารณสุขแนะควรเรียนรู้ Travel Bubble จากประเทศที่ประสบความสำเร็จ
# กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีการติดตามบทเรียนจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการทยอยผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ มา 4 ระยะเล้วก็เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างประเทศ รวมถึงกรณี Travel Bubble ที่เป็นการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมโควิด-19 ได้ดี ซึ่งกำลังเรียนรู้ประสบการณ์จากต่างประเทศและนำมาปรับใช้กับประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น กรณีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่ตกลงกันแล้วทำแล้ว ทำอย่างไรถึงปลอดภัย
+ การลงทุนไทย: บอร์ดบีโอไอ เห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ 5 โครงการ
# คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ได้พิจารณาเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ 5โครงการ รวมมูลค่าลงทุน 41,834 ล้านบาท และเห็นชอบให้มีการปรับสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรตามแนวคิด BCG เพื่อนำความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมเกษตร
# ผลกระทบ: คาดว่าสถานการณ์การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะดีขึ้น เมื่อไทยมีการยินยอมให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามายังไทยได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วง 4Q63 ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตหลังมีสงครามการค้าและไทยมีชื่อเสียงในการป้องกันโรค จนติดลำดับโลก หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ AMATA และ ROJNA ราคาพื้นฐานที่20.00 บาท และ 4.68 บาท ตามลำดับ
+ ติดตามใกล้ปิดรอบครึ่งปี จะมี Window Dressing และ SSFX ใกล้เส้นตาย หมด มิ.ย.63
# นักลงทุนเฝ้าติดตามเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทย หลังใกล้ปิดงวด มิ.ย.63 จะมี Window Dressing หรือไม่ ถือเป็นการปิดรอบงวดครึ่งปีด้วย อีกทั้ง SSFX ใกล้เส้นตายหมด มิ.ย.63 จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web