วานนี้ SET ปรับตัวลงแรง ตอบรับความเสี่ยงในหลายประเทศที่มีสัญญาณการเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 ในระยะที่สอง โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,341.99 (-40.57 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.3 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.6 หมื่นล้านบาท)  

โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 4,014 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,241 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 4,311 สัญญา)

SAWAD (ราคาเป้าหมาย 62.0 บาท) รับอานิสงส์เชิงบวกจากสภาวะดอกเบี้ยต่ำ และเสถียรภาพในตลาดพันธบัตรมีมากยิ่งขึ้น ผสานการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะช่วยคลายกังวลต่อปัญหา NPL ได้มากขึ้น 

FED อัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม คลายกังวลมากขึ้น: การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นยังแกว่งผันผวนมาก โดยหากพิจารณาจาก SET index จะพบว่าการเคลื่อนไหวในเดือนมิถุนายน ดัชนีปรับตัวขึ้นในสัปดาห์แรกทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1454 จุด และปรับฐานลงในสัปดาห์ถัดมาลงสู่ระดับ 1341 จุด ซึ่งเป็นจุดเดียวกับระดับที่ SET ปิดในเดือนพฤษภาคม โดยปัจจัยที่สร้างจิตวิทยาเชิงลบให้ตลาดปรับฐานในรอบนี้คือ การกลับมากังวลต่อสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระลอกที่สอง (Second Wave) ในประเทศสำคัญของโลก ซึ่งก็คงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าแต่ละประเทศจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีประเด็นสภาพคล่องทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงยังเป็นปัจจัยหนุนพยุงตลาด ซึ่งล่าสุด FED ได้ประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมาว่าจะเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชนเพิ่มเติมเป็นรายบริษัท ซึ่งถือเป็นการเข้ามาช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบมากขึ้น ปัจจัยนี้คาดจะช่วยหนุนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้รีบาวน์ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้แนะติดตามการประชุม ครม. คาดนำเสนอมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 

Investment Strategy : วันนี้คาด SET รีบาวน์ ในกรอบแนวรับ 1,323 ต้าน 1,380 จุด เก็งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SAWAD, JMT, CK”

ปัจจัยในประเทศ :

จับตานโยบายกระตุ้นท่องเที่ยว

19 มิ.ย. ปรับดัชนี FTSE (ตลาดอาจผันผวนช่วงท้ายตลาด)

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น : หลุด 1350 จุด ให้ทยอยลดพอร์ตในการลงทุน รอดัชนีกลับมายืนเหนือระดับดังกล่าวค่อยสะสมใหม่อีกครั้ง 

ไม่มีหุ้น :รอหาจังหวะเข้าเก็งกำไรอีกทีที่บริเวณแนวรับ 1323 จุด 

ขาดทุนหากหลุด 1350 จุด

NWR คงเป้ารายได้ปีนี้โต 25% ไตรมาส 2 ผลงานกระทบโควิด (ทันหุ้น)

ความเห็น : NWR ปัจจุบันมี Backlog ที่สูงถึง 29,917 ล้านบาท รองรับรายได้ 3 ปี  หนุนรายได้ในอนาคตเติบโตสูง  แต่งานที่ประมูลได้ในปีก่อนมีการแข่งขันสูง คาดจะกดดันผลประกอบการไม่เด่น  โดย 2Q63 มีแนวโน้มจะขาดทุนต่อ แนะนำ ถือ จาก ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 1.3 บาท มาก

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : 'รฟท.'ลุยรถไฟทางคู่เฟส2 ชงบอร์ดสศช.เคาะมิ.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

ความเห็น : โครงการรถไฟทางคู่เฟสสองประมาณ 3 แสนล้านบาท ค่อนข้างล่าช้า และ เป็นโครงการที่มีการแข่งขันสูง  เราคาดหวังรถไฟฟ้าของ รฟม. คือ สายสีส้ม 1.2 แสนล้านบาท และ สายสีม่วงใต้ 1 แสนล้านบาท ใกล้จะเปิดประมูล จะเข้ามาช่วยกระตุ้นกลุ่มรับเหมา ให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาเท่าตลาด แนะนำ TRADING BUY ใน CK และ STEC