ตลาดหุ้นวานนี้ :  SET Index อยุ่ในช่วงปรับฐานโดยปิดลบถึง 40.57 จุด ณ สิ้นวันจากความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 2 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศสำคัญ ส่งผลให้นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ.และ 4 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีก 4.3 พันสัญญา) ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 6.8 พันลบ. 

          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะรีบาวด์ขึ้นทดสอบระดับ 1,360 จุด+- จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้นหลัง FED ขยายขอบเขตโครงการ Secondary Market Corporate Credit Facility โดยจะซื้อ Corporate Bond เป็นวงกว้างจากเดิมที่ลงทุนเฉพาะ ETF ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดยังมีความผันผวนสูงในระยะนี้และยังต้องติดตามการระบาดระลอกที่ 2 ของ COVID-19 ที่ยังเป็นความเสี่ยง เรายังมองจังหวะพักฐานของ SET Index ที่ระดับราว 1330 จุด+- เทียบเท่า 2021PER อิง 15.7 เท่าและ Earning Yield Gap ราว 5% เป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน โดยยังชอบกลุ่ม Domestic Play เช่น โรงไฟฟ้า สื่อสารฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเก็งกำไร Global Play ตาม Sentiment ตลาด 

          กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นกลุ่ม Global Play ส่วนพอร์ตหลักยังเน้น Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานกลับบริเวณ 1,330+-

          หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. :  ADVANC, BDMS, CPF, STEC, TVO

หุ้นเด่นวันนี้: PTG

          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท 

          - ได้เข้า SET100 และ SETHD รอบ 2H20 สะท้อนการเป็นหุ้นปันผลสูง ซึ่ง TVO จ่ายสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง คิดเป็น Yield 6-7% ต่อปี เหมาะกับยุคดอกเบี้ยต่ำ  

          - ปริมาณและราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดใน 2Q20 ดีต่อเนื่อง ส่วนราคาขายกากถั่วเหลืองปรับขึ้นตาม demand การเลี้ยงสัตว์ที่สดใส และการเร่งนำเข้าจากจีน 

          - ฐานะการเงินแข็งแกร่ง Net D/E เพียง 0.2 เท่า ROE สูงถึง 20% ยังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้ +22% เป็น 1.7 พันลบ. ปัจจุบันมี PE 12.8 เท่าคิดเป็น PEG เพียง 0.6

          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องและเร่งตัวขึ้นเป็น US$686ล้าน โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$620ล้านและ US$503ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกเช่นกัน US$130ล้าน อย่างไรก็ตามแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้าหลัง FED ขยายขอบเขตการสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดรองโดยจะซื้อ Corporate Bond เป็นวงกว้าง

ประเด็นสำคัญวันนี้

          (+) ติดตามมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ จะเข้า ครม. วันนี้หรือไม่ ข่าวล่าสุดอาจใช้เงิน 2 หมื่นลบ. ช่วยเหลือผู้ประกอบการ 3 กลุ่มคือกลุ่มบริษัททัวร์ โรงแรม และสายการบินต้นทุนต่ำ หุ้นเข้าข่ายได้ผลบวกได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, AAV แนะเพียงเก็งกำไรตามข่าว เม็ดเงินที่ได้ช่วยสภาพคล่องแต่ไม่เพียงที่จะทำกำไรได้

          (0) กบง.ปรับการคำนวณราคาน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ให้ราคาหน้าโรงกลั่นลดลงเฉลี่ย 0.50 บาท/ลิตร ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ย 0.50 บาท/ลิตร มีผล 17 มิ.ย. และเห็นชอบค่าการตลาดที่เฉลี่ย 1.85 บาท/ลิตร +/- 0.40 บาท/ลิตร ไม่กระทบต่อโรงกลั่น,  PTG, ESSO, BCP เพราะราคาดังกล่าวเป็นราคาอ้างอิง ไม่มีผลบังคับกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ตามปกติโรงกลั่นขายน้ำมันตามต้นทุน (แล้วแต่แหล่ง) บวกค่าการกลั่น ไม่ได้เป็นไปตามราคาอ้างอิง ส่วนค่าการตลาดซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำกำไรของ PTG ก็ไม่กระทบเพราะค่าการตลาดของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8-1.9 บาท/ลิตร อยู่ในกรอบของกบง.ที่ 1.45-2.25 บาท/ลิตร เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 18 บาท 

          (+)  เครื่องดื่ม Functional drink ที่มีส่วนผสมของน้ำผักผลไม้ไม่ต่ำกว่า 10% อาจได้ลดภาษีเครื่องดื่มเหลือ 3% จาก 10% ข่าวนี้เป็นบวกต่อ SAPPE ที่สุดเพราะมีรายได้จาก Functional drink 15-20% มากกว่ารายอื่น รองลงมาคือ OSP (C-vitt) ส่วน CBG ไม่อยู่ในเกณฑ์นี้ คาดว่าจะน่าจะมีความชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า กลุ่มเครื่องดื่มเป็นกลุ่มที่เรายังคง Overweight แนะนำซื้อ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TACC  

          (+) PLANB การประชุมวานนี้ยังเป็นไปตามคาดการณ์ของเรา ผลประกอบการ 2Q20 จะต่ำสุดเพราะ U-rate เหลือ 20-30% คาดว่าจะค่อยๆฟื้นใน 2H20 และคาดว่าฟุตบอลจะกลับมาแข่งในเดือน ก.ย. จอดิจิตอลในร้าน 7-11 ติดตั้งไปแล้ว 300 สาขา ได้รับการตอบรับดี คาดติดตั้งได้ 1,000-1,200 สาขาสิ้นปีนี้ ยังแนะนำซื้อ เป้าปี 2021 ที่ 7.1 บาท

          (+) SISB วันนี้โรงเรียนทั้ง 5 สาขาเริ่มเปิดให้เรียนในโรงเรียนควบคู่ไปกับเรียน Online โดยมีมาตรการรักษาระยะห่าง งดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก หลังจากปิดเทอมในเดือน มิ.ย. จะเปิด Summer program ในเดือน ก.ค. และเปิดเทอมการศึกษาใหม่ ส.ค. เราคาดค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ปรับลงเฉลี่ย 12% ในช่วง COVID-19 จะใช้อัตรานี้ไปตลอดเทอมใหม่ คงเป้า 9.80 บาท ซื้ออ่อนตัว 

          (+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 477.37 จุด ปิดที่ 25,605.54 จุด หลังจากดัชนีปรับลงในวันก่อนหน้า ท่ามกลางการซื้อขายอย่างผันผวน อย่างไรก็ดี เช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับลง 375 จุด หรือ 1.47% จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบสอง

          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย หลังปรับลงในวันก่อนหน้า อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 

          (-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสอง หลังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 57 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 36 ราย มากที่สุดรายวันนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนติดตามเช้านี้จีนรายงานการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.

          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 36.26 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันส่วนเกิน และการแพร่ระบาดรอบสองในสหรัฐกดดันอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนติดตามคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัส ประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกในวันที่ 18 มิ.ย.นี้

          (-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,737.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดดาวโจนส์ปรับขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์

          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1136.22 / +1.17

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

16 มิ.ย.   - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม

          - สหรัฐ: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.), Powell แถลง Semi-Annual Policy Report ต่อวุฒิสภา

17 มิ.ย.   - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)

          - สหรัฐ: Powell แถลง Semi-Annual Policy Report ต่อสภาผู้แทนราษฎร

18 มิ.ย.   - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม

22 มิ.ย.   - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)

          - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)

          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530

          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

          www.fnsyrus.com

          FB: Finansia Syrus Research