- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 June 2020 14:59
- Hits: 3100
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-6-2020
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index ผันผวนทางลง แม้มีปัจจัยหนุนในประเทศจากการเตรียมผ่อนปรนล็อกดาวน์ แต่คาดถูกกลบด้วยSentiment ตปท.หลังเกิดความกังวลสถานการณ์ COVID-19ระบาดรอบสองในสหรัฐฯ กดดันต่อทิศทางเศรษฐกิจที่แนวโน้มทรุดตัว และราคาน้ำมันระยะสั้นในแง่ด้านอุปสงค์ชะลอตัว ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,350-1,400 จุด
Market Factor
(-) ตัวเลขผู้ติดเชื้อCOVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 136,594ราย เพิ่มขึ้นสูงขึ้นกว่าวันก่อน โดยสหรัฐฯติดเชื้อเพิ่ม 23,225 ราย สูงกว่าวันก่อนหน้า และยังมีเคสรักษาไม่หายสะสมสูงถึง 1.15ล้านราย เป็นปัจจัยที่กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง จากความกังวลการระบาดระลอก 2 ทำให้ความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจลดลง
(-) VIX index (ดัชนีความผันผวน) วานนี้ +47.95% บ่งชี้ความกลัวต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
(+) รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ 1.5 ล้านคน ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ (1.6ล้านคน) เล็กน้อย
(watch) ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(+) บอร์ด รฟม.เห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ จากปกติ 14-42 บาทต่อเที่ยว เหลือ 14-20 บาทต่อเที่ยว ออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 เป็นวันที่ 30 ก.ย.63 (ฐานเศรษฐกิจ)
(+) รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเผย นำแพ็คเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศทั้งแพ็คเกจกำลังใจ และแพ็คเกจเที่ยวปันสุขหารือกับศบค.วันนี้ วงเงินรวม 8,000-12,000 ลบ.ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอนุมัติที่ 2,000 หรือ 3,000 บาท/คน นอกจากนี้เตรียมเสนอทำการเปิดท่องเที่ยวแบบจับคู่ Travel Bubble หนุนนทท.ต่างประเทศกลุ่มนี้เข้าไทยได้ตั้งแต่ 1 ก.ค.หลังมีการเปิดน่านฟ้า (ข่าวสด)
(watch) ศบค.เตรียมประกาศปลดล็อกดาวน์เฟส 4 เปิดให้ธุรกิจ หรือกิจการกลุ่มเสี่ยงกลับมาดำเนินกิจการได้วันนี้ รวมถึงความพร้อมกรณีประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว
(-) หอการค้าไทย เผย ดัชนีความเชื่อมั่นของการค้าไทยเดือนพ.ค.63 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 31.3 ผลมาจากปัจจัยลบทั้งจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังชะลอตัว ผลกระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน และการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และการขยายเวลาการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังคงปิดกิจการบางประเภทที่ ยังมีความเสี่ยงสูง (ฐานเศรษฐกิจ)
รายงาน สธ.ประจำวันที่ 11 มิ.ย.ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,125 ราย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปีอยู่ที่ 0.83% (Unchg.DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.28%Z1.6%) DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.67% (-6% DoD)
ปรับลดประมาณกาi EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 66.3 บ. หรือลดลง 34.9%YTD
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ เรามีมุมมองต่อ SET แกว่งซิกแซกขึ้นต่อ หลังได้ SENTIMENT บวกหนุน ดังนี้ 1) ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯและจีนออกมาดีกว่าตลาดคาดหลังผ่อนล็อกดาวน์ สะท้อนผ่านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่ง ในเดือน พ.ค. 63 (ตลาดคาดลดลง 8.3 ล้านตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% (ตลาดคาดพุ่งแตะ 19.5%) ส่วนตัวเลขส่งออกจีนเดือนพ.ค.หดตัวเพียง 3.3%YoY(ตลาดคาดหดตัว 7%YoY 2) กลุ่ม OPEC+ ตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1เดือนหรือจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. 63 3) การเตรียมออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 ต่อเนื่อง หลังรายงานจาก ศบค.สะท้อนการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 มีประสิทธิภาพ 4) แรงหนุนด้านสภาพคล่องในตลาดจากมาตรการทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก อย่างไรก็ดีควรระมัดระวังแรงขายเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงหลัก ดังนี้ 1) สถานการณ์การประท้วงที่รุนแรงและขยายวงกว้างจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นความเสี่ยงทั้งต่อการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามมาตรการผ่อนล็อกดาวน์ และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 และ 2) การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET จากข้อมูล Bloomberg Consensus อยู่ที่ 67.18 บ.ลดลง 34.12%YTD ส่งผลต่อ Valuation ตลาดที่ตึงตัว ณ ระดับดัชนีปจบ.ที่เทรดอยู่ระดับ P/E 19.7X (สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.9X) ฉะนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เล่นเทรดดิ่งตามกรอบเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,400-1,475 จุด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พัน ลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน 1Q63 กำไร 94.41 ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น ทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีกครบวงจร กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและ ปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
TradingIdea
หุ้นที่คาดฟื้นตัวเด่นจากการคลาย Lock Down : เลือก BTSGIF โดยได้ปัจจัยหนุนโดยตรงจากการผ่อน Lock Down และการกลับมาเปิดภาคการเรียน 1 ก.ค.63 นี้ตามประกาศของกระทรวงศึกษาฯ หนุนยอดผู้โดยสารรวมฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ(ค่าเฉลี่ยรายเดือนปี 62 ที่ระดับ 20.6 ล้านเที่ยวคน) คาด Ridership ช่วงเดือน เม.ย.ที่ 3.5 ล้านเที่ยวคนเป็นจุดต่ำสุดแล้ว บวกกับจ่ายผลสม่ำเสมอ ให้ Div.Yield ย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% นอกจากนี้ราคา ปจบ.มี Discount 18.7% จากราคาประเมิน NAV.ล่าสุดตามรายงานตลท.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาที่ราคา 9.2273 บ./หน่วย
11-Jun-20 Change (pts.) 10-Jun-20
SET Index 1,396.77 -22.00 1,418.77
SET50 Index 932.34 -17.69 950.03
SET100 Index 2,055.15 -37.24 2,092.39
High 1,421.51 Gainers 457
Low 1,384.68 Unchanged 278
Value (Bt m) 82,892.56 Losers 1,037
Volume (*000) 25,310,315
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 21.1 16.6 16.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -20.3
EV/EBITDA (x) 13.2 11.5 10.5
FWD PBV (x) 1.6 1.5 1.4
Dividend Yield (%) 2.7 3.0 3.3
ROE 6.9 8.1 8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 11-Jun-20 WTD MTD YTD
Institution (4,111.30) (10,481.91) (1,884.49) 65,701.59
Proprietary (434.27) 282.43 4,618.59 2,089.08
Foreign (752.80) (195.30) 5,809.94 (188,119.17)
Individual 5,298.37 10,394.77 (8,544.04) 120,328.49
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web