หุ้นรับประโยชน์เงินบาทแข็งค่า: AAV, BA, BGRIM, EGCO, GULF, MAKRO, TOP, TVO 

หุ้นรับประโยชน์ผ่อนคลายLockdown เฟสที่ 3: AAV, AOT, BEM, BTS, BTSGIF, CENTEL, CPALL, CPN, CRC, DOHOME, ERW, GLOBAL, GOLD, HMPRO, ILM, LH, MAJOR, SF, SPA, TACC

ตลาดหุ้นวันนี้

Sideways Down: 

คาดเช้านี้ SETI ผันผวนอิงทางลงในกรอบ 1400-1430 จุด หลังผลการประชุมเฟดของสหรัฐฯ ยังไม่มีนโยบายการเงินรูปแบบใหม่ๆ แต่การเผยคาดจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปตลอดจนถึงปี 2565 ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าต่อเนื่อง ดังนั้น การที่บาทแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบจะยังเป็นแรงหนุนในแง่ Fund Flow ช่วยประคองการอ่อนตัวของตลาด ท่ามกลางความคาดหวังการคลาย Lockdown เฟสที่ 4 ที่จะมีการประชุม ศบค. ในวันศุกร์นี้ พร้อมด้วยการทดลองยกเลิกเคอร์ฟิว 15 วัน แต่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้

ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ: 

ที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.00-0.25% ต่อปี ยาวจนถึงปี 2565 เผยคาดการณ์ GDP ปี 63 ของสหรัฐฯ มีโอกาสติดลบ 6.5% แต่จะพลิกกลับมาฟื้น 5% ในปีหน้า ส่วนมาตรการQE นั้นเฟดยังคงเป้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยจดจำนองต่อเดือนเป็นจำนวน 80,000 และ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ราคาน้ำมันดิบผันผวนหนัก: 

วานนี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่ายอดสินค้าคงคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางที่คาดการณ์ว่าลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล สร้างความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดอีกครั้ง

ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19: 

ล่าสุด Johnson & Johnson หนึ่งในบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐฯ เผยเตรียมทดสอบวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ในมนุษย์ช่วงปลายเดือน ก.ค. เร็วกว่าที่คาดว่าจะทดสอบในเดือน ก.ย. และหากประสบความสำเร็จจะเร่งกำลังการผลิต 600-900 ล้านโดส ภายในเดือน เม.ย. 64 

Portfolio Model 

ปรับพอร์ตวันนี้

วานนี้ซื้อ LH ได้ที่ 8.00 บ. (เป้าระยะสั้น 8.35 บ. และตัดขาดทุนหากราคาปิดภาคเช้าต่ำกว่า 7.80 บ.) 

ถือ BEM (เป้าระยะสั้น 11.30 บ. และตัดขาดทุนหากราคาปิดภาคเช้าต่ำกว่า 9.80 บ.) 

ถือ RS (เป้าระยะสั้น 14.50 บ. และตัดขาดทุนหากราคาปิดภาคเช้าต่ำกว่า 12.00 บ.) 

*สำหรับการลงทุนระยะเวลา 2 สัปดาห์ -1 เดือน 

ทีมกลยุทธ์ ต่อ 487 

ที่มา: บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 11 มิ.ย. 2563