- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 June 2020 14:25
- Hits: 3407
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-6-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ปรับตัวลง โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ย่อตัวลง โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,408.37 (-30.29 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.15 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.05 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 486 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,615 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 5,301 สัญญา)
BEM (ราคาเป้าหมาย 13.0 บาท) คาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากการผ่อนคลาย Lockdown โดยตัวเลขการใช้ทางด่วนปัจจุบันเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 9 แสนคันต่อวัน (ต่ำกว่าระดับปกติเพียง 20%) และยอดการโดยสารรถไฟฟ้าขยับขึ้นสู่ระดับ 1.5 แสนเที่ยวต่อวัน (ต่ำกว่าระดับปกติ 50%)
กำลังอยู่ในจังหวะสร้างฐาน รอโอกาสการลงทุน: ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ระดับ 969 จุด จนปัจจุบันที่มาอยู่ที่ระดับ 1,408 จุด หรือคิดเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 45% จากจุดต่ำสุด โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการเร็วกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกต่อการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ในไทยที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนของตลาดหุ้นฟื้นแรง จนทำให้ Valuation ของตลาด ณ ปัจจุบันอาจเข้าสู่ภาวะตึงตัว จึงอาจเริ่มเห็นการขายทำกำไรบ้าง แต่อย่างไรก็ดีด้วยสภาพคล่องในระบบที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมากคาดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดระยะกลางยังมีโอกาสแกว่งขึ้น ดังนั้นจังหวะดัชนีปรับฐานอาจใช้เป็นโอกาสในการค่อยๆตั้งรับ โดยแนะแนวรับที่สำคัญ 2 บริเวณคือ 1400 และ 1380 จุด ส่วนคืนนี้ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การประชุม FED โดยคาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเช่นเดิม (คาดจะไม่ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ) และให้ติดตามการประมาณการเศรษฐกิจรอบนี้ รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพลเวล ประธาน FED ว่าจะมีการใช้นโยบายในการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือไม่ (Yield Curve Control)
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,400 ต้าน 1,430 จุด เน้นทยอยตั้งรับหุ้นพื้นฐานดี ที่พัฒนาการเชิงบวก โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “BEM, CK, INTUCH”
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
จับตานโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม
แนวรับ : 1400/1375
แนวต้าน : 1430/1450
มีหุ้น : ถือรันเทรน วาง Trailing Stop ที่บริเวณ 1394 จุด
ไม่มีหุ้น : รอเก็งกำไรเมื่อดัชนีย่อตัวมาใกล้แนวรับ 1400 จุด หากหลุด 1394 จุด ชะลอการลงทุน
TKN สาหร่ายผ่านต่ำสุด คำสั่งซื้อจีนกลับมาแล้ว (ทันหุ้น)
ความเห็น : การส่งออกไปจีนเริ่มฟื้นตัวหลังจากจีนผ่อนคลายล็อกดาวน์ และ Orion จัดจำหน่ายสินค้าครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น แม้ยอดขายในประเทศไทยยังชะลอตัวจากนักท่องเที่ยวลดลง แต่ประเด็นบวกคือต้นทุนสาหร่ายและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลง ภาพรวม TKN เป็นบวกแต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
WICE ขนส่งพุ่ง-รุกอัพฐานใหม่ กูรูเคาะกำไร 125 ล.-เป้า 3.84 บ. (ทันหุ้น)
ความเห็น : จากงบไตรมาส 1/63 ทำได้ดีเกินคาด เพราะ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ ดีต่อธุรกิจ Air Freight ซึ่งมีสัดส่วนรายได้สูงสุด 47%, ความสามารถของบริษัทในการเก็บเกี่ยวลูกค้าใหม่ที่ จีน/ฮ่องกง ในช่วงวิกฤติ COVID-19 และ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ Cross boarder ที่ทำได้ดีและเร็วเกินคาด จึงทำให้คาดการณ์กำไรปี 2563 ถูกปรับขึ้น 47% เป็น 125 ลบ. +101% YoY กลายเป็นหุ้นที่มีการเติบโตชนะอุตสาหกรรมที่หดตัวรุนแรงจาก COVID-19 และเมื่ออิง P/E เฉลี่ย 3 ปี 20 เท่า ตามเดิม ราคาเหมาะสมปี 2563 จะอยู่ที่ 3.84 บาท/ หุ้น
Thailand Construction Services
กำไร 1Q63 น่าผิดหวัง กำไรปี 2563 จะลดลง คาดหวังงานประมูลใหม่
ประเด็นการลงทุน
กลุ่มรับเหมาก่อสร้างหลัก คือ CK, ITD, STEC, UNIQ มีผลประกอบการ 1Q63 ที่น่าผิดหวัง และ แนวโน้มปี 2563 คาดจะปรับลดลง ด้านราคาหุ้นได้ดีดกลับจากจุดต่ำสุดในกลางเดือน มี.ค. ประมาณ 55-75% แต่หากนับจากต้นปี 2562 ยังปรับลดลง 20-40% และ ซื้อขายบน Valuation ที่ถูก ที่บริเวณค่าเฉลี่ย 10ปี P/BV – 2SD การเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ ม่วงใต้ ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการเก็งกำไร จาก Score Card เราแนะนำ TRADING BUY ในช่วงอ่อนตัวหุ้น CK (เป้าหมาย 24 บาท) และ STEC (เป้าหมาย 20 บาท) โดย CK มีประเด็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางมูลค่าแสนกว่าล้านบาทคืบหน้า รับฟังความคิดเห็นเสร็จแล้ว STEC มีประเด็นกลุ่ม BBS เตรียมลงนามสนามบินอู่ตะเภา 2.9 แสนล้านบาท วันที่ 19 มิ.ย. นี้ สำหรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาเราให้เท่าตลาด (Neutral)
กำไร1Q63น่าผิดหวัง แนวโน้มกำไรปี 2563 จะลดลง
ผลประกอบการ 1Q63 ของหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 4 หุ้นหลัก คือ CK, ITD, STEC และ UNIQ โดยรวมน่าผิดหวัง คือ 1.) CK พลิกมาขาดทุน 112 ล้านบาท CKP ขาดทุนหนัก BEM มีกำไรลดลง และ รับเหมา Backlog เหลือน้อย 2.) STEC กำไรทรุดลงเหลือ 209 ล้านบาท (-65%QoQ, -39%YoY) เพราะ GP ต่ำกว่าคาด และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูไตรมาสนี้ต่ำเพียง 6 ล้านบาท 3.) UNIQ กำไรลดลงเหลือ 157 ล้านบาท (-21%QoQ, -13%YoY) จากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูง โครงการรัฐ ชำระเงินล่าช้า 4.) ITD ติดปัญหา Covid-19 เลื่อนประกาศงบ 1Q63 ไปประกาศพร้อมงบ 2Q63 สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ ปี 2563 จะปรับลดลงจากปี 2562 จากปัญหาที่ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก
คาดหวังงานประมูลใหม่จะกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน
ในช่วงที่เหลือของปี 2563 หลายโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความคืบหน้า และ คาดจะมีการเปิดประมูล คือ 1.) รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ 1.2 แสนล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเตรียมเปิดประมูลแบบ PPP 2.) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 1 แสนล้านบาท ครม.เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินแล้ว คาดประมูลได้หลังสายสีส้มตะวันตก 3.) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ประกอบด้วย เส้นทาง รังสิต-ธรรมศาสตร์ 6 พันล้านบาท ตลิ่งชัน-ศาลายา 9.9 พันล้านบาท และ ตลิ่งชัน-ศิริราช 4.6 พันล้านบาท เปลี่ยนเป็นแบบ PPP 4.) โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทาง และ ทางคู่เส้นใหม่อีก 2 เส้นทาง รวม 4 แสนล้านบาท สายที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่จะเปิดประกวดราคา คือ ช่วงจิระ-อุบล 3.6 หมื่นล้านบาท และ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 2.6 หมื่นล้านบาท (ดู Figure 3)
ภาวะการแข่งขันคาดจะยังสูง กดดันกำไรในอนาคตไม่เด่น
การประมูลงานในปี 2562-63 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีการแข่งขันรุนแรง และ บางโครงการมีลักษณะเป็น International bidding ทำให้มีบริษัทรับเหมาจากประเทศจีนเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทรับเหมาขนาดกลางและเล็ก เข้ามาร่วมประมูลงาน คือ ทางด่วนพระรามสาม – ดาวคะนอง 4 สัญญา วงเงิน 1.8 หมื่นล้าบาท และ รถไฟไทย-จีน กรุงเทพ-นครราชสีมา 11 สัญญา วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ปรากฏว่าได้มีบริษัทรับเหมาจากจีน เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทรับเหมาขนาดกลาง และได้งานเป็นส่วนใหญ่ และ มีราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 13%-26% สะท้อนถึงภาวะการแข่งขันที่สูง และ ล่าสุดทางวิ่งที่สามสนามบินสุวรรณภูมิ กลุ่ม NWR ชนะการประมูลเสนอราคา 9,713 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 6.7%
Analyst
ดัชนีกลุ่มรับเหมาดีดกลับแรง แต่ยังมี Valuation ที่ถูก
ดัชนีกลุ่มรับเหมาก่อสร้างหากนับจากจุดต่ำสุดในกลางเดือน มี.ค. 2563 ได้ดีดกลับขึ้นมาแรง คือ 57% แต่หากนับจากต้นปี 2562 ถึง ปัจจุบันยังปรับลดลง 25% สำหรับราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 4 หุ้นหลัก หากนับจากต้นปี 2562 ยังทรุดลงหนักแม้ว่าจะดีดกลับจากจุดต่ำสุดเช่นกัน คือ CK (-20%), ITD (-42%), STEC (-23%) และ UNIQ (-40%) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับ ค่าเฉลี่ย Forward P/BV 10ปี ซึ่งอยู่ที่บริเวณ -2SD (ดู Figure 5) คือ 1.) CK ซื้อขายที่ Forward P/BV ที่ 1.2X บริเวณ Forward P/BV–2SD ระยะ10ปีที่ 1.1X ส่วนค่าเฉลี่ย 10ปี เท่ากับ 2.0เท่า 2.) ITD ซื้อขายที่ Forward P/BV ที่ 0.50X ใกล้ Forward P/BV–2SD ระยะ10ปีที่ 0.3X ส่วนค่าเฉลี่ย 10ปี เท่ากับ 1.76X 3.) STEC ซื้อขายที่ Forward P/BV ที่ 1.6X ใกล้ Forward P/BV-2SD ระยะ 10ปีที่ 1.39X ส่วนค่าเฉลี่ย 10ปี เท่ากับ 3.32X 4.) UNIQ ซื้อขายที่ Forward P/BV ที่ 0.7X ใกล้ Forward P/BV–2SD ระยะ10ปีที่ 0.57X ส่วน ค่าเฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 1.99X
Score card : CK และ STEC มีคะแนนสูงสุดเท่ากัน
เราจัดทำ Score card เพื่อประเมินความน่าสนใจในปี 2563 โดยการเลือก Factor สำคัญ 4 ข้อ คือ #1. ปริมาณ Backlog ในมือ และจะได้ในปี2563 #2. แนวโน้มผลประกอบการและความสามารถทำกำไรปี2563 #3. มูลค่าของเงินลงทุน และ #4. สัดส่วนหนี้ต่อทุน แสดงความแข็งแกร่งทางการเงินที่จะรองรับภาวะวิกฤตในอนาคต (ดู Figure 2) และให้คะแนนจาก 1-5 (คะแนน 1 ต่ำสุด ส่วน 5 สูงสุด) พบว่า CK และ STEC มีคะแนนสูงสุด ที่ 13 คะแนน ดังนั้น เราเลือกเก็งกำไรในหุ้น CK (เป้าหมาย 24 บาท) และ STEC (เป้าหมาย 20 บาท) ตามกระแสข่าวในด้านบวก คือ การอุนมัติโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 1 แสนล้านบาท และ สายสีแดงส่วนต่อขยาย 2. หมื่นล้านบาท
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web