- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 June 2020 15:27
- Hits: 3063
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน 8-6-2020
SET ปิดวันที่ 5 มิ.ย.63 ปิด +24.69 จุด อยู่ที่ 1,435.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 120,331 ลบ.ต่างชาติซื้อ 52 ลบ. สถาบันซื้อ 2,269 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,470 ลบ.ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 2,223 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น PTTEP,PTT,KTC,TRUE,GPSC และมียอดขายหุ้น BBL,SCB,PTTGC,CK,KKP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 796 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ KBANK,PTTEP,SCB โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 15,224 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 94,485 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 622 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +3.15% , S&P500 +2.62%, Nasdaq +2.06% สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Down Jones ปิด +6.80% หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.5 ล.คน สวนทางคาดจะลดลง 8.3 ล.คน อัตราว่างงาน -13.3% ดีกว่าคาดที่ -19.5% เป็นผลจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +2.48% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเดินทาง หลัง ECB ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 6 แสน ล.ยูโร รวมเป็นวงเงินทั้งหมด 1.35 ลล. ยูโร
Market View
ภาวะการลงทุนได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ดัชนี PMI ภาคบริการหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. กลับเพิ่มขึ้น 2.5 ล.คน และวันนี้นิวยอร์คจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วน ECB ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์อีก 6 แสน ล.ยูโร ขณะที่เยอรมันก็ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 1.3 แสน ล.ยูโร ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ด้วยสภาพคล่องที่อยู่ระดับสูง การประชุมโอเปกนั้นได้ตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.6 ล.บาร์เรล/วัน ต่ออีก 1 เดือนใน ก.ค. นี้ ประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจวันนี้ ติดตาม World Bank รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และถ้อยแถลงของประธาน ECB คริสเตียน ลาร์การ์ด ต่อสภายุโรป และวันพุธการประชุม FOMC สำหรับ ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา +6.9 % ได้แรงหนุนจากแรงซื้อต่างชาติ 6 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 8.5 พัน ลบ. โดยมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าทั้งตลาดหุ้นและพันธบัตร หลัง Dollar Index เริ่มอ่อนค่าลง ส่งผลให้เงินเริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นแถบอาเซียน ขณะที่รัฐบาลเตรียมพิจารณาคลายล็อกดาวน์เฟส 4 หลังไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ภายในประเทศเป็นเวลา 14 วัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ
Daily Strategy
ดัชนี SET ได้แรงหนุน Fund Flow ส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,450 - 1,475 จุด โดยมีแนวรับ 1,420 - 1,430 จุด แนะนำซื้อหุ้น Big Cap. เช่น BBL, KBANK, BAM, ADVANC, PTT, IVL และกลุ่มท่องเที่ยว AOT, AAV, ERW, CENTEL
CK (ทยอยซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท) ตลาดเริ่มมองข้ามผลการดำเนินงานในปีนี้ไปแล้ว สำหรับ CK ปัจจัยบวกที่ยังรออยู่หลักๆคือการแบ่งงานในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากนั้นงานประมูลของภาครัฐในโครงการอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม, รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็เริ่มมีความคืบหน้าในมุมมองการผลักดันให้เกิดการขายซอง สำหรับประมาณการกำไรปี 63-64 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1.12 พัน ลบ. และ 1.98 พัน ลบ. สำหรับปีนี้กำไรชะลอตัวลง -36%YoY ตาม Backlog ในปัจจุบันที่เหลือน้อย ส่วนปีหน้ากำไรกลับมาขยายตัวโดดเด่น +76YoY
กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (น้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด Neutral) คาดแนวโน้มตลาดน้ำมันจะเริ่มกลับมาตึงตัวในเดือน ก.ค.ผลจากการประชุมโอเปกในวันเสาร์กลุ่มพันธมิตร OPEC+ มีมติขยายเวลาการปรับลดการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค.จากกำหนดเดิมสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.ก่อนจะทยอยลดการผลิตแบบขั้นบันได ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 42 $/bbl โดยเราคาดว่าราคาในช่วง 2H จะยืนเหนือ 40$/bbl ได้ เป็นบวกต่อกลุ่มต้นน้ำ PTTEP, PTT ส่วนกลุ่มโรงกลั่นแม้ถูกกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่ต้องติดตามว่าค่าการกลั่นจะฟื้นหรือไม่หลังสายการบินในหลายประเทศกำลังจะกลับมาเปิดเส้นทางบินมากขึ้นเก็ง TOP BCP ESSO SPRC PTTGC ขณะที่หุ้นสายการบิน AAV BA AOT มีโอกาสปรับขึ้นตามต่างประเทศ
Daily Key Factors
Oil Update (+) WTI Futures ก.ค.ปิด +2.14 ดอลลาร์ อยู่ที่ 39.55 ดอลลาร์/บาร์เรล Brent Futures ส.ค. ปิด +2.31 ดอลลาร์ อยู่ที่ 42.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ที่ประชุมโอเปกตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตที่ 9.6 ล.บาร์เรล/วัน ต่อใน ก.ค. นี้จากเดิมถึงกำหนด มิ.ย. นี้ ขณะที่เบเกอร์ ฮิวส์ รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 16 แท่น อยู่ที่ 206 แท่น
Gold Update (-) Gold Futures ส.ค.ปิด -44.40 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ค. กลับมาเพิ่มขึ้น 2.5 ล.คน ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ดัชนี Dollar Index แข็งค่า +0.27 % อยู่ที่ 96.936
Fund Flow (+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +481.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +190.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด +233.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +58.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัว อยู่ที่ 31.482 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(+) ดัชนี BDI ปิด +47 อยู่ที่ 679 จุด
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี อยู่ที่ 0.903 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.212 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore แข็งค่าอยู่ที่ 7.0742/USD
(0)ญี่ปุ่นรายงาน GDP Q1/63 (F) -2.2 % QoQ Annualized & คาดที่ -2.1 % QoQ แต่ดีขึ้นเมื่อเที่ยบกับ Q4/62 ที่ -3.4 %
Economic Calendar
ในประเทศ
10 มิ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
11 มิ.ย. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ)
สัปดาห์ที่ 2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข้อมูลสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์
สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม,ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ต่างประเทศ
9 มิ.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (เม.ย.)
10 มิ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
11 มิ.ย. US แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ
US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, MTC*, SAWAD*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2020: ADVANC, BJC*, AOT, CPALL, CPF*, BCH*
Technical Brief
SET Daily: ลุ้นรักษา Momentum ขึ้นต่อ
กลยุทธ์การการ ดัชนีวิ่งขึ้นทดสอบ EMA 200 วัน ลุ้นประคอง Sideway ขึ้นต่อ มีแนวต้านถัดไป 1,440-1,450 จุด แนวรับ 1,420-1,430 จุด
SET Weekly: ถ้า Fund Flow หนุนดัชนียังมีโอกาสไปต่อ
กลยุทธ์การลงทุน สัปดาห์ก่อนเปิดด้วยแท่งเขียวเต็มแท่ง แนวโน้มดัชนียังไม่มีสัญญาณลบ Let Profit Run แต่ใช้ความระมัดระวังการขายทำกำไรมากขึ้น ประเมินแนวต้านถัดไป 1,450-1,475 จุด / 1,500 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,400-1,410 จุด
Gold Spot: แกว่งตัวในทิศทาง Sideway Down
กลยุทธ์การลงทุน แท่งเทียนปรับตัวหลุดแนวรับ 1,690 USD/oz อีกครั้ง พร้อมด้วยสัญญาณจาก Indicator ที่อ่อนตัว ระยะสั้นหากไม่ผ่านกรอบ 1,690-1,695 USD/oz จะเป็นการแกว่งตัว Sideway Down ให้รอดัก Short บริเวณดังกล่าว โดยมีแนวรับถัดไป 1,660-1,670 USD/oz
Fast Trade
BAM: แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 26.00-26.50/ Sup 24.20/ Cut 24.00
JAS: แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 4.08-4.18/ Sup3.88/ Cut 3.82
TU : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 14.00-14.50/ Sup 13.30/ Cut 13.00
SET 50 Index Future
กลยุทธ์ระยะสั้น ยกระดับของ Filter แนวรับขึ้นมาที่บริเวณ 950-955 จุด หาก S50M20 ยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้แนะนำให้เก็งกำไรทางฝั่ง Long โดยมีแนวต้านที่ 970-976 จุด ขณะเดียวกันถ้า S50M20 หลุดแนวรับกรอบล่างที่ 950 จุด ระยะสั้นอาจมีการปรับฐานลงต่อในกรณีนั้นพิจารณากลับด้านมา Follow Short แทน
การลงทุนรายสัปดาห์ ขยับแนวรับระยะกลางขึ้นมาที่บริเวณ 920-940 จุด ปัจจุบันเราถือฝั่ง Long อยู่ 2/3 ของพอร์ต เบื้องต้นพิจาณาใช่แนวรับกรอบบนที่ 940 จุด เป็น Filter ถ้า S50M20 รักษาระดับไว้ไม่ได้แนะนำลดพอร์ต Long ไป 1/3 ของพอร์ต
ที่มา: บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 8 มิ.ย. 2563
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web