- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 May 2020 11:17
- Hits: 3506
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-5-2020
“สงครามการค้ากดดัน-ก.คลังปฏิเสธลดภาษีรถใหม่จริง?”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับลง ขายทำกำไร หลังแรลลี่มาหลายวัน ปิด -7.60 จุด ที่ 1337.51 จุด มูลค่าซื้อขายสูงขึ้น 85.8 พันลบ.ตลาดไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค กังวลสงครามการค้า ทบทวนตัวเลข GDP ไตรมาส 1 สหรัฐ ติดตามการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 ของไทย ว่าจะมีธุรกิจอะไรบ้างตลอดจนเก็งกำไรหุ้น MSCI วานนี้หุ้นกลุ่มแบงค์-เช่าซื้อปรับขึ้นเด่น ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงเป็น 199.4 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET คาดเริ่มมีแรงขายสกัด จากสงครามการค้า MSCI ลดน้ำหนักไทยมีผลวันนี้ ปัจจัยลบวันนี้มีมากคือ สหรัฐจะตอบโต้จีน ประกาศนโยบายวันนี้ และออกกฎหมายคุมเข้มโซเซียลมีเดีย หุ้นกลุ่มนี้ตกแรง MSCI ลดน้ำหนักไทยมีผลวันนี้ ส่วน GDP 1Q63 ทบทวนครั้งที่สองลดลงมากขึ้นเป็น 5%ทองคำปรับขึ้น เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ไทยมีผู้ติดเชื้อ 11 รายมาจากต่างประเทศ เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลงถ้วนหน้า และดาวโจนส์-น้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ น้ำมันวานนี้ปรับชึ้น ติดตามประชุมโอเปกต้น มิ.ย.63 ส่วน MSCI จะมีการซื้อหุ้นที่เข้าและเพิ่มน้ำหนัก กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1320-1360 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS
ส่วนโรงแรม มีการเก็งกำไรเรื่องจะให้ภาครัฐช่วยเยียวยา ด้วยการออกค่าตั๋วหรือลดค่าที่พักโรงแรมลงถึง 50% ในการท่องเที่ยวในประเทศซึ่งยังมีความไม่แน่นอน จึงเป็นความเสี่ยง ติดตามมาตรการคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 3 วันนี้ ธุรกิจอะไรบ้าง ระวังแรงขายทำกำไรหุ้นแบงค์ การเปิดเคอร์ฟิวส์ยาวขึ้น ส่งผลดีกับธุรกิจบริการต่างๆ และติดตามข่าวว่ากรมสรรพสามิตปฏิเสธการลดภาษีป้ายแดง 50% แล้วจริงหรือไม่ เพราะจะกลับมีผลลบกับหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ สำหรับ MSCI หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ ได้แก่ AWC, BAM, KTC รวมทั้งหุ้นที่เข้า FTSE ได้แก่ BAM, BKER, RBF, SHR และ SFLEX แนวรับคือ 1300-1280 จุด และ แนวต้าน 1350-1360จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1320 จุด
# Stock Pick Today :
LPN มีโอกาสถูกเก็งกำไรจากข่าว NOBLE สนใจซื้อ ทาง LPN ก็มีความเคลื่อนไหวด้านการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ แต่ต้องรอปิดสมุดXD หากจะมีการเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ต้องถือหุ้นเกิน 25% สำหรับ Trigger Point แรกและเป็นที่น่าสังเกตว่าLPNจ่ายปันผลสูงมากที่ 1.00 บาท ทั้งๆที่ผลกำไรปรับลดลง อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรมักตกไปอยู่ที่เป้าหมายซึ่ง LPN มีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นสูงเป็น 8.78 บาท แต่เพียงเก็งกำไร DBS ให้ราคาพื้นฐานในเกณฑ์ต่ำการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ ระยะสั้น สัญญาณCandlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นลบ(ยัง)เล็กๆ {“ปิดลบ”เหนือ“SMA10วัน” (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1350(หรือ 1360) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1320” (แนวรับย่อย “1300 – 1280 / 1250”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : ว่ากันด้วยเรื่อง Valuation และเงินปันผลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
Hot Issue : ว่ากันด้วยเรื่อง Valuation และเงินปันผลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
Flash Note : BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : BEAUTY มีโอกาสเข้าเกณฑ์ติด Cash Balance 6 สัปดาห์สูงแล้ว
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สงครามการค้าจีน-สหรัฐ : ทรัมป์จะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้
# ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ หลังจากที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง
# สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐมีแผนที่จะยกเลิกวีซ่าของนักวิจัยของจีน รวมทั้งนักศึกษาจีนจำนวนหลายพันคนที่จบการศึกษาในสหรัฐ และมีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยของจีนที่มีความสัมพันธ์กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA)
- สหรัฐ: ทรัมป์สั่งการให้กำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์หรือโซเชียล มีเดียมากยิ่งขึ้น
# ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อสั่งการให้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC)ดำเนินการทบทวนเนื้อหาในมาตรา 230 ของกฎหมาย "Communications Decency Act" ซึ่งเป็นกฎหมายที่ช่วยให้แพลตฟอร์มออนไลน์ได้รับการยกเว้นจากพันธกรณีทางกฎหมายในกรณีที่ผู้ใช้งานโพสต์ข้อความต่างๆ ลงบนแพลตฟอร์มบริษัทโซเชียลมีเดียที่ทำการเซนเซอร์หรือกระทำการใดๆ ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองนั้น ไม่สามารถได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายดังกล่าวได้อีกต่อไป
- สหรัฐ: GDP ทบทวนครั้งที่ 2 หดตัวลงมากกว่าเดิมเป็น -5%
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 5% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัวลง4.8% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- สหรัฐ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกส่อเค้าไปทางแย่ลง
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 17.2% ในเดือนเม.ย. หลังจากร่วงลง 16.6% ในเดือนมี.ค.
# ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.1 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.05 ล้านราย
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 147.63 จุด วิตกความขัดแย้งสหรัฐ-จีน,กฎหมายคุมสื่อโซเชียล
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้ายตลาดหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาจะประกาศนโยบายฉบับใหม่ของสหรัฐที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ หลังจากปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งทบทวนกฎหมายคุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดีย
- น้ำมัน: WTI ปิดบวก 90 เซนต์ ขานรับสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปิดในแดนบวก แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายก็ตาม
- • ทองคำ: ปิดบวก $1.5 เหตุวิตกจีน-สหรัฐหนุนคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมปเตรียมประกาศนโยบายฉบับใหม่ที่จะดำเนินการกับจีนในวันนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE) เดือนเม.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- สภาพัฒน์ฯรายงานผลกระทบโควิด-19 ยังไม่ปรากฏชัดใน 1Q63 แต่จะมีผลกระทบมากใน 2Q63
# สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/63 ระบุว่าผลกระทบโควิด-19 ยังไม่สะท้อนในไตรมาสที่ 1 โดยการจ้างงานลดลงต่อเนื่อง แต่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่คาดว่าจะมีผลกระทบค่อนข้างมากในไตรมาส 2/63 ทั้งเรื่องของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่อการว่างงาน โดยทั้งปีคาดว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ในช่วง 3-4% หรือไม่เกิน 2 ล้านคน
-ธนาคารไทย: NPLs 1Q63 เป็น 1.56 แสนล้านบาท เพิ่ม 2.9% q-o-q
# ขณะที่ยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/63 มีมูลค่า156,227 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.23% ต่อสินเชื่อรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.90% ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากความสามารถในการชำระหนี้ของสินเชื่อทุกประเภทด้อยลง
- ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากตปท.-ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 5,800,000 ราย
# ศบค.เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 11 รายโดยเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,065 ราย วันนี้มีผู้ป่วยหายป่วยเพิ่มขึ้น 14 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,945 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 63 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงเดิมที่ 57 ราย
# Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 5,813,004 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 357,889 ราย
+/- MSCI : มีผลวันนี้ 29 พ.ค.63 อาจจะยังมีผลกับหุ้นที่เข้า-ออก แม้มีการเก็งกำไรไปบางส่วนแล้ว
# วานนี้สังเกตได้ว่ามีการเก็งกำไร หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ ได้แก่ AWC, BAM, KTC ล่วงหน้า อีกทั้งหุ้นที่ได้เพิ่มน้ำหนักคือBTS,MTC และ RATCH
# แต่อย่าลืมว่ามีข้อที่เป็นลบอยู่เช่นกัน นั่นคือ ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงสู่ 2.36% จาก 2.39% ตามข่าวระบุเป็นเม็ดเงินว่าราว 56 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.8 พันล้านบาท หากเทียบกับมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ราว 70 พันล้านบาท ก็เป็นสัดส่วนที่ประมาณ 2.6% ก็ไม่ถึงกับมากนัก
# หุ้นที่เป็นลบ ควรระมัดระวังคือ หลุดจากการคำนวณ MSCI Thailand Index คือ BANPU และสำหรับ MSCI GlobalSmall Cap Index หุ้นที่หลุดจากการคำนวณ ได้แก่ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC, ITD, LPN, PLAT, PSL,GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, UV, WORK
# อย่างไรก็ตาม BANPU กลับมาถูกเข้ามาคำนวณใน MSCI Global Small Cap Index แทน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web