- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 May 2020 10:53
- Hits: 3475
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-5-2020
“บวก...คลายล็อกดาวน์-หุ้นแบงก์-เช่าซื้อ-โรงพยาบาลมา”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HANA (จาก Fully Valued เป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับตัวขึ้นต่อ ศบค.ให้แนวทางคลายล็อกดาวน์ระยะ 3 ปิด+9.44 จุด ที่ 1345.11 จุด มูลค่าซื้อขายสูง 78.7 พันลบ.ตลาดแกว่งขึ้นดีกว่าภูมิภาค นักลงทุนติดตามการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 ของไทย ว่าจะมีธุรกิจอะไรบ้าง ซึ่งศบค.ให้แนวทางว่าจะเป็นธุรกิจที่เสี่ยงมากขึ้น วานนี้กลุ่มแบงค์เด่น ขณะที่ปัจจัยลบสงครามการค้าจีน-สหรัฐยังมีอยู่ ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงเป็น 198.7 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโมนตัมไปต่อได้ จากคลายล็อกดาวน์ แต่อาจมีแรงขายสกัด ปัจจัยบวกมีมากคือ ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ สหรัฐเพิ่มอีก 50 รัฐอังงกฤษและเยอรมันก็ผ่อนคลาย ดาวโจนส์ +553 จุด ทะลุระดับ 25,000 จุดได้แล้ว ขายทองคำเข้าหาหุ้น มีการเก็งกำไรหุ้น MSCI ก่อนมีผลพรุ่งนี้ เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวก และดัชนีความกังวลต่ำเป็น 27.6 จุด ด้านปัจจัยลบคือ สงครามการค้า-สหรัฐอาจไม่ให้สิทธิพิเศษฮ่องกงหลังไม่เป็นอิสระจากจีน ราคาน้ำมันปรับลงทั้งวานนี้และเมื่อเช้านี้ ประกาศ GDP 1Q สหรัฐทวนรอบ 2 สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไทย เม.ย.ลดลงมาก -17% กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1320-1360 จุด สัปดาห์นี้ซื้อขายดักหน้า MSCI มีผล 29 พ.ค.63 และ FTSE เพิ่งประกาศ ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เศรษฐกิจโลกและไทยไม่สดใส จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,DELTA,TASCO กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS
ส่วนโรงแรม มีการเก็งกำไรเรื่องจะให้ภาครัฐช่วยเยียวยา ด้วยการออกค่าตั๋วหรือลดค่าที่พักโรงแรมลงถึง 50% ในการท่องเที่ยวในประเทศซึ่งยังมีความไม่แน่นอน จึงเป็นความเสี่ยง ล่าสุดนายกฯจะให้เปิดตลาดการบินต่างประเทศ อาจมีเก็งกำไรหุ้นสายการบินอีก ติดตามมาตรการคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 3 การที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว ทำให้กลับมาเก็งกำไรกลุ่มแบงก์ การเปิดเคอร์ฟิวส์ยาวขึ้น ส่งผลดีกับธุรกิจบริการต่างๆ เช่น โรงพยาบาล และมีข่าวว่าวันนี้กรมสรรพสามิตกำลังเยียวยากลุ่มยานยนต์ ลดภาษีป้ายแดง 50% ทำให้มีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเช่าซื้อด้วย เช่น TMB,TCAP,TISCO,KKP สำหรับ MSCI หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ ได้แก่ AWC, BAM, KTC รวมทั้งหุ้นที่เข้า FTSE ได้แก่ BAM,BKER, RBF, SHR และ SFLEX แนวรับคือ 1250-1230 จุด และ แนวต้าน 1350-1360 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1320 จุด
# Stock Pick Today :
BDMS ยิ่งคลายล็อกดาวน์...ยิ่งดี แม้ผลประกอบการ 2Q63F น่าจะแย่สุดในปีนี้ เนื่องจากเป็น Low season แล้ว จำนวนคนไข้ต่างชาติก็ลดลงมาก เพราะไทยปิดการบินจากต่างประเทศชั่วคราว ปรับต้วยความพยายามลดต้นทุนผันแปร และออกโปรโมชั่น & ให้บริการเพิ่มเพื่อประคองตัวคาดว่าปี 63Fกำไรหลักลด 16% y-o-y แต่ปี 64 จะกลับมาฟื้นตัว 26% y-o-y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 25 บาท P/E ปี 64 เป็น 32.8 เท่าต่ำกว่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 39.5 เท่า
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นบวก อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนได้ แต่ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เป็นบวก แบบที่พร้อมจะมีการลง(สร้างฐาน?)ตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้แนวต้าน 1350 (หรือ 1360) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1320” (แนวรับย่อย “1250 / 1230, 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Trading Strategy : 6 ปัจจัยกระตุ้นตลาดหุ้น
Weekly Report: STI ได้ประโยชน์จากการซื้อ AEC สูง …ตอนนี้ยังเพียงแค่เริ่มต้น
Company Guide : PRIN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.64)
SPA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.80)
In The News : DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.00)
ข่าวเด่นวันนี้
New Listing : III-W1
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ คลายล็อกดาวน์ : เกิดความหวังที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น
# นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐและประเทศต่างๆทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยอังกฤษเตรียมเปิดห้างสรรพสินค้าและธุรกิจบางส่วนในวันที่ 1 มิ.ย.ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง ขณะที่เยอรมนีเตรียมยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปยัง 31 ประเทศในยุโรปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้
+ สหรัฐ: ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐได้กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
# ส่วนในสหรัฐนั้น ขณะนี้ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐได้กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยล่าสุดนายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสประกาศว่า บริเวณพื้นที่ทานอาหารในร้านภายในศูนย์การค้าและคอร์สเรียนสอนขับรถจะกลับมาเปิดให้บริการได้ทันทีขณะที่สวนน้ำจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันศุกร์นี้โดยจะรับผู้เข้าใช้บริการ 25% ของความจุปกติ ส่วนกิจกรรมกีฬาเพื่อการสันทนาการสำหรับผู้ใหญ่จะกลับมาเปิดได้ตามปกติในวันอาทิตย์นี้
- สงครามการค้าจีน-สหรัฐ : ฮ่องกงไม่อิสระจากจีน อาจกระทบต่อสถานะพิเศษของฮ่องกงที่สหรัฐเคยให้
# นักลงทุนยังคงจับตาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายไมค์ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้รายงานต่อสภาคองเกรสสหรัฐว่า ฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองจากจีนอีกต่อไป โดยการดำเนินการดังกล่าวของนายปอมเปโออาจกระทบต่อสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งได้รับการเอื้อประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 553.16 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์,ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 25,000 จุดเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข่าวการเปิดภาคธุรกิจในหลายประเทศ
- น้ำมัน: WTI ปิดร่วง $1.54 วิตกสัมพันธ์สหรัฐ-จีนตึงเครียดกระทบเศรษฐกิจ
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกนอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า รัสเซียอาจจะไม่ปรับลดการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงในเดือนก.ค.
- • ทองคำ: ปิดลบ $1.4 นลท.เทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังดาวโจนส์พุ่งแรง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นติดต่อกันสองวันทำการ และล่าสุดพุ่งขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 25,000 จุดอีกครั้งเมื่อคืนนี้
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563(ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- • นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.คลังนำเสนอ พ.ร.ก. กู้เงินให้กับสภาผู้แทนฯพิจารณา
# นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้นำเสนอพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ วงเงินไม่เกิน 1.9 ล้านล้านบาทให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยระบุถึงความจำเป็นในการเข้าไปช่วยเหลือและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้เกิดความเสียหายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
# รมว.คลัง ระบุว่า การกู้ครั้งนี้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุมแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อเยียวยา เพื่อรักษาสภาพคล่องเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ตลอดจนการรักษาเสถียรภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อดูแลผลกระทบเฉียบพลันที่เกิดขึ้นทันที
-สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน เม.ย. อยู่ที่ 79.04 หดตัว -17.21%
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน เม.ย. อยู่ที่ 79.04 หดตัว -17.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 51.87% ขณะที่ใน 4 เดือนแรกของปี 63(ม.ค.-เม.ย.) ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลง -8.8% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 63.11%
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 9 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากตปท. ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
# ความคืบหน้าการผ่อนคลายระยะที่ 3 นั้น จะมีการประชุมหารือถึง กิจการ/กิจกรรม ที่จะสามารถผ่อนคลายได้มากขึ้นโดยอาจมีกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาอยู่ในนี้ด้วย แต่ยังไม่ยืนยันว่ามีกิจการ/กิจกรรมใดบ้าง เพราะยังต้องมีการพิจารณาให้บาลานซ์กันระหว่าง ผู้ที่จะผ่อนคลาย และ ผู้ที่ต้องดูในเรื่องของสุขภาพด้วย
+ FTSE ประกาศหุ้นเข้า-ออก ดัชนีรอบเดือน มิ.ย.2563 โดยหุ้นไทยที่ได้เข้า/ออกไปคำนวณในดัชนี มีดังนี้
# หุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Small Cap คือ BAM
# หุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Micro Cap คือ BKER, RBF, SHR, SFLEX
# ทั้งนี้การปรับน้ำหนักจะมีผลราคาปิดวันที่ 19 มิ.ย.2563
+/- MSCI : มีผลปลายสัปดาห์นี้ 29 พ.ค.63 แนะเก็งกำไรก่อนกองทุนต่างประเทศจะเริ่มปฏิบัติการ
# (-) ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงสู่ 2.36% จาก 2.39%
# (+) สำหรับ MSCI Thailand Index หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ ได้แก่ AWC, BAM, KTC
# (-) ขณะที่หุ้นที่หลุดจากการคำนวณ คือ BANPU
# (+) หุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก ได้แก่ BTS, MTC, RATCH
# (-) ส่วนหุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนัก คือ GULF, CPALL, PTT, EA, SCC
# (-) สำหรับ MSCI Global Small Cap Index หุ้นที่หลุดจากการคำนวณ ได้แก่ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC,ITD, LPN, PLAT, PSL, GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, UV, WORK
# (+) แต่ BANPU กลับมาถูกเข้ามาคำนวณใน MSCI Global Small Cap Index แทน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web