- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 May 2020 13:29
- Hits: 2231
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-5-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET แกว่งขึ้น โดยมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Laggards play และได้รับจิตวิทยาบวกจากพัฒนาการของวัคซีน โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,336.09 (+15.11 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 5.4 หมื่นล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 1,268 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 4,933 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 2,349 สัญญา)
CPF (ราคาเป้าหมาย 40.2 บาท) คาดกำไร 2Q63 ยังแข็งแกร่งและเติบโตได้ดีเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากปัจจุบันราคาหมูในเวียดนามสูงกว่าช่วง 2Q62 มากกว่า 60% อีกทั้งราคาไก่และหมูในไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากผ่อนคลาย Lockdown ซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาคการบริโภคในประเทศค่อยๆฟื้นตัวในช่วงถัดไป
กิจจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกค่อยๆฟื้นตัว / วันนี้จับตาประชุมสภาฯ : แรงหนุนหลักในการเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในระยะสั้น มาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่กลับมาเปิดได้อีกครั้ง ซึ่งคาดจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยสำหรับไทยปัจจุบันได้มีการปลดล็อกกิจการ 2 ระยะแล้ว ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ยังอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นโอกาสในการเดินหน้าปลดล็อกระยะที่ 3 ก็คาดจะทำได้ตามแผนในช่วงต้นเดือนมิถุนายน จุดนี้เองอาจสะท้อนถึงพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ตลาดเคยกังวลในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้เรายังเชื่อว่าการขับเคลื่อนในช่วงถัดไปจะมาจากการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนต่างๆเพิ่มเติม ซึ่งคาดจะเป็นแรงหนุนในช่วงถัดไป
ส่วนด้านปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังในระยะสั้น คือ ประเด็นสงครามการค้าที่กลับมาอีกครั้งหลังท่าทีของโดนัล ทรัมป์ ที่จริงจังมากขึ้น แต่ออย่างไรก็ดีหากประเมินในฝั่งของจีน พบว่าการประชุม NPC ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมูลค่าราว 2 แสนล้านเหรียญ ในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งหากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเจรจากับสหรัฐฯใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจุดนี้อาจทำให้ตลาดลดความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าลงได้บ้าง ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตามวันนี้คือ การเปิดประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณา พ.ร.ก กู้เงิน เพื่อนำมาแก้ไขภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
Investment Strategy : วันนี้คาด SET sideway ประเมิน แนวรับ 1,320 ต้าน 1,350 จุด เน้นกลุ่มหุ้นที่ยังคงมีสตอรี่บวก โดยวันนี้แนะนำ “CPF, DOHOME, JMART, WORK”
เมื่อคืนที่ผ่านมา :
ยอดขายบ้านใหม่ ของสหรัฐฯ เดือนเมษายน ขยายตัว +0.6%MoM สวนคาดที่ -23.4%
ปัจจัยในประเทศ :
ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19
28 พ.ค. ประชุม กสทช.
29 พ.ค. ภาวะเศรษฐกิจไทยรายเดือนจาก BOT, MSCI Rebalance (อาจผันผวนช่วงท้ายตลาด)
แนวรับ : 1333/1323
แนวต้าน : 1345/1360
SET Index : ถ้ายังยืน 1333 จุด มีลุ้นขึ้นต่อ
SET Index ปิดที่ระดับ 1336.09 จุด (+15.11 จุด)
• รอบนี้หากยังสามารถยืนเหนือระดับ 1333 จุด จะมีโอกาสได้เห็นการฟื้นตัวขึ้นต่อ (เป้าหมายในภาพหลักยังมอง 1360 จุด)
• แต่ถ้ากรณีลงมาปิด Gap ที่ 1323 จุด จะเป็นการเข้าสู่รอบการชะลอตัวอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ถือต่อ รอทยอยทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1360 จุด (รันเทรน) หากหลุด 1286 จุด แนะนำเก็บกำไร
ไม่มีหุ้น : สามารถซื้อเล่นตามโมเมนตัม ซื้อเมื่อเข้าใกล้แนวรับ 1333 จุด รอขายที่ 1345/1360 จุด หลุด 1333 จุด ตัดขาดทุน
KCE ดีดรับยุโรปเปิดเมือง ลุ้นตลาดรถฟื้นครึ่งหลัง (ทันหุ้น)
ความเห็น : ตลาดให้ความหวังต่อการปลด Lockdown ของสเปนและอีกหลายประเทศในยุโรป รวมถึงข่าวมาตรการกระตุ้นซื้อรถยนต์ของไทยและ EU ที่ส่งผลบวกต่อ KCE มากสุดในกลุ่ม (ราว 70% อิงกลุ่ม Auto) อย่างไรก็ตามเรามองผลประกอบการจะทำจุดต่ำสุดใน 2Q63 และใช้เวลาฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่ม เชิงกลยุทธ์แนะ Wait & See
รถยนต์สาหัส ขายทั้งปี 6 แสนคัน (ฐานเศรษฐกิจ)
ความเห็น : การแพร่ระบาดของ Covid-19 กระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก สำหรับประมาณการของเราประเมินยอดขายรถยนต์ในประเทศจะลดลงเหลือ 7 แสนคัน ลดลง 30%YoY และ มียอดผลิตรถยนต์ 1.4 ล้านคัน ลดลง 30%YoY คงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มยานยนต์น้อยกว่าตลาด
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web