- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 May 2020 16:45
- Hits: 2672
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 26-5-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play//Wait to Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ขึ้นได้ดีกว่าที่เราคาดโดยปิดบวก 17.01 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่มที่ปรับตัวโดดเด่นวานนี้คือกลุ่มอสังหาฯทั้งบ้านและนิคมฯ สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 1.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางลงเหลือ 156 ลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 4.9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,310-1,333 จุด โดยตลาดยังให้น้ำหนักกับประเด็นการ Reopen Economy จากการทยอยคลาย Lockdow อย่างต่อเนื่องของหลายๆประเทศหลักทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีประเด็นหนุนจากข่าว Novavax ที่เริ่มทดลองวัคซีนในมนุษย์ครั้งแรก อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนว่าจะตึงเครียดมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งต้องดูท่าทีของจีนในการผลักดันกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงในการประชุมสภาใหญ่ของจีน ส่วนฝั่งของ Valuation SET Index เรายังมองว่าอยู่ในระดับสูงโดยมี PER2020-2021 ที่กว่า 19 เท่า และ 15.5 เท่า ตามลำดับ ระยะสั้นจึงเน้นเก็งกำไรกลุ่มที่ยัง Laggard เช่น กลุ่มการแพทย์ สื่อสารฯ อสังหาฯ รับเหมาฯ เป็นต้น ส่วนระยะกลาง-ยาวยังรอจังหวะพักฐานก่อนเข้าสะสมอีกครั้ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวโดยเน้น Laggard Play//ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP
หุ้นเด่นวันนี้: CPF
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 36 บาท
- ราคาหมูเวียดนามในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1 แสนด่อง/กก. เทียบกับราคาเฉลี่ยใน 1Q20 ที่ 7.69 หมื่นด่อง/กก. +31% Q-Q, +180% Y-Y จาก demand ที่ฟื้นเร็วโดยเฉพาะจากจีน ขณะที่ปัญหา ASF ยังมีอยู่ จึงอาจเห็น Bio gain ก้อนใหญ่ใน 2Q20
- รง.แปรรูปเนื้อสัตว์หลายแห่งในบราซิลต้องปิดชั่วคราวเพราะการระบาดหนักของ COVID-19 บราซิลเป็นคู่แข่งหลักของไทย ถ้าบราซิลฟื้นช้า ไทยอาจได้ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นและราคาไก่อาจปรับขึ้นได้หาก supply ถูกกระทบ
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเบาบางลงเหลือ US$206ล้าน โดยไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$163ล้านและ US$35ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยไหลออกเช่นกันราว US$5ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกและสลับไหลเข้าอย่างเบาบาง โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมสภาใหญ่จีนว่าจะมีการผลักดันกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงอย่างไร ซึ่งอาจลามไปสู่สถานการณ์ตึงเครียดกับสหรัฐฯที่สูงขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) รัฐเล็งปลดล็อกท่องเที่ยว ก.ค. เป็นแนวทางเสนอภายใต้กรอบวงเงิน 4 แสนลบ.ของพรก.กู้เงิน โดยมีมาตรการลดค่าที่พักให้คนเดินทาง 40-50% เรามองว่ากลุ่มโรงแรมเป็นธุรกิจที่จะเผชิญกับ new normal แบบใหม่ โรงแรมที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นทีหลังโรงแรมที่มีตลาดเป็นนักท่องเที่ยวไทย (ERW มีรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยมากกว่า CENTEL, MINT) ส่วนโรงแรมที่มีธุรกิจอาหารจะยังประคองตัวได้ (CENTEL มีรายได้จากธุรกิจอาหาร 50%)
(+) SEAFCO ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และเคอร์ฟิวเท่าใดนัก แต่เริ่มมีปัญหาแรงงานไม่พอเพราะไม่สามารถนำแรงงานต่างชาติกลับมาได้ ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% เป็น 3.3 พันลบ. โดยปัจจุบันมี Backlog 2 พันลบ.ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ทั้งหมด และอยู่ระหว่างประมูลงานอีก 5.1 พันลบ. แนวโน้มกำไร 2Q20 ยังดีตามความคืบหน้าของงานที่ทำต่อเนื่อง หลักๆจาก Dusit Central Park, ศูนย์ราชการ, ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, มอเตอร์เวย์บางใหญ่ เรายังคาดกำไรปีนี้ -23% Y-Y เพราะมาร์จิ้นต่ำลงเพราะงานที่รับค่าแรงรวมวัสดุสูงขึ้น คงเป้า 6.90 บาท ยังแนะนำซื้อ ราคาปัจจุบันเทรดที่ PE 12.2 เท่า เท่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง -0.75SD
(+) TVO แนวโน้มกำไรยังสดใสต่อ ธุรกิจน้ำมันถั่วเหลืองได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับขึ้นและการ panic buy ในช่วง WFH ส่วนธุรกิจกากถั่วเหลืองฟื้นหลังการ Reopen โดยเฉพาะจีนที่เร่งนำเข้าจากความต้องการบริโภคและการเลี้ยงสัตว์ ล่าสุด USDA ปรับลดคาการณ์ stock ถั่วเหลืองโลกปีนี้ลง 1.9 ล้านตันจากปีก่อนเหลือ 98.39 ล้านตัน ลดลงเป็นปีที่ 2 สะท้อน demand ที่เพิ่มสูงขึ้น เรายังคงคาดรายได้ปีนี้ +8% Y-Y กำไร +22% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 30 บาท แนะนำซื้อ
(-) EKH ถูกกระทบหนักจาก COVID-19 เดือน เม.ย. รายได้จากรพ.หลัก (85% ของรายได้รวม) ลดลงราว 20% Y-Y ศูนย์ IVF (15% ของรายได้) แทบไม่มีรายได้เพราะมาตรการ lockdown (ลูกค้าหลัก 80-90% เป็นชาวจีน) ผลประกอบการจะค่อยๆฟื้นใน 2H20 แต่ศูนย์ IVF อาจใช้เวลานานกว่า เราปรับกำไรปีนี้ลง 40% เหลือ 71 ลบ. -56% Y-Y ปีนี้เป็นปีไม่ปกติแต่ EKH ยังมีศักยภาพในระยะยาว ถ้าจะลงทุนต้องมองข้ามปีนี้ อย่างไรก็ตาม เราปรับเป้าลงเป็น 5.55 บาทจาก 7 บาท (DCF) แนะนำซื้อลงทุน
(0) ตลาดดาวโจนส์ ปิดทำการวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. เนื่องในวัน Memorial Day
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจาก Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะ 79.5 ในเดือนพ.ค.จากระดับ 74.2 ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 78.3 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐ, สหราชอาณาจักร และบางประเทศในเอเชีย ปิดทำการ ขณะที่นักลงทุนติดตามคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปในวันพุธนี้
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังโนวาแวกซ์ (Novavax) บริษัทพัฒนาวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ แถลงวานนี้ว่าเริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟสแรกในการใช้วัคซีน คาดว่าจะสามารถทราบผลเบื้องต้นในเดือนก.ค.นี้
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดทำการวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. เนื่องในวัน Memorial Day
(0) ราคาทองคำ COMEX ปิดทำการวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. เนื่องในวัน Memorial Day
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1116.71 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 พ.ค. - สหรัฐ: Fed Beige Book, 1Q20 GDP
- ไต้หวัน: 1Q20 GDP
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
29 พ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะศก.เดือน เม.ย.
- MSCI Rebalance
31 พ.ค. - จีน: Manufacturing & Non-Mfg. PMI (พ.ค.)
1 มิ.ย. - ไทย: Business Sentiment Index (พ.ค.)
- จีน: Caixin PMI Manfacturing (พ.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web