บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-5-2020

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Monday, 25 May 2020 13:50; Hits: 3202

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-5-2020

กลยุทธ์วันนี้ >> Short-Term Trading //Wait to Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวร่วงแรงโดยระหว่างวันหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1,300 จุดก่อนทจะรีบาวด์กลับขึ้นมาโดยปิดลบ 16.72 จุด ณ สิ้นวัน บรรยากาศการลงทุนถูกกดดันหลังวุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งอาจทำให้บริษัทจีนต้องถูก Delist จากตลาดหุ้น ส่งผลให้ทั้งสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 3 พันลบ.และ 2 พันลบ. ตามลำดับ (และ Short Index Futures 4.3 พันสัญญาและ 7.3 พันสัญญา ตามลำดับ)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,290-1,315 จุด โดยระยะสั้นอาจเกิด Technical Rebound ได้บ้างหลังหลังปรับตัวลงแรงวันศุกร์แต่ยังยืนเหนือแนวต้านสำคัญ 1,300 จุดได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่า Upside ของตลาดยังคงจำกัดโดยดัชนีรับความคาดหวังเชิงบวกจากการ Reopen Economy ไปค่อนข้างมาก ขณะที่ประเด็นกดดันมาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มากขึ้นทั้งการค้าละการเมือง โดยล่าสุดสหรัฐฯขู่คว่ำบาตรจีนหลังเตรียมใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง ขณะเดียวกัน Valuation ของ SET Index ที่อยู่ในโซนสูงโดยมี PER2020-2021 ที่กว่า 19 เท่า และ 15.5 เท่า ตามลำดับ ระยะสั้นจึงแนะนำเพียง Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนีและเน้น Laggard Play เช่นกลุ่มการแพทย์ สื่อสารฯ อสังหาฯ รับเหมาฯ เป็นต้น ส่วนระยะกลาง-ยาวยังรอจังหวะพักฐานก่อนเข้าสะสมอีกครั้ง

กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวโดยเน้น Laggard Play//ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: DOHOME

- แนะนำซื้อ เป้าปีนี้ที่ 10 บาทถูก dilute เป็น 8.60 บาทหลังปันผลเป็นหุ้น

- จ่ายปันผล 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็น Yield 2.3% XD 11 มี.ค.

- การคลาย lockdown และทยอยเปิดสาขาทำให้ SSSG พ.ค. พลิกเป็นบวก 3% Y-Y เร็วกว่าร้านค้าอื่นจากราคาที่แข่งขันได้และสินค้าครบวงจร แผนเปิดสาขาคงเดิมคือ 3 สาขาใหญ่และ Dohome to go 5 แห่งใน 2H20

- การตั้งเป้าเพิ่ม House brand จาก 17% ใน 1Q20 เป็น 20% ในปี 2022 บวกกับการมี DC และคุมรายจ่าย จะช่วยหนุนมาร์จิ้นในระยะต่อไป คาดกำไรปีนี้ลดลง 8-10%

Y-Y และฟื้นกว่า 10% Y-Y ในปีหน้า หักล้างผลกระทบจาก dilution ได้ในปีหน้า

Fund Flow วันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งตัวขึ้นเป็น US$1,549ล้าน โดยไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$983ล้านและ US$890ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยไหลออกเช่นกันอีก US$63ล้าน ยังคงสูงที่สุดในกลุ่ม TIPS แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ตึงเครียดมากขึ้นในประเด็นการค้าและการเมือง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มอาหารเครื่องดื่มและอิเล็กทรอนิคส์โตท่ามกลางส่งออกที่ -10.3% Y-Y ในเดือน เม.ย. เหลือ US$16,455 ล้าน (ไม่รวมทองคำ) ต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ตลาดหลักหดตัวแรงเกือบทุกตลาดเพราะ Lockdown ของหลายประเทศทั่วโลก ที่น่าสนใจคือสินค้าเกษตรและอาหาร (อาหารทะเล ไก่ หมู ผักและผลไม้) +3% Y-Y และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และแผงวงจรไฟฟ้า) +1% Y-Y ยังขยายตัวได้ ภาพใหญ่สอดคล้องกับหุ้นที่เราแนะนำ กลุ่มอาหารได้ประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่กำลังปรับขึ้น (แนะนำ CPF, GFPT, TFG) ธุรกิจอาหารต้นน้ำทั้งอาหารสัตว์และวัตถุแต่งกลิ่นและสีจะได้รับผลดีตามไปด้วย (แนะนำ TVO, RBF) กลุ่มเครื่องดื่มได้อานิสงส์จากหน้าร้อนของไทยและ CLMV ขณะที่ต้นทุนการผลิตอาทิ Natural gas, Pet resin และ Aluminum coil ลดลงตั้งแต่ 1Q20 เป็นบวกต่อต้นทุนใน 2Q20 เป็นต้นไป (แนะนำ CBG, OSP, ICHI, SAPPE, TACC)

(+) กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ เป็นกลุ่มที่ถูกกระทบอย่างหนักจากปัจจัยภายนอกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปัญหา WLTP, Trade War และ COVID-19 กระทบ Supply Chain แต่คำสั่งซื้อที่ชะลอในช่วงก่อนหน้าจะถูกเลื่อนมาอย่างหนาแน่น Consumer electronics อย่าง Smartphone และ Computer จะฟื้นก่อน แม้ Trade war จะตึงเครียดมากขึ้น แต่กลุ่มนี้จะถูกกระทบน้อยกว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพราะ Inventory โลกอยู่ในระดับต่ำมากและเทคโนโลยีมีความสำคัญมากขึ้นผู้บริโภคในยุค COVID-19 แนะนำ HANA

(+) กลุ่มที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐกำลังเร่งขึ้น เริ่มด้วยโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกมูลค่า 2.9 แสนลบ. ที่กลุ่ม BBS (BTS 35%, BA 45%, STEC 20%) เสนอผลประโยชน์สูงสุด คาดเซ็นสัญญาต้น มิ.ย. หลังบอร์ด EEC เห็นชอบสัญญาร่วมทุนแล้ว ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1.4 แสนลบ. คาดขายซอง มิ.ย. เป็นบวกต่อผู้รับเหมา CK, STEC ฐานราก (SEAFCO, PYLON) ผู้เดินรถ BEM, BTS และนิคมฯภาคตะวันออก (AMATA, WHA)

(+) FTSE June Review มีหุ้นไทย 5 ตัวเข้าคำนวณคือ BAM, BKER, RBF, SHR, SFLEX ไม่มีหุ้นออก มีผลวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. 2020

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลงเล็กน้อย 8.96 จุด ปิดที่ 24,465.16 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อหุ้นก่อนตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.เนื่องในวันเมมโมเรียล เดย์

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ ภายหลังจีนเตรียมออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ออกมาเตือนว่า สหรัฐจะตอบโต้จีน หากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วงและจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้นเช้านี้ จากความคาดหวังเกี่ยวกับเปิดเศรษฐกิจในหลายประเทศเร็วๆนี้ อาทิ คาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมยกเลิกการใช้มาตรการฉุกเฉินในเมืองที่สำคัญรวมถึงกรุงโตเกียว

(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 67 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 33.25 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,735.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1116.71 / +4.39

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

25 พ.ค. - ไทย: Mfg Production Index, Capacity Utilization(เม.ย.)

- ฮ่องกง: ส่งออก-นำเข้า (เม.ย.)

28 พ.ค. - สหรัฐ: Fed Beige Book, 1Q20 GDP

- ไต้หวัน: 1Q20 GDP

- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม

29 พ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะศก.เดือน เม.ย.

31 พ.ค. - จีน: Manufacturing & Non-Mfg. PMI (พ.ค.)

1 มิ.ย. - ไทย: Business Sentiment Index (พ.ค.)

- จีน: Caixin PMI Manfacturing (พ.ค.)

- สหรัฐ: ISM Manufacturing (พ.ค.)