- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 May 2020 15:42
- Hits: 3052
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-5-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 20 พ.ค.63 ปิด +12.25 จุด อยู่ที่ 1,322.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,672 ลบ.ต่างชาติขาย 2,648 ลบ. สถาบันซื้อ 2,815 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 248 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 401 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น SAWAD,STA,KBANK,OSP,KTB และมียอดขายหุ้น BBL,GULF,ADVANC,BGRIM,AWC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 432 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ GULF,KBANK,CPF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,719 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 110,523 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,045 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones +1.52 %, S&P500 +1.67 % ,Nasdaq +2.08 % ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน, เทคโนโลยี และรายงานกำไร Q1/63 ของทาร์เก็ต บริษัทค้าปลีกที่ดีกว่าคาด ขณะที่รายงานการประชุมเฟด เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมเฟดมีความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐระยะกลางมีความเสี่ยงชะลอตัวจากผลกระทบไวรัสระบาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +0.98 % ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มพลังงาน เคมีภัณฑ์ ตอบรับมาตรการคลายล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
Market View
- • ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับขึ้นตอบรับการเริ่มกลับมาเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังการควบคุมการระบาดของไวรัส Covid-19 อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่รายงานการประชุมเฟด เม.ย. ยังมีความกังวลผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ , การจ้างงาน ในระยะกลางมีความแนวโน้มชะลอตัว โดยสำนักงบประมาณสหรัฐคาด GDP สหรัฐ Q2/63 คาดหดตัว -38 % คนว่างงาน 26 ล.คน ส่งผลให้สภาคองเกรสกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลืออีกวงเงินมากกว่า 3 ลล.ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้อนุมัติแล้ว 3 ลล.ดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังปรับขึ้นจากสภาพคล่องและคาดหวังเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิด +0.94 % สถาบันซื้อ 2.8 พัน ลบ. ได้ปัจจัยหนุนจาก กนง.มีมติ 4 – 3 ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25 % อยู่ที่ 0.50 % เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าคาด เนื่องจากภาคส่งออกและท่องเที่ยวถูกกระทบโดยตรง และช่วยภาระหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ดัชนียังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้อาจมีกำไร FX , ต้นทุนการเงินและราคาก๊าซปรับลดลง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวคาดมีการฟื้นตัวเร็วกว่าคาดการณ์ จากสถานการณ์ระบาดไวรัสที่ปรับดีขึ้น
Daily Strategy
- • วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,300 – 1,310 กรณียืนได้ ดัชนียังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,335 – 1,348 แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเนื่องจาก Valuation ดัชนีค่อนข้างแพง แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น BAM, TASCO, GPSC, BGRIM,STEC
- • กลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่น (น้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด Neutral) ราคาน้ำมันดิบ Dubai ปรับตัวขึ้นมาที่ 35$/bbl เชื่อว่าหากราคาน้ำมันในเดือน มิ.ย.ยืนเหนือระดับนี้ได้จะทำให้กลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่นไม่มี Stock Loss และมีการกลับรายการ NRV เข้ามา ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานน่าจะเริ่มฟื้นตัว อ้างอิงจากสำนักข่าวรอยเตอร์วานนี้ Crack Spread ของน้ำมันอากาศยานในภูมิภาคสามารถพลิกมาเป็นบวกครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ 20 เม.ย.หลังธุรกิจการบินในจีนและเวียดนามเริ่มกลับมาเปิดทำการบินภายในประเทศ ดังนั้นน่าจะส่งผลบวกต่อหุ้น TOP SPRC BCP PTTGC
- • STEC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท) ลุ้นการกลับมาขยายตัวของรายได้ก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนั้น STEC ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องความล่าช้าในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูได้แล้ว ซึ่งก็จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของงานก่อสร้างมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหลังจากทำจุดต่ำสุดไปในไตรมาส 1 นอกจากนั้นการเซ็นต์สัญญาในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกก็มีความคืบหน้าโดยกลุ่ม BBS จะได้เซ็นต์สัญญาในเดือนมิถุนายน ซึ่งก็จะหนุนให้ Backlog ของ STEC แข็งแกร่งยิ่งขึ้น (Active Backlog ณ สิ้น1Q63 อยู่ที่ระดับ 9 หมื่น ลบ.) สำหรับการประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1.27 พัน ลบ. และ 1.63 พัน ลบ. ชะลอตัวลง -14%YoY ในปี 63 แต่กลับมาขยายตัว +28%YoY ในปี 64 ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (+) WTI Futures ก.ค.ปิด +1.53 ดอลลาร์ อยู่ที่ 33.49 ดอลลาร์/บาร์เรล Brent Futures ก.ค. ปิด +1.10 ดอลลาร์ อยู่ที่ 35.75 ดอลลาร์/บาร์เรล EIA รายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 5 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล.บาร์เรล ขณะที่สต็อคน้ำมันที่เมืองคูชิ่งลดลง 5.5 ล.บาร์เรล ช่วยลดความกังวลแท็งกักเก็บสต็อคที่ตึงตัว
Gold Update (+) Gold Futures มิ.ย.ปิด +6.50 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,752.10 ดอลลาร์/ออนซ์ กังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หากการล็อกดาวน์เกินเวลานานเกินไปและภาวะเงินเฟ้อในอนาคตมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายการเงิน ขณะที่ดัชนี Dollar Index อ่อนค่า -0.26% อยู่ที่ 99.125
Fund Flow (+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ซื้อสุทธิ +1,034 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย – 83.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด + 1,119 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ – 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัว อยู่ที่ 31.82 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(+) ดัชนี BDI ปิด +24 จุด อยู่ที่ 477 จุด
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี อยู่ที่ 0.683 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.165 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore แข็งค่าอยู่ที่ 7.1087/USD
(-) สำนักบริหารหนี้รัฐบาลอังกฤษออกพันธบัตรอายุ 3 ปี วงเงิน 3.8 พัน ล.ปอนด์ที่อัตราผลตอบแทน -0.003 %
(-) ญี่ปุ่นรายงานส่งออก เม.ย. -21.9 % YoY ลดลงน้อยกว่าคาดที่ -22.2 %
(0) ติดตามรายงานส่งออกไทย เม.ย. คาด -3.05 % YoY
Economic Calendar
ในประเทศ
18 พ.ค. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 1/63
18 พ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการดำเนินงานระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/63
18 พ.ค. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)
18 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพลังงาน (กบน.)
20 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2563
20 พ.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์
ต่างประเทศ
19 พ.ค. US รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง (เม.ย.)
20 พ.ค. CN อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคาร PBoC
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
21 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( พ.ค.)
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL*, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม และสินเชื่อส่วนบุคคล BAM*, CHAYO*, JMT*, MTC*, SAWAD*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากราคาน้ำมันขาลง TOP, PTTGC, IVL, PRM*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, TASCO*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2020: ADVANC, BJC*, BPP*, CPALL*, CPF*, STA*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web