WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-5-2020KGI

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)

บวกต่อ ช่วงสั้นแรงผลักขึ้นยังมีอยู่

KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับขึ้นต่อ ช่วงสั้นโมเมนตัมของดัชนีฯ แรงกว่าที่เราคาดเล็กน้อย และน่าจะยังไปต่อได้... หลังจากเมื่อวานนี้หุ้นไทยบวก 0.94% หนุนโดยหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 0.50% และส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 แย่กว่าที่ กนง. ประเมินไว้ที่ -5.4%... ปัจจัยแวดล้อมของตลาดหุ้นเป็นบวก ได้แก่ i) ตลาดมองข้ามความไม่แน่นอนของวัคซีน Covid-19 และเลือกให้น้ำหนักกับโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในครึ่งหลังของปีนี้และปี 2564 หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศหลักๆ ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเปิดประเทศ ii) ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ต่ออีก 5.21% ตอบรับตัวเลขสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ลดลง 5.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล และน่าจะหนุนหุ้นพลังงานและหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกต่อไป...

ด้านปัจจัยในประเทศ สืบเนื่องจาก กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวานนี้ ล่าสุด BBL* ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR-MOR-MRR และมีโอกาสที่ธนาคารอื่นๆ จะทำตามเช่นกัน อาจจำกัดทางขึ้นของหุ้นธนาคารในระยะสั้น... ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมองว่าความผันผวนของ SET Index จะมากขึ้นตามระดับความสูงของตลาด ซึ่งปัจจุบันเทรดที่ valuations ค่อนข้างสูงและเหลือ upside เพียง 3.6% จากเป้าหมายดัชนีฯ ที่เรามอง 1,370 จุดสำหรับสิ้นปี 2563 (อิงพีอีเหมาะสมที่ 17.6 เท่า และ EPS สิ้นปี 2564 ซึ่งเราประเมินไว้ที่ 78 จุด)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน   ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)

เก็งกำไร CENTEL*, RS*, EA*

                CENTEL* (เป้าพื้นฐาน 26 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.8 บาท / แนวต้าน 21.3 - 22.9 บาท (Stop loss 19 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q63 จะเป็นจุดต่ำสุด และ Sentiment การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์น่าจะทำให้ผลการดำเนินงาน 2H63 ฟื้นตัวได้ 3) คาดจะมีแรง Switching จาก MINT* ที่ประกาศเพิ่มทุน ขณะที่แม้ว่า MINT* จะเพิ่มทุนสำเร็จ สถานะทางการเงินก็ยังมีความเสี่ยง (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐายหุ้น MINT* และ CENTEL* วานนี้เพิ่มเติม)

                RS* (เป้าพื้นฐาน 13.2 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.0 บาท / แนวต้าน 12.1 - 12.5 บาท (Stop loss 10.5 บาท) 2) จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด มี Upside หากบริษัทฯทำรายได้และอัตรากำไรได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากประมาณการฯของฝ่ายวิจัยฯ ทั้งการเติบโตของรายได้และสมมติฐานอัตรากำไรต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทฯค่อนข้างมาก (ฝ่ายวิจัยฯ ยึดหลักอนุรักษ์นิยม ขอพิจารณาผลการดำเนินงาน 2Q63 ก่อน) ... อ่านรายละเอียดเป้าหมายรายได้และอัตรากำไรในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหุ้น RS* เพิ่มเติม 3) ประเมินการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์จะเริ่มส่ง Sentiment บวกมาที่ภาคการบริโภคในประเทศ

                EA* (เป้า Consensus 59.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 39 บาท / แนวต้าน 42 - 43 บาท (Stop loss 38.0 บาท) 2) Consensus ประเมินกำไรยังเติบโต +28% CAGR (2562 - 65) ขณะที่ PE ปีนี้ ±20 เท่า 3) เริ่มขยายการลงทุนไปยังธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงการหมด Adder ของโซลาร์ฟาร์มในปัจจุบัน โดยเริ่มลงทุนในธุรกิจเกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าขยะ และธุรกิจรถอีวี (ล่าสุดจัดตั้ง บ.ลูก เข้าซื้อ PP หุ้น NEX ที่ราคา 2.2 บาท โดยหลังการเพิ่มทุน บ.ลูกของ EA* จะถือหุ้น NEX 40% ทั้งนี้ NEX เป็นผู้จัดจำหน่ายซ่อมบำรุงและให้เช่ารถบัส+รถเมล์ คาดจะใช้ NEX เป็นช่องทางการขายแบตเตอรี่ สำหรับรถบัสอีวี เป็น Win-Win strategy) ... วันนี้มี Opportunity day หุ้น EA

หุ้นมีข่าว

(+ กลุ่มท่องเที่ยว) รัฐเล็งถก 20 สมาคมท่องเที่ยวไทย เปิดรับทัวริสต์ต่างชาติ 'ไม่กักตัว' (กรุงเทพธุรกิจ) ส่อประเดิม จีน ฮ่องกง มาเก๊า เร่งแนวปฏิบัติสุขอนามัย "กรมควบคุมโรค" เรียก 20 สมาคมท่องเที่ยวถกเตรียมความพร้อม นัดระดมสมองหาวิธีต้อนรับทัวริสต์ ต่างชาติช่วงแรกแบบไม่ต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน ด้านโรงแรม "ดุสิตธานี-อวานี" เปิดตัว มาตรการใหม่ด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย ฟื้นเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

(0) สรุปแผนขายหุ้นบินไทยสัปดาห์หน้า (ไทยโพสต์) "อุตตม" สั่ง สคร.เร่งศึกษาแผนการขายหุ้นเจ้าจำปีให้กองทุนวายุภักษ์ ชี้มีสิทธิ์ขายต่ำทุนได้ไม่มีกฎหมายห้าม เล็งสรุปในสัปดาห์หน้า รับหากขายที่ 14 บาทคงไม่มีใครโง่ซื้อ "ประธานสหภาพการบินไทย" รับสภาพแล้ว กางกฎหมายชดเชยให้พนักงานกว่า 2.1 หมื่นรายรับรู้ อึ้ง! หุ้น THAI* พุ่งชนซิลลิง นักการเมืองพร้อมใจเตือน 15 ผู้กอบกู้ต้องเป็นคนมีคุณภาพ ไร้การเมืองแทรก

(+) ลือ!GULF*-หินกอง ขึ้นแท่นนำเข้า LNG (ทันหุ้น) ลือสะพัด GULF* และโครงการหินกอง 1400 เมกะวัตต์ ซึ่งถือหุ้นโดย GULF* 49% - RATCH* 51% ได้รับอนุมัติเป็นผู้จัดหา-นำเข้า LNG รายใหม่ ขณะที่ GULF* ตั้งบริษัท กัลฟ์ แอลเอ็นจี รองรับแล้ว ขณะที่ BGRIM* ยกความพร้อมลุย LNG ด้วย เผยดีมานด์ใช้ไฟฟ้าพฤษภาคมกลับมาเกือบ 100% ลูกค้าเข้าต่อเนื่อง Q2/2563 โตต่อ

(- กลุ่มยานยนต์) ยอดผลิตรถยนต์ต่ำสุดรอบ 30 ปี (มติชน) ปชช.ไม่อยากใช้เงิน-โชว์รูมโล่ง ดัชนีเชื่อมั่นอุตทุบสถิติทรุดหนัก ส.อ.ท.เปิดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เม.ย.ลดต่ำสุดในรอบ 11 ปี ลุ้นคลายล็อกเฟส 2 ดัน พ.ค.ปรับตัวดีขึ้น ด้านยอดผลิตรถยนต์ลดลง 83.55% ต่ำสุดรอบ 30 ปี ชี้ประชาชนอยู่บ้าน ไม่อยากใช้เงิน โชว์รูมแทบจะไม่มีคนไปซื้อ ห่วงทั้งปีไม่ถึง 1 ล้านคัน

(+) WHAUP* เซ็นสัญญากับฮอนด้า ลุยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 5 MW (ข่าวหุ้น) WHAUP* เดินหน้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปต่อเนื่องทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม หลังกระแสตอบรับดี ล่าสุดเซ็นสัญญากับ ฮอนด้าติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา 2 โรงงาน รวม 5 เมกะวัตต์ มั่นใจปี 63 ปิดดีลครบ 50 เมกะวัตต์

หุ้นที่แนะนำไปก่อนหน้า

                INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 69 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 52 บาท)

                TMB* (เป้าพื้นฐาน 1.38 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 1.0 บาท)

                MTC* (เป้าพื้นฐาน 49 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 51 บาท)

                HANA* (เป้าพื้นฐาน 36 บาท) แนวรับ 29 บาท / แนวต้าน 32 บาท (Trailing stop 28 บาท)

                BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) แนวรับ 16.3 บาท / แนวต้าน 17.0 - 17.5 บาท (Trailing stop 15.7 บาท)

                TOP* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) แนวรับ 45 บาท / แนวต้าน 46.5 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 42.75 บาท)

                BPP* (เป้าพื้นฐาน 23.25 บาท) แนวรับ 16.0 บาท / แนวต้าน 16.5 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 15.7 บาท)

                CPF* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) แนวรับ 28.5 บาท / แนวต้าน 29.5 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 27.5 บาท)

                TFG (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 4.16 บาท / แนวต้าน 4.34 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 4.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

                BCP* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 24 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯปีนี้ลง คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ -288 ล้านบาท (เดิมคาดกำไร +2.6 พันล้านบาท) จากรายการพิเศษการตั้งด้อยค่าการลงทุนราว 2.4 พันล้านบาท (ผลจากราคาน้ำมันที่ลงแรง) แต่สำหรับกำไรจากการดำเนินงานฝ่ายวิจัยฯคาดว่ายังมีกำไรราว +2.1 พันล้านบาทในปีนี้ (ปรับลดลงจากเดิม -22%) และ +4.9 พันล้านบาทในปี 2564 (ปรับลง -14%) ฝ่ายวิจัยฯปรับลดคำแนะนำลงเป็น "ถือ" (เดิม "ซื้อ")

                BCPG* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 22 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง งลงทุน 5 ปียังคงอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท แต่สำหรับปี 2563 มีการปรับลดงบฯลง เพราะปัญหาไวรัสโควิด-19 (การเจรจา, การก่อสร้างล่าช้า) สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H63 จะดีขึ้นหลังเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน และผลของ El Niño หมดแล้ว คงคำแนะนำ "ซื้อ"

                BGRIM* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 51.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวกเล็กน้อย มีปัจจัยบวกจากต้นทุนแก็ซที่ลดลง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯยังไม่รวมในประมาณการฯ ขณะที่ดีลซื้อกิจการล่าช้าไปในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส แต่สำหรับดีลในประเทศยังเดินหน้าต่อได้

                CPN* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 55.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 2Q63 แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวใน 2H63 จากการผ่อนคลายมาตรการและเปิดห้างฯ

                TKN* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 11.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมิน เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจจากการลดต้นทุนเพื่อหนุนกำไรในปี 2563 และแนวโน้มรายได้ที่เร่งตัวขึ้นในปี 2564 ซึ่งเริ่มเห็นผลบ้างแล้วใน 1Q63 และน่าจะเห็นชัดขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563/64 ขึ้นอีก 2%/23% จากการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ"

                ZEN แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 7.6 บาท แม้จะมีมาตรการการลดต้นทุนในช่วงวิกฤต แต่ฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินว่า ZEN จะรายงานผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่องใน 2Q63 และฟื้นตัวได้อย่างช้าๆใน 2H63 ขณะที่ประเมินการส่งอาหารออนไลน์ ยังมีผลต่อผลการดำเนินงานรวมของ ZEN น้อย คงคำแนะนำ "ขาย"

Strategic SET daily

May 21, 2020                        Market strategy                    Thailand

1 อดิศักดิ์ คำมูล

2 66.2658.8888 ต่อ 8843

3 [email protected]

จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1317 จุด

วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1317 จุดได้นั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1317-1352 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1317 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1317-1302 จุด

แนวรับวันนี้:       1317/1305           แนวต้านวันนี้:         1329/1341

Bangchak Corporation

เจ็บปวดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์

Event

ปรับลดประมาณการปี 2563-64, ปรับลดราคาเป้าหมาย และปรับลดคำแนะนำ

Impact

ปรับประมาณการปี 2563F เป็นขาดทุนสุทธิเนื่องจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ เราปรับประมาณการของ BCP ในปีนี้จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านบาท มาเป็นขาดทุนสุทธิ 288 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 2.4 พันล้านบาทใน 1Q63 ประกอบด้วยผลขาดทุนจาก Nido 1.4 พันล้านบาท (ไม่เหลือมูลค่าทางบัญชีแล้ว) และผลขาดทุนจาก OKEA 974 ล้านบาท (คิดเป็นหนึ่งในสามมูลค่าทางบัญชี) หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง แต่ถึงจะไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ เราก็ยังปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2563 ลง 22% เหลือ 2.1 พันล้านบาท และปี 2564 ลง 14% เหลือ 4.9 พันล้านบาท จากอัตราการกลั่นและปริมาณยอดขายน้ำมันที่ลดลง โดยเราได้ปรับลดสมมติฐานอัตราการกลั่นในปีนี้ลง 5% เหลือ 100KBD หลังจากที่บริษัทมีแผนจะลดอัตราการกลั่นใน 2Q63 ลงเหลือ 90-95KBD จาก 104KBD ใน 1Q63 เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์ Covid-19 นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานอัตราการกลั่นในปี 2564 ลงอีก 9% เหลือ 105KBD เนื่องจากบริษัทได้เลื่อนการทำ major turnaround โรงกลั่นนาน 40 วันออกไปจาก 3Q63 เป็น 2Q64 ทั้งนี้เรายังได้ปรับลดสมมติฐานปริมาณยอดขายในธุรกิจการตลาดน้ำมันปีนี้ลงอีก 5% เป็น 6,072 ล้านลิตรเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากมาตรการ lockdown ประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ในขณะที่ยังคงสมมติฐานของปี 2564 เอาไว้ที่ 6,558 ล้านลิตร

คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นใน 2Q63

เราคาดว่าผลประกอบการ 2Q63 จะพุ่งขึ้น QoQ เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่ถึง 2.8 พันล้านบาทเหมือนกับใน 1Q63 และ base GRM เพิ่มขึ้นจากต้นทุน crude premium ที่ลดลง รวมถึงอุปสงค์น้ำมันที่กลับมาหลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลงไป นอกจากนี้ บริษัทก็ยังจะลดสัดส่วนผลผลิตน้ำมันเครื่องบินลงเหลือศูนย์ จากระดับปกติที่ 12-13% และเพิ่มสัดส่วนผลผลิตน้ำมันดีเซลแทน แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการกลั่นน่าจะลดลงเล็กน้อย 9-14% QoQ เหลือ 90-95KBD ใน 2Q63 จากมาตรการ lockdown ประเทศ

เลื่อนกำหนด COD โครงการ CCR ออกไปเล็กน้อยเป็นเดือนตุลาคม 2563

ถึงแม้ว่าบริษัทจะเลื่อนแผนการทำ turnaround maintenance (TAM) โรงกลั่นออกไปจาก 3Q63 เป็น 2Q64 แต่บริษัทยังคงมีแผนจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการ Continuous Catalyst Regeneration (CCR) ในปีนี้เหมือนเดิม เพียงแต่จะเลื่อนกำหนดเล็กน้อยไปเป็น 4Q63 โดยโครงการนี้จะทำให้โรงกลั่นสามารถเดินเครื่องได้นานขึ้นก่อนที่จะต้องทำ turnaround maintenance ในแต่ละรอบ จากเดิมที่ต้องทำทุกสองปี เป็นทุกสามหรือสี่ปี

Valuation & Action

เราปรับลดราคาเป้าหมาย SoTP ลงเหลือ 24.00 บาท จากเดิม 25.00 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการ นอกจากนี้ เรายังปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจน้อยลงมาอยู่ที่ 2.4% (อิงจากประมาณการ DPS ใหม่ที่ 0.50 บาท/หุ้น) หลังจากที่เราปรับประมาณการปีนี้เป็นขาดทุนสุทธิ และราคาหุ้น BCP วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 41% ตั้งแต่เดือนสิ้นเดือนมีนาคม

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและ GRM, ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการ solar farm และการทำ major turnaround โรงกลั่นของ BCP ใน 2Q64

Taokeanoi Food & Marketing

(TKN.BK/TKN TB)*

เริ่มสัญญาณฟื้นตัวของธุรกิจในรอบ 3 ปี

Event

อัพเดตแนวโน้มธุรกิจ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย

lmpact

มีสัญญาณการฟื้นตัวธุรกิจ

เราเห็นสัญญาณการพลิกฟื้นของธุรกิจจากการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในประเทศจีน และการฟื้นตัวของรายได้จากธุรกิจส่งออก หลังผ่านวิกฤติ covid 19 และต้นทุนที่ลดลง ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือนมกราคม 2563 ก่อนที่จะถูกสะดุดลง ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมจากการปิดประเทศเพื่อคุมการแพร่ระบาดของ covid-19 แต่หลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (lockdown) ลงในเดือนเมษายน รายได้จากธุรกิจในจีนก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะหนุนให้รายได้ของบริษัทเร่งตัวขึ้นใน 2Q63 ทั้งนี้ ธุรกิจส่งออกในไตรมาส 1/63 ลดลง 6% YoY (จีน -15% YoY, นอกประเทศจีน +8%) ในขณะที่ธุรกิจในประเทศไทย -24% YoY

ส่งออกโตไปตามพันธมิตรใหม่ "Orion" ทั้งในจีนและนอกประเทศจีน

การส่งออกไปจีนที่เปลี่ยนไปเป็นทำตัวแทนมืออาชีพเพียงเจ้าเดียวคือ "Orion" (บริษัทอาหารสัญชาติเกาหลี) ซึ่งคุมเครือข่ายขนส่งขนาดใหญ่ครอบคลุม MT 14,000 POS และ TT 140,000 POS ทำให้ TKN ลดปัญหาการบริหารจัดการเอเย่นต์ที่ง่ายขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้ากระจายสินค้าผ่านเครือข่ายของ Orion ให้ได้ถึง 75% ของเครือข่ายภายใน 1H63 และ > 85% ใน 2H63 ความร่วมมือกับ Orion ไม่ได้โตแค่ในประเทศจีน และรวมไปถึงเกาหลี และรัสเซียซึ่ง Orion มีฐานธุรกิจอยู่ด้วย ทั้งนี้ TKN ตั้งเป้าจะวางจำหน่ายในเกาหลีภายในเดือนมิถุนายน 2563 และรัสเซียภายในเดือนสิงหาคม 2563

มุ่งความสำคัญไปที่การลดต้นทุนเพื่อหนุนกำไรโต

TKN ตั้งใจมากที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงให้ได้ในปี 2563 ได้แก่ 1.) ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลงครึ่งหนึ่ง อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างดาราดังจากเกาหลีเป็นพรีเซ็นเตอร์ และการให้สปอนเซอร์จัดคอนเสิร์ตที่สูงถึง >150-200 ล้านบาทต่อปี 2.) รวมสองโรงงานเข้าเป็นหนึ่งตั้งแต่ 4Q63 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 100-120 ล้านบาท/ปี 3.) ต้นทุนสาหร่ายลดลงใน 3Q63 5.) 6.) รุกตลาดสหรัฐโดยใช้บุคคลภายนอกผลิต (outsource) และ ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยแทนการผลิตจากรง.สหรัฐ เราคาดว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลงจะทำให้ GPM เพิ่มขึ้น 150bps ในปี 2563/64 และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย/รายได้ลดลงเหลือ 13%/12% ในปี 2563/2564 (จาก 14.6% ในปี 2562)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563F/2564F ขึ้นอีก 2%/19% และปรับราคาเป้าหมายปีนี้เป็น 11.50 บาท

เราปรับประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนถึง 1.) อัตราการเติบโตของรายได้ที่ 2%/12% (จากเดิมที่ 8%/8%) 2.) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย/รายได้ที่ลดลงเหลือ 13%/12% (จากเดิมที่ปีละ 15.5%) เรามอง TKN เป็นหุ้นฟื้นตัวดังนั้นจึงประเมินมูลค่าแบบมีพรีเมี่ยมในช่วงต้นโดยกำหนด P/E ที่ 33.5x (เท่ากับ CBG) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่ที่ 11.50 บาท (จากเดิมที่ 7.5x) และปรับคำแนะนำเป็นซื้อ

Risks

SG&A เพิ่มขึ้น และเพิ่มยอดขายในจีนไม่สำเร็จ.

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!