- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 May 2020 16:21
- Hits: 2999
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-5-2020
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ปรับขึ้นได้บ้าง ภาพรวมตลาดยังเล่นในกรอบที่จำกัด
KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ไซด์เวย์/บวกในกรอบแคบๆ... หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีฯ รีบาวด์แต่ไปไม่ไกล และปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลง (ตามคาด)... ขณะที่ปัจจัยวันนี้ ภาพรวมเรามองเป็นบวกเล็กน้อย กล่าวคือ i) ราคาน้ำมันดิบ WTi แรลลี่ต่อ กลับมาเทรดแถว 30 เหรียญฯ/บาร์เรล หลังจากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการทยอยเปิดเมืองและเปิดธุรกิจ รวมทั้งแนวโน้มอุปสงค์/อุปทานที่น่าจะดูดีขึ้นหลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันทยอยลดปริมาณการผลิต ซึ่งประเด็นดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานให้ outperform ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว และ ii) การผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่ 2 ในไทยซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ น่าจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่งเช่นกัน (เมื่อวานนี้ สื่อในประเทศลงข่าวอ้างข้อมูลจากทางการ มีประชาชนลงทะเบียนเข้าห้างฯ ทั่วประเทศมากกว่า 2 แสนคน)..
. อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงกังวลต่อ valuations ของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง และน่าจะจำกัดทางขึ้นของดัชนีฯ ขณะที่การรายงาน GDP ไตรมาส 1/2563 ของไทยในเช้าวันนี้ รวมทั้งผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ซึ่งจะสิ้นสุดในเช้าวันนี้ น่าจะนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของ SET Index อีกรอบหนึ่ง และอาจดันให้ valuations ของตลาดหุ้นไทยแพงขึ้นกว่าปัจจุบัน ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI ประเมิน GDP -3.9% YoY ในไตรมาส 1/2563 และ -8.4% สำหรับทั้งปี 2563
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร TOP*, BCPG*
TOP* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 42 บาท / แนวต้าน 45.5 - 46.5 บาท (Stop loss 40.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q63 ฟื้นตัว QoQ จาก i) ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น +30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดความเสี่ยงขาดทุนสต๊อก ii) คาดดีมานด์น้ำมันเริ่มฟื้น จากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์หลายประเทศ 3) Valuation ไม่แพงในด้าน Asset based คือ PBV 0.7 เท่า คิดเป็น -3 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.7 บาท / แนวต้าน 16.5 - 17.0 บาท (Stop loss 15.4 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H63 จะดีกว่า 1H63 เพราะปัญหาภัยแล้งจะเริ่มบรรเทาลงหลังเข้าฤดูฝนกลางปีนี้ 3) โดยปกติจะมีการจ่ายปันผลทุกไตรมาส เราคาดจะยังคงจ่ายปันผลในอัตราใกล้เคียงเดิมคือ 0.16 บาท/หุ้น สำหรับ 1Q63 4) ประเมินยังมีการลงทุนโรงไฟฟ้าในลาวอีกหลายแห่ง ที่รอประกาศ (ประเมินจากแผนลงทุนในอนาคต จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด BCPG* ยังเหลืองบลงทุนสำหรับปีนี้อีก 1.35 หมื่นล้านบาท) ... แผนลงทุนใหม่นี้เป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการฯ
หุ้นมีข่าว
(0) สำนักงานการบินพลเรือนประกาศขยายเวลาห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ (ประกาศสำนักงานการบินพลเรือน) เรามองเป็นกลางต่อประกาศขยายเวลาห้ามบินออกไปอีก 1 เดือนของสำนักงานการบินพลเรือน เนื่องจากสอดคล้องกับมุมมองของเราคาดไว้แล้วว่า สายการบินระหว่างประเทศจะไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ในช่วง 2Q63 จากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งเราได้มีการปรับลดประมาณการอย่างมีนัยสำคัญสำหรับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศลง 67% YoY ในปี 2563 โดยมองว่า ความเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีการให้บริการสายการบินระหว่างประเทศเร็วที่สุดในบางเส้นทางตั้งแต่เดือน ก.ค.63 หากพิจารณาจากความสามารถในการจัดการควบคุมการะบาดของบลางประเทศ อย่างไรก็ตาม เราคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของผู้ประกอบการสนามบินและสายการบินจะเผชิญจุดต่ำสุดของปีในช่วง 2Q63 โดยมีผลการดำเนินงานหลักเป็นขาดทุนสุทธิ เราแนะนำเพียง “ถือ” สำหรับ AOT* และ AAV โดยให้ราคาเป้าหมายไว้เท่ากับ 58.00 และ 2.08 บาท ตามลำดับ
(-) TRIS ปรับลดอันดับเครดิต THAI* ลงเป็น “BBB” จาก “A” (TRIS Rating) การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนมุมมองที่เป็นลบต่อบริษัท เนื่องจาก TRIS มีความกังวลมากขึ้นต่อโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างทันเวลา เนื่องจากมีแนวโน้มที่บริษัทอาจจะต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการด้วยกระบวนการศาลล้มละลาย ซึ่งแตกต่างจากการมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ในมุมมองของเราเชื่อว่า ครม.จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจต่อแนวทางของ THAI ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นแผนฟื้นฟูกิจการและการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เราคาดว่าส่วนของทุนของ THAI กำลังจะเข้าสู่ภาวะติดลบ และยังไม่เห็นถึงเห็นแนวทางที่ชัดเจนในการพลิกฟื้นกิจการของบริษัทให้มีผลการดำเนินงานเป็นบวกในอนาคต เรายังคงแนะนำ “ขาย” โดยมีราคาเป้าหมาย 4.70 บาท
(+) EA* ซื้อ NEX ต่อยอดรถ EV ไม่เทนเดอร์-Q1 กำไรฟู (ทันหุ้น) EA* ทุ่ม 1.5 พันล้านบาท ซื้อหุ้น NEX สัดส่วน 40.013% เสริมแกร่งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมยื่นขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Whitewash) เหตุการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ไม่ได้ซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม ด้านผลงานไตรมาส 1/2563 รายได้พุ่ง 54% ที่ 4,761 ล้านบาท จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
(-) KTC* จ่อหั่นเป้า ยอดใช้บัตรปีนี้ เซ่นพิษโควิด 19 (ข่าวหุ้น) KTC* รับจำเป็นต้องหั่นเป้ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปีนี้ หลังเดือนเม.ย.ยอดใช้บัตรติดลบ 40% ฉุดยอดใช้ 4 เดือนแรกปีนี้ติดลบ 7.6% แย้มเตรียมวางแผนการตลาดใหม่ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19
(+) CPF* เร่งเครื่องกำลังผลิต รับออเดอร์จีน-สิงคโปร์ (ทันหุ้น) CPF* สัญญาณปี 2563 โดดเด่น ซุ่มดีลสิงคโปร์-จีนส่งออกสินค้าไก่ เล็งเปิดตลาดส่งออกสินค้าไก่-อาหารแปรรูปทดแทนกำลังผลิตที่หายไปจากสหรัฐ-บราซิล จากโรงงานปิดตัวชั่วคราวจากผลกระทบโควิด-19 ย้ำชัดกระแสเงินสดสูงต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายต่ำ
หุ้นที่แนะนำไปก่อนหน้า
INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 69 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 52 บาท)
JMART (เป้าพื้นฐาน 9.8 บาท) ประเมินแนวรับ 8.75 บาท และ 8.50 บาท / แนวต้าน 9.0 - 9.45 บาท (Trailing stop 8.35 บาท)
HANA* (เป้าพื้นฐาน 36 บาท) ประเมินแนวรับ 27.5 บาท / แนวต้าน 30 - 32 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
EP (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) ประเมินแนวรับ 3.8 บาท / แนวต้าน ±4 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 3.70 บาท)
CPF* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) ประเมินแนวรับ 28 บาท / แนวต้าน 29.5 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 27.5 บาท)
TFG (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ประเมินแนวรับ 4.1 บาท / แนวต้าน 4.3 บาท หากผ่านแนวต้านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 4.0 บาท)
BPP* (เป้าพื้นฐาน 23.25 บาท) ประเมินแนวรับ 15.8 บาท / แนวต้าน 16.5 บาท (Trailing stop 15.7 บาท)
TMB* (เป้าพื้นฐาน 1.38 บาท) ประเมินแนวรับ 0.90 บาท / แนวต้าน 0.96 - 1.00 บาท (Stop loss 0.89 บาท)
MTC* (เป้าพื้นฐาน 49 บาท) ประเมินแนวรับ 49 บาท / แนวต้าน 53 บาท (Trailing stop 47.5 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
RS* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 13.2 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวกเล็กน้อย แม้บริษัทฯจะปรับเป้าหมายยอดขายปีนี้ลง (เป้าหมายใหม่ยังสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด) แต่มีการปรับเป้าหมายอัตรากำไรสุทธิขึ้นจากกรอบ 12% - 15% เป็น 13% - 15% อย่างไรก็ดีแนวโน้ม 2Q63 ฝ่ายวิจัยฯคาดจะชะลอตัวลง (ผลกระทบจากโควิด-19) จึงยังคงประมาณการฯปี 2563 - 64 ไว้ตามเดิม และคงคำแนะนำ "ซื้อ"
MEGA* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 36 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก โดยประเมินมีประมาณการรายได้ปี 2563 มี Upside ราว +7.5% จากธุรกิจ Maxxcare (MC) อย่างไรก็ดีสำหรับประมาณการกำไรปี 2563 ฝ่ายวิจัยฯยังคงประมาณการฯไว้ตามเดิม เพราะมีปัจจัยถ่วงคืออัตรากำไรขั้นต้นที่อาจลดลง คงคำแนะนำ "ซื้อ"
BEC แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 4.28 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ แนวโน้มเป็นลบ โดยคาดผลการดำเนินงาน 2Q63 จะยังขาดทุนต่อเนื่องแต่ประเมินว่าจะขาดทุนลดลงเนื่องจาก ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ลดลง และรายได้จากการขาย Content ไปต่างประเทศ ฝ่ายวิจัยฯคงประมาณการฯปี 2563 - 64 ไว้ตามเดิมว่าจะขาดทุน -762 ล้านบาท และ -549 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่แนวโน้มธุรกิจทีวีระยะยาวยังเป็นขาลง คงคำแนะนำ "ขาย"
Strategic SET daily
May 18, 2020 Market strategy Thailand
1 อดิศักดิ์ คำมูล
2 66.2658.8888 ต่อ 8843
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1278 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1278 จุดได้นั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1278-1301 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1278 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1278-1265 จุด
แนวรับวันนี้: 1278/1266 แนวต้านวันนี้: 1287/1297
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web