- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 May 2020 15:09
- Hits: 2346
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-5-2020
“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่ง พาวเวลให้คำมั่นหนุนเศรษฐกิจ”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TKN (จากถือเป็นซื้อ) / AOT, STEC (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ รีบาวด์แบบไซด์เวย์ แม้คลายล็อคดาวน์ระยะ 2 ปิด +0.36 จุด ที่ 1280.76 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 51 พันลบ.ตลาดแกว่งแคบคล้ายภูมิภาค มีการเข้าซื้อหุ้นพลังงานต้นน้ำ ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นดี หลังสต็อคที่อเมริกาน้อย แต่ก็มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกลุ่มธนาคาร และ AOT รอปัจจัยใหม่ๆ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นอีกเป็น 184.5 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นมีโอกาสรีบาวด์...ดาวโจนส์ล่วงหน้า น้ำมัน ฟื้นตัว แต่กังวลสงครามการค้า ปัจจัยบวกคือดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้บวกดีเพราะพาวเวลสร้างความมั่นใจด้านเศรษฐกิจและพร้อมสนับสนุน วันศุกร์ดาวโจนส์ +60 จุด คาดได้รับผลดีคลายล็อคดาวน์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น สต็อกคงคลังลดลง ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น เช้านี้น้ำมันฟิวเจอร์สปรับขึ้นดีด้วย ด้านไทยคลายล็อกดาวน์ระยะ 2 เปิดห้างฯและขยายเคอร์ฟิวส์ ด้านปัจจัยลบคือ ยังกังวลการค้าจีน-สหรัฐ หลังสหรัฐห้ามส่งชิ้นส่วนให้หัวเว่ย ตัวเลขค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังไม่สดใส และเช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix กลยุทธ์ระยะสั้นเข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1270-1300 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ ผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP, TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นเข้า MSCI คือ AWC,KTC,BAM ส่วนหุ้นออกเคือ BANPU มีผล 29 พ.ค.63 สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTWSET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้างตั้งแต่ 17 พ.ค. เช่น CPN, CPNREIT, CRC, COM7, HMPRO,DOHOME,GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรม เพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย มีแต่การบินในประเทศ หุ้นที่จะปรับตัวลงแรงในวันนี้คือ NOBLE เพราะ XD ปันผลถึง 2.20 บาท ตามทฤษฎีต้องปรับลงเหลือ 11.80 บาท จากราคาปิดวันศุกร์ แนวรับคือ 1250 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1280-1300 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1280 จุด สัปดาห์นี้ติดตามไทยประกาศ GDP 1Q63 และกนง.มีประชุม
# Stock Pick Today : TOP แนวโน้ม 2Q63F คาดว่าค่ากลั่นจะดีขึ้น QoQ เพราะได้ประโยชน์จากส่วนลดราคาน้ำมันดิบ และเพิ่มการซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางที่มีส่วนลดราคาสูงมากขึ้นเป็น 65-70% (จาก 50% ในช่วงก่อนหน้า) และขยับไปกลั่นน้ำมัน GO มากขึ้น คาดว่าการที่ราคาน้ำมันดิบและมีการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown จะมีการเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้ให้ราคาพื้นฐาน 41.00 บาท แต่แนะนำเก็งกำไร แนวต้านถัดไปคือ 45-50 บาท ตามลำดับการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆต่อ ให้น้ำหนักกับการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเป็นลบเล็กๆต่อ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1290 (หรือ 1300) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1280”(แนวรับย่อย “1250 / 1230, 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : AOT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 63.00)
CK (ถือ -ราคาพื้นฐาน 16.60)
HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.50)
STEC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 15.00)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.80)
Flash Note : CHG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.80)
MEGA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.00)
SAWAD (ถือ -ราคาพื้นฐาน 57.00)
SEAFCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.61)
VNG (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.45)
WHA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.20)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นดี รับ "พาวเวล" ให้คำมั่นหนุนศก.สหรัฐรอดพ้นวิกฤตโควิด-19
# ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้านี้ ขานรับการแสดงความเห็นด้านบวกของนายเจอโรม พาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด พร้อมกับให้คำมั่นว่า เฟดจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็น และไม่ละความพยายามในการพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
+ สหรัฐ: ได้รับผลดีจากมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์
# ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนนี้
-สหรัฐ: กังวลความขัดแย้งด้านการค้าสหรัฐ-จีนเพิ่มขึ้น
# นักลงทุนกังวลกับการที่รัฐบาลสหรัฐดำเนินการสกัดกั้นการส่งออกชิปทั่วโลกให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน ซึ่งเพิ่มความวิตกว่า จีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ โดยจีนระบุว่าจะขึ้นบัญชีดำบริษัทของสหรัฐว่าเป็นบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ
-สหรัฐ: ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย.
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 12.3%หลังจากลดลง 8.3% ในเดือนมี.ค.
-/+ สหรัฐ: การผลิตภาคอุตสาหกรรม แต่ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นและสต็อกสินค้าคงคลังลดลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐดิ่งลง 11.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวเมื่อ 101 ปีก่อน หลังจากร่วงลง 5.4% ในเดือนมี.ค.
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนก.พ.
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 73.7 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 71.8 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 65.0
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 60.08 จุด ขานรับความหวังกิจกรรมเศรษฐกิจกระเตื้อง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนนี้ แต่ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความตีงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดด้วย
+ น้ำมัน : WTI เพิ่มขึ้น 1.87 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปรับลดการผลิต คลายล็อคดาวน์ ต้องการน้ำมันมากขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา, การผลิตที่ลดลงในสหรัฐ และการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
- • ทองคำ: เพิ่มขึ้น 15.4 ดอลลาร์ หรือ 0.88% เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- สัปดาห์นี้ติดตามการประกาศ GDP 1Q63 จากสภาพัฒน์และการประชุม กนง.
# สัปดาห์นี้ต้องติดตามปัจจัยในประเทศที่สำคัญจากสภาพัฒน์ คือ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 1/63 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 63-64 และกนง.ประชุมวันที่ 20 พ.ค.63 ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ ต้องติดตามว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งหรือไม่ แต่ทางฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าจะมีโอกาสสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
+ ศบค.เผยวานนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
# ศบค.เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 รายทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 3,028 ราย ผู้ป่วยรักษาหายและกลับบ้านได้เพิ่มขึ้น 1 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,856 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 116 ราย ขณะที่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 56 ราย
+ วันศุกร์มีการพิจารณาการผ่อนปรนมาตรการคลายล็อกกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ในระยะที่ 2
# ศบค.ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 น.ถึง 04.00 น.พร้อมผ่อนคลายหลายมาตรการ จากเดิม 22.00-04.00 น.และไฟเขียวเปิดห้างสรรพสินค้า 10.00 น.-20.00 น.ตั้งแต่วันอาทิตย์ 17 พ.ค.63 นี้แต่เบรกเปิดเมืองภูเก็ตออกไป 1 สัปดาห์รอดูสถานการณ์ให้รอบคอบ (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวก ในแง่เศรษฐกิจที่จะผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังต้องระวังผู้ติดเชื้อเพิ่ม ส่วนหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดห้างฯ ได้มีการเก็งกำไรล่วงหน้าไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ในแง่พื้นฐานก็จะทยอยดีขึ้น
+ ธ.ก.ส. เริ่มทยอยโอนเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรกลุ่มแรก จำนวน 6.77 ล้านราย
# ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เริ่มทยอยโอนเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจ่ายเดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค. – ก.ค. 63) ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือในกลุ่มแรก จำนวน 6.77 ล้านราย ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป วันละประมาณ 1 ล้านรายคาดจะดำเนินการกลุ่มแรกแล้วเสร็จภายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2563
+ ROJNA: ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 4Q62 เพิ่มเติมอีก 0.20 บาท
# ผลกระทบ: ถือว่าอัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 4.95% แม้ 1Q63 ขาดทุนสุทธิมากถึง 808 ล้านบาท แต่เป็นสำรองจากพอร์ตเทรดดิ้งที่มี GULF และกองรีทส์สิงคโปร์หากไม่นับรายการนี้กำไรปกติจากการดำเนินงานเป็น 388ล้านบาทโต 178% y-o-y
#คำแนะนำ: ช่วงสั้น ราคาหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวดีขึ้นรับข่าวปันผลสูง ทางพื้นฐานแนะนำ ถือ กำลังอยู่ในช่วงปรับประมาณการ และ review ราคาพื้นฐาน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web