- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 May 2020 11:29
- Hits: 3531
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-5-2020
Daily Focus AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ1,270-1,290 จุด โดยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาด แต่ได้ปัจจัยหนุนจากการผ่านความเห็นชอบจากสภาล่างอนุมัติวงเงินเยียวยา 3 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่ในประเทศติดตามรายงานตัวเลข GDP 1Q63 จากสภาพัฒน์วันนี้
Market Factor
- • (-) ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ประกาศออกมาที่ระดับหดตัว 16.4% มากกว่าที่ตลาดคาดหดตัว 12% ซึ่งการบริโภคในสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวและสัดส่วนการบริโภคคิดเป็นสัดส่วน 70% ของ GDP สหรัฐฯ นอกจากนี้ตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ประกาศออกมาที่ระดับหดตัว 11.2% ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่บันทึกข้อมูล
(+) ตลาดคาดหวังมาตรการกระตุ้นรอบ 2 ของสหรัฐฯ หลังสภาล่างสหรัฐฯมีมติ 208 ต่อ 199 เสียงผ่านร่างกฏหมาย Heroes Act ซึ่งมีวงเงินช่วยเหลือ 3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่อย่างไรก็ดีต้องรอมติจากสภาบนเพื่ออนุมัติบังคับใช้ต่อไป
- • (+) ตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. ของจีนประกาศออกมาที่ระดับขยายตัว 3.9% พลิกฟื้นจากหดตัว 13.5% และ 1.1% ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. ตามลำดับ แสดงถึงภาคการผลิตของจีนที่พลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
(watch)จับตาประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังทรัมป์ขู่ตัดความสัมพันธ์กับจีน จากจีนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติไวรัส COVID-19 ระบาด คาดจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้
- • (+) ศบค. เดินหน้าผ่อนปรนมาตรการระยะ 2 ลดเวลาเคอร์ฟิว เปิดศูนย์การค้าและกิจการในกลุ่มสีเขียวเพิ่มเติมวานนี้ (บีบีซี ไทย)
(-) กพท.ออกประกาศขยายเวลาห้ามเครื่องบินต่างชาติไทย ออกไปอีก 1 เดือนจากเดิมจะสิ้นสุดเดือนพ.ค.นี้ ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. (โพสต์ทูเดย์)
- • (watch) ติดตามรายงานตัวเลข GDP ช่วง 1Q63 จากสภาพัฒน์เช้านี้
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 17 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,028 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.80% (-3.6%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.16% (UnChg. DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.64% (4.2% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 69.6 บ. หรือลดลง 31.6%YTD
- • Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 2,651.02 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 22,128.0 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันขายสุทธิ 1,249.35 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 2,780.6 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway กรอบการเคลื่อนไหว 1,250- 1,300 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจาก 1) การออกมาตรการช่วยเหลือหลังสภาล่างสหรัฐอนุมัติวงเงิน 3 ล้านล้านเหรียญ 2) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลง บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง 3) รัฐออกมาตรการผ่อนคลายเฟสสอง หนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะศูนย์การค้ากลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อท่าทีของโดนัล ทรัมป์ต่อประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ไทยช่วง 1Q63 และการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 63 นอกจากนี้ติดตามการทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทฯจดทะเบียนหลังสิ้นสุดรายงานผลประกอบการช่วง 1Q63 คาดกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (รายงาน1Q63 กำไร 94.41ลบ +11%QoQ และ -21.4YoY ) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการ1Q63 กำไร 70.4 ลบ -15.3%QoQ และ-12%YoY จากรายได้ที่ลดลง 16.3%QoQ และ 12.7%YoY เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ทำให้ช่องทางขายหน้าร้านที่เป็นช่องทางขายหลักถูกปิดไปในช่วง 22/3/63 ตามคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของภาครัฐ อย่างไรก็ดียอดขายในส่วน NSR 99.8 ลบ +9%YoY ทำให้สัดส่วนขึ้นมาเป็น 15% ของยอดขายรวม รวมถึงช่องทางขาย Export +31.3%YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 52.9% จากการผลิตที่น้อยลง และการชะลอนำเข้าสินค้าจากจีน และ SG&A/Sales ลดลง 10%YoY จากการควบคุมต้นทุนภายในที่ทำได้รวดเร็วหลังเกิดสถานการณ์ COVID แนวโน้ม 2Q63มีโอกาสอ่อนตัวต่อ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขายแบบ NSR เพื่อชดเชยการขายหลักที่ถูกปิดไปในช่วงเมษ-พค และคาดยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H63, SSP ช่วง 1Q63 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 161.2 ลบ. โต 24.3%YoY ผบห.คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมปจบ.กว่า 160 MW.พร้อมวางแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 400 MW.ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน 7-11 และ MAKRO โดยวานนี้CPALLแจ้งตลท ได้รับสิทธิ์ แฟรนไชส์หลัก 7-11 ในประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 30 ปี มองเป็นปัจจัยบวก สร้างการเติบโตในระยะกลาง โดยกัมพูชามีประชากรราว 17 ล้านคน ขณะที่ไทย 70ล้านคน มีสาขาประมาณ 17,000 สาขา โดยก่อนน้านี้ MAKRO เข้าไปเปิดสาขาในกัมพูชามาแล้ว จะช่วยให้ 7-11 ได้ประโยชน์จากข้อมูลผู้บริโภคในประเทศกัมพูชา ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จาก BIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของ COVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63
15-May-20 Change (pts.) 14-May-20
SET Index 1,280.76 0.36 1,280.40
SET50 Index 854.57 -1.54 856.11
SET100 Index 1,875.19 -1.18 1,876.37
High 1,289.24 Gainers 611
Low 1,278.86 Unchanged 344
Value (Bt m) 50,659.85 Losers 710
Volume (*000) 12,891,276
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 18.4 15.0 15.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -18.5
EV/EBITDA (x) 12.1 10.6 9.7
FWD PBV (x) 1.4 1.4 1.3
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.6
ROE 7.0 7.9 8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 15-May-20 WTD MTD YTD
Institution (1,249.35) 5,325.13 2,780.59 52,528.67
Proprietary 494.19 (304.15) (688.99) (3,526.63)
Foreign (2,651.02) (13,193.64) (22,128.00) (184,458.78)
Individual 3,406.18 8,172.66 20,036.40 135,456.73
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web