- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 May 2020 18:51
- Hits: 2786
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-5-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Short-Term Trading//Wait to Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงพักฐานตามคาดโดยปิดลบ 14.15 จุด ณ สิ้นวัน โดยยังคงมีแรงขายออกมาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวรวมถึงการเกิด Sector/Stock Rotation สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นเกือบ 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีกเกือบ 2 พันลบ. (แต่ Long Index Futures 925 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้นหลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,270-1,300 จุด กลุ่มพลังงานคาดว่าจะหนุนตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหลัง EIA คาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบที่จะลดลงในช่วง 2H20 โดยรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนโดยยังต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 หรือไม่ภายหลังเริ่ม Reopen Economy ส่วนวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวโดยเฉพาะ GDP 1Q20 ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯและจีน ส่วนบ้านเรารอข้อสรุปมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 วันนี้และตัวเลข GDP 1Q20 วันจันทร์ เรายังมอง Valuation ของ SET ที่ PER 17.5 เท่ายังค่อนข้างแพง จึงยังแนะนำให้รอการพักฐานก่อนทยอยสะสมหุ้นรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นแนะนำ Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนี
กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นตามการแกว่งตัวของตลาด//ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP
หุ้นเด่นวันนี้: GUNKUL
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท
- ประกาศกำไรไปแล้วและดีกว่าคาด 9% กำไรปกติอยู่ที่ 339 ลบ. -35% Q-Q จากฐานสูง, +49% Y-Y ตามรายได้ขายไฟเพิ่มจากโครงการใหม่ที่ญี่ปุ่นและเวียดนาม
- แนวโน้มกำไร 2Q20 ดีขึ้น Q-Q ตามฤดูกาลเพราะเป็นช่วงแดดแรง หนุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ในไทย และรับรู้ผลการดำเนินงานจากโซลาร์เวียดนามเต็มไตรมาส
- ส่วน 2H20 จะเป็นฤดูกาลของโรงไฟฟ้าลม และธุรกิจ EPC ที่ปัจจุบันมี Backlog ถึง 7 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ตลอด 2 ปีข้างหน้า
- มี PE เพียง 11.5 เท่า PBV 2 เท่า และคาด Dividend yield 5% ต่อปี
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$1,195ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีไต้และไต้หวัน US$468ล้านและ US$700ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยไหลออกเช่นกันอีก US$61ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกแต่เบาบางลง โดยนักลงทุนยังชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 และการ Reopen Economy
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) AOT กำไรปกติ 2Q20 (ม.ค.-มี.ค.) หดตัวใกล้เคียงคาด -51% Q-Q, -53% Y-Y เหลือ 3.6 พันลบ. จากการ lockdown และบริษัทมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการใน 6 สนามบินที่ AOT ดูแล กำไร 1H20 อยู่ที่ 1.1 หมื่นลบ. -22% Y-Y คาดกำไรทั้งปี 8.4 พันลบ. -66% Y-Y คงเป้า 62 บาท แนะนำเพียงถือ ผลประกอบการยังไม่ผ่านจุดต่ำสุด
(+) GULF ขาดทุนสุทธิ 413 ลบ.จาก FX loss แต่กำไรปกติดีกว่าคาด 14% อยู่ที่ 925 ลบ. +38% Q-Q, +8% Y-Y จากการรับรู้กำไรจากบ.ร่วมเพิ่มขึ้นตามจำนวนโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD กำไรปกติ 1Q20 เป็น 20% ของทั้งปีที่คาด +33% Y-Y และจะเร่งตัวมากขึ้นหลังจากปี 2021 ที่มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทยอย COD คงเป้า 38.50 บาท ซื้ออ่อนตัว
(-) BJC กำไรปกติน่าผิดหวัง 1.21 พันลบ. -51% Q-Q, -19% Y-Y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดจาก COVID-19 ที่กระทบทั้ง BIGC (SSSG -5.3% Y-Y) ธุรกิจกระป๋อง และ Healthcare แนวโน้ม 2Q20 จะแย่กว่านี้เพราะ SSSG เม.ย. อาจติดลบกว่า -20% Y-Y อยู่ระหว่างปรับลดกำไรและเป้าหมายที่ให้ไว้ 46 บาท ชะลอการลงทุนไปก่อน
(-) ERW พลิกเป็นขาดทุน 103 ลบ. Rev Par ของโรงแรมในไทยไม่รวม Hop Inn -44% Y-Y แนวโน้ม 2Q20 จะทรุดหนักเพราะ ERW ปิดโรงแรมในไทยและฟิลิปปินส์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ เม.ย. เราคาดว่าช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสขาดทุน คาดทั้งปีขาดทุน 510 ลบ. คงเป้า 3.80 บาท ไม่จำเป็นต้องลงทุนในช่วงนี้
(+) STA กำไรปกติสูงถึง 984 ลบ. ดีกว่าเราและตลาดคาดมาก สูงสุดในรอบ 9 ปี โตทั้งธุรกิจยางธรรมชาติและถุงมือยางที่ขยายกำลังการผลิตมารองรับความต้องการถุงมือยางที่สูงขึ้นมากได้ทัน หนุนอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งสูงเป็น 14.1% แนวโน้มกำไร 2Q20 สดใสต่อโดยเฉพาะธุรกิจถุงมือยาง แต่ธุรกิจยางธรรมชาติอาจชะลอตาม demand และราคาขายที่ลดลงตามราคายางในตลาดโลก อยู่ระหว่างปรับเพิ่มกำไรและเป้าที่ให้ไว้ 15.-16 บาท แนะเก็งกำไรอย่างระมัดระวังเพราะราคาหุ้นขึ้นมาร้อนแรง
(+) ICHI กำไรสุทธิดีกว่าคาด 20% สูงสุดในรอบ 16 ไตรมาสที่ 159 ลบ. +71% Q-Q, +40% Y-Y เพราะลดค่าโฆษณาและโปรโมชั่น กำไร 2Q20 จะชะลอก่อนจะฟื้นใน 2H20 จากสินค้าใหม่ (PH Plus 8.5) และวัตถุดิบถูกลงตามราคาน้ำมันดิบ คงเป้า 6.80 บาท แนะนำซื้อ
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 377.37 จุด ปิดที่ 23,625.34 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.981 ล้านรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 2.5 ล้านราย
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการปรับลงของกลุ่มธนาคารของยูโรโซน หลังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจขาลงท่ามกลางผลกระทบโควิด-19
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตามทิศทางของตลาดดาวโจนส์ ขณะที่นักลงทุนติดตามจีนรายงานตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ในเช้าวันนี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 9% ปิดที่ 27.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางนักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล รวมถึงแรงหนุนหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงราว 5.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 24.50 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 1,740.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1104.72 / +12.58
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 พ.ค. - จีน: Industrial Production, ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
- ฮ่องกง: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -8.9% Y-Y)
- ยูโรโซน: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -3.8% Y-Y)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
18 พ.ค. - ไทย: 1Q20 GDP
- ญี่ปุ่น: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -4.6% Q Annualized)
19 พ.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- สิงคโปร์: 1Q20 GDP
Contact person :
Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web