- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 May 2020 12:31
- Hits: 3465
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-5-2020
“พาวเวลเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงขาลง-ติดตามงบ1Q63”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SPF (จาก Fully Valued เป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับลง กังวลผู้ติดเชื้อเพิ่ม หลังคลายล็อคดาวน์ ปิด -5.14 จุด ที่ 1294.55 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 62 พันลบ. ตลาดไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค มีแรงขายหุ้น MSCI เช่น CPALLที่ถูกลดน้ำหนัก และกำไร 1Q63 ต่ำกว่าคาด เช่นเดียวกับ GULF ที่ถูกลดน้ำหนัก ขณะที่ KCE มีแรงขายมากช่วงบ่าย หลังบริษัทคาดยอดขาย 2Q หดตัวมาก ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นอีกเป็น 180 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นระวังแรงขายทำกำไร ประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยง ติดตามกำไร 1Q63 บจ. ปัจจัยลบคือ เฟดเตือนผลกระทบโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงช่วงขาลง นายเดวิดออกมาให้ความเห็นตลาดหุ้นสหรัฐแพงมากในขณะนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เม.ย. -1.8% ดาวโจนส์ -517 จุด ราคาน้ำมันวานนี้ปรับลง กังวลอุปสงค์น้อย กลับเข้าหาทองคำ และเช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ วานนี้ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มและไม่มีผู้เสียชีวิต เก็งกำไรหุ้นนำเข้าและเพิ่มน้ำหนัก MSCI และเช้านี้ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้นเล็กน้อย กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1285-1310 จุด
ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHGปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPFขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นเข้า MSCI คือ AWC,KTC,BAM ส่วนหุ้นออกเคือ BANPU มีผล 29 พ.ค.63 สำหรับหุ้นเข้าSET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้าง 17 พ.ค. (ทราบผล 15 พ.ค.) เช่นCPN,CPNREIT,CRC,COM7,HMPRO,DOHOME,GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรม เพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย มีแต่การบินในประเทศ ระวังหุ้นสื่อทีวีดิจิตัล BEC ขาดทุนหนัก แนวรับคือ 1250 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1300-1310 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1285 จุด
# Stock Pick Today : SRICHA กำไร 1Q63 กลับมาฟื้นตัวดี เป็น 15 ล้านบาท เทียบ y-o-y ขาดทุน 26 ล้านบาท เพราะรายได้ก่อสร้างเพิ่ม 213% เป็น 169 ล้านบาท สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหาร/รายได้เพียง 16.6% และอัตราภาษีเงินได้ต่ำ 7.8% ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิที่ 2.56 บาทต่อหุ้นแฝงในราคาหุ้นล่าสุดได้งานรับเหมาช่วงจากบ.ย่อยถึง 1.03 พันล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีเศษ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หากใช้ P/BV ที่ 1.5 เท่า ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 7.30 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น..
.ภาพบวกน้อยลง ให้น้ำหนักกับการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators แม้“ลบ”ไม่ชัด แต่ความเป็น“บวก”ก็น้อยลง {“ปิดลบ”เหนือ“SMA10วัน” (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มี“SMA10” หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1300 (หรือ 1310 – 1320) จุด{แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1285” (แนวรับย่อย “1250 / 1230, 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มพาณิชย์ (ศูนย์การค้า) : ผู้ประกอบการมองว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
Special Issue: ทองคำแกว่งตัวในกรอบรอการเบรคที่สำคัญ
Company Guide : CPF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 38.00)
SPF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.00)
Flash Note : BDMS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
BGRIM (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 58.00)
HANA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 25.75)
HUMAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.10)
OSP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 48.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: พาวเวลเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง ผลจากโควิด-19
# นายพาวเวลกล่าวในการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (PIIE) เมื่อวานนี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง ไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เกิดสถานการณ์ที่แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐเคยเผชิญในอดีตและสภาคองเกรสควรจะมีบทบาทมากขึ้นในการรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวมากกว่าเฟด ด้วยการใช้มาตรการทางภาษีและการใช้จ่ายของรัฐ
-สหรัฐ: ตลาดถูกกดดันจากนายเดวิด เทปเปอร์ที่กล่าวว่า ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมาก
# ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเดวิด เทปเปอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมากเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งเป็นรองเพียงในปี 1999 โดยตลาดมีมูลค่าสูงมาก ขณะที่เฟดได้อัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าตลาด" ทั้งนี้ ค่า Forward P/E ratio อิงตามการประเมินสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นเหนือระดับ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002
-สหรัฐ: ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดิ่งลง 1.3% ในเดือนเม.ย. สหรัฐอาจจะเผชิญภาวะเงินฝืดในช่วงสั้นๆ
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดิ่งลง 1.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง0.2% ในเดือนมี.ค. โดยการร่วงลงของดัชนี PPI ในเดือนเม.ย. ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินฝืดในช่วงสั้นๆ ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบอุปสงค์
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 516.81 จุด หลัง"พาวเวล"เตือนศก.สหรัฐเสี่ยงเผชิญขาลง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงในช่วงขาลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความตื่นตระหนก หลังจากนายเดวิด เทปเปอร์ มหาเศรษฐีพันล้านซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
- น้ำมัน : WTI ปิดลบ 49 เซนต์ วิตกเศรษฐกิจ-ดีมานด์น้ำมันชะลอตัว
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงในช่วงขาลง โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- • ทองคำ: ปิดบวก $9.60 ถ้อยแถลง"พาวเวล"หนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง
- • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก,การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
# ศบค. เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ หรือเป็น 0 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมคงที่ 3,017 ราย ขณะที่มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 46 ราย ทำให้มีจำนวนผู้รักษาหายแล้วรวมทั้งสิ้น 2,844 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ 117 ราย นอกจากนี้ ในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่อยู่ที่ 56 ราย
+ โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไป คาดว่าปี 63 ค้าปลีกผ่าน e-commerce โต 19%
# ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ระบุว่า เหตุระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคมาสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น โดยประเมินว่ามูลค่าที่แท้จริงของการใช้จ่ายในหมวดค้าส่งค้าปลีกผ่านช่องทาง e-commerce ในปี 2563 จะเติบโตที่ 19% มีส่วนช่วยลดทอนผลกระทบจากการปิดกิจการชั่วคราวซึ่งช่วยพยุงการบริโภคและเศรษฐกิจไทยในช่วงวิกฤตได้ระดับหนึ่ง
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ในกลุ่มอาหาร เช่น M, AU กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มโรงแรมที่มีธุรกิจอาหาร กระทั่งผู้ให้บริการสื่อสารก็จะได้ประโยชน์จากธุรกรรม e-commerce ที่จะเป็น new normal ต่อไป
+/• การส่งออกไปยังอาเซียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ส่วนใหญ่เป็นทองคำ
# อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19จะส่งผลกระทบกับการส่งออกทั่วโลก แต่การส่งออกของไทยไปอาเซียนในไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ยังคงขยายตัวถึง 4.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 มีมูลค่ารวม 16,280 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงถึง 251.1% ซึ่งมาจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภค ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
+/- MSCI : ประกาศแล้ว มีผล 29 พ.ค.63
# (-) ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงสู่ 2.36% จาก 2.39%
# (+) สำหรับ MSCI Thailand Index หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ ได้แก่ AWC, BAM, KTC (มีแรงขาย TOA เพราะไม่ถูกนำเข้าต่างจากที่คาดไว้)
# (-) ขณะที่หุ้นที่หลุดจากการคำนวณ คือ BANPU
# (+) หุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก ได้แก่ BTS, MTC, RATCH
# (-) ส่วนหุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนัก คือ GULF, CPALL, PTT, EA, SCC
# (-) สำหรับ MSCI Global Small Cap Index หุ้นที่หลุดจากการคำนวณ ได้แก่ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC,
ITD, LPN, PLAT, PSL, GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, UV, WORK
# (+) แต่ BANPU กลับมาถูกเข้ามาคำนวณใน MSCI Global Small Cap Index แทน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web