- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 May 2020 11:55
- Hits: 3849
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-5-2020
AECS Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index พักตัว จากปัจจัยกดดันหลังประธาน FED แถลงประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงทางลง และมีความไม่แน่นอน ขณะที่ในประเทศรายงานผลประกอบการช่วง 1Q63 ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ออกมาชะลอตัว ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,275-1,300 จุด
Market Factor
- • (-) แม้ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวล จะยังไม่มีนโยบายลดอัตราดอกเบี้นจนติดลบเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ได้ให้มุมมองเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนและยังคงมีความเสี่ยงในช่วงขาลง โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
- • (-) ตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 1 ช่วง 1Q63 อังกฤษประกาศออกมาพลิกติดลบ 1.6%YoY ครั้งแรกในรอบ 8 ปีและตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 1 ช่วง 1Q63 เยอรมันตลาดคาดพลิกติกลบ 1.6%YoY
- • (watch) จับตาตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบบสัปดาห์ของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ระดับ 2.5 ล้านราย แม้คาดจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงสูงกว่าระดับปกติที่ 2-3 แสนรายในภาวะปกติ
- • (watch) ติดตามรองนายกฯ สมคิด หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง, ธปท, สศช, กลต. และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจในปี 63 ใหม่ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 (ฐานเศรษฐกิจ)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 13 พ.ค. ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,017 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.82% (-3.5%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.13% (-0.9% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.64% (-3.4% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 70.9 บ. หรือลดลง 30.4%YTD
- • Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิ 4,028.97 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 17,529.18 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 478.93 ลบ.ส่งผล MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 4,985.86 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway กรอบการเคลื่อนไหว 1,240- 1,300 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจาก
1) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างประกาศออกมาลดลงน้อยกว่าคาดการณ์
2) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มคลี่คลายทั้งด้านอุปสงค์จากการกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมเศรษฐกิจหลังมาตรการผ่อน Lockdown และด้านอุปทานหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลง บวกกับรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง 3) ไทยตรียม Reopen เฟสสอง 17 พ.ค.นี้ ผ่อนคลายให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการครอบคลุมกลุ่มธุรกิจกว้างขึ้น อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิดประเด็นความสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง นอกจากแนะนำติดตามการรายงานผลประการบริษัทจดทะเบียนฯ ไทยช่วง 1Q63 ที่มีแนวโน้มอ่อนแอตามสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งจะกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (แม้กำไรสุทธิ 1Q63 ทำได้ 24.6 ลบ.ชะลอตัว 3.4% YoY แต่ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 12.8X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 41.6X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.02X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 5.05%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น 11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.64 พัน ลบ. (-2%YoY, -8%QoQ) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ลูกค้าลดลง และมาตรฐาน บช.ใหม่เรื่องสัญญาเช่ามีต้นทุนเพิ่ม 308 ลบ. อย่างไรก็ดีรายได้รวมยังโต 5%YoY จากการเปิดสาขาใหม่ และรายได้ Banking agent ที่เติบโต รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ MAKRO ที่ได้ประโยชน์จากช่วง COVID-19 ทั้งนี้การกลับมาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐจะช่วยให้ 2H63 กำลังซื้อจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งการเข้าซื้อTESCO LOTUS ในระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่จะเกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน 7-11 และ MAKRO โดยวานนี้CPALLแจ้งตลท ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์หลัก7-11ในประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา30ปี มองเป็นปัจจัยบวก สร้างการเติบโตในระยะกลาง โดยกัมพูชามีประชากรราว 17 ล้านคน ขณะที่ไทย 70ล้านคน มีสาขาประมาณ 17,000 สาขา โดยก่อนน้านี้ MAKRO เข้าไปเปิดสาขาในกัมพูชามาแล้ว จะช่วยให้ 7-11 ได้ประโยชน์จากข้อมูลผู้บริโภคในประเทศกัมพูชา ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จาก BIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของ COVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่มผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน : แนะนำเก็งกำไร SUSCO, PTG ด้วยสองปัจจัยหนุน 1) ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจกันมากขึ้นหนุนอุปสงค์การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 2) อุปทานที่ลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวขึ้นตอบรับการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ Russia เริ่มลดกำลังผลิตแล้วในเดือน พ.ค.นี้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดทุนสต็อกน้ำมันในช่วง 2Q63
13-May-20 Change (pts.) 12-May-20
SET Index 1,294.55 -5.14 1,299.69
SET50 Index 867.36 -5.24 872.60
SET100 Index 1,900.80 -10.26 1,911.06
High 1,303.28 Gainers 485
Low 1,290.47 Unchanged 385
Value (Bt m) 62,241.08 Losers 738
Volume (*000) 14,318,873
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 18.3 15.0 15.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -18.4
EV/EBITDA (x) 11.9 10.5 9.6
FWD PBV (x) 1.4 1.4 1.3
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 7.1 8.0 8.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 13-May-20 WTD MTD YTD
Institution 478.93 7,530.39 4,985.85 54,733.93
Proprietary 204.16 (538.75) (923.59) (3,761.22)
Foreign (4,028.97) (8,594.82) (17,529.18) (179,859.96)
Individual 3,345.88 1,603.18 13,466.92 128,887.25
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web