- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 May 2020 15:31
- Hits: 1780
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-5-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ปรับตัวขึ้น ตอบรับความคาดหวังเชิงบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่จะค่อยๆฟื้นตัวหลังจากการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,287.30 (21.28 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 4.4 หมื่นล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 1,361 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 4,055 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 592 สัญญา)
CPN (ราคาเป้าหมาย 66.0 บาท) โอกาสปลด Lockdown ระยะสอง หนุนการกลับมาเปิดห้างอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานค่อยๆฟื้นตัว ด้านสภาพคล่อง CPN ยังมีไม่มีปัญหา สามารถจ่ายคืนหนี้ได้ตามกำหนด อีกทั้งยังมีวงเงินกู้กับธนาคาร คาดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.5 เท่า
ซาอุฯ อาสาปรับลดกำลังการผลิตอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน : ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมายังคงมีแรงเก็งกำไรขานรับการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown โดยสำหรับไทย คงต้องจับตาตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ว่าภายในสัปดาห์นี้จะเร่งตัวขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเกณฑ์หลักในการปลดล็อก ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา หนุนการเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มห้างฯ หรือร้านค้าภายในห้างฯ แต่อย่างไรก็ดีจุดสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงถัดไปคือ หลังการผ่อนมาตรการ ตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยจะเร่งกลับขึ้นมาอย่างเช่นประเทศอื่นๆ (เกาหลีใต้, เยอรมนี) ที่มีการปลดล็อกหรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็อาจต้องระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ส่วนทางด้านตลาดน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้แกว่งค่อนข้างผันผวน โดยปัจจัยหนุนใหม่ทางด้านอุปทาน คือ การอาสาปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมของซาอุดิอาระเบียอีกราว 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งหากรวมกับข้อตกลงในการประชุม OPEC+ รอบที่ผ่านมา ที่ซาอุฯ จะลดกำลังการผลิต ราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตในเดือนมิถุนายนของซาอุฯ จะเหลือเพียง 7.492 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น แม้ว่าการอาสาของซาอุฯ จะยังไม่เพียงพอต่อการชดเชยความต้องการน้ำมันดิบโลกที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ก็ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเสถียรภาพน้ำมันดิบในระดับหนึ่ง และอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศในกลุ่ม OPEC รายอื่นๆ ได้ตัดสินใจอาสาเพิ่มเติมได้เช่นกันในช่วงถัดไป โดยเช้านี้ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่บริเวณ 24.4 เหรียญ (+1.1%) และราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ 29.9 เหรียญ (+1%)
Investment Strategy :
วันนี้คาด SET แกว่ง sideway ประเมิน แนวรับ 1,270 ต้าน 1,300 จุด แนะเก็งกำไรโดยใช้สัดส่วน 20% ของพอร์ท แนะนำ “CPN, SINGER, PTTEP, CHG”
SET Index :
สะสมพลัง เพื่อทดสอบกรอบบน 1300วานนี้เกิดแท่งเทียนยืนยันการกลับตัวตามที่ต้องการ พร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ในระยะสั้น หาก SET รั้งตัวให้ไม่หลุดแนว 1277 ได้ เชื่อว่าจะทำให้ภาพสัปดาห์นี้คาดจะอยู่ในเชิงบวกต่อไป ปัจจุบัน SET กำลังเคลื่อนในกรอบ 1260-1300 เรามองว่า SET กำลังเคลื่อนที่ sideway เพื่อเตรียมทดสอบกรอบบน
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ตราบที่ยังยืน 1277 ได้ ถือหุ้นต่อไป โดยระดับ RSI ยังอยู่ที่ 57.8 ยังไม่เข้าสู่ overbought
ไม่มีหุ้น : ใช้จังหวะย่อระหว่างวันไม่หลุด 1284 เข้าซื้อเล่นสั้นได้
BEM ลั่นคว้าส้มตะวันตก มีประสบการณ์ต้นทุนต่ำ (ทันหุ้น)
ความเห็น : นี่คือ S-curve อีกชิ้นของ BEM หลังจากได้ต่อ S-curve ยาวออกไปจากการได้ต่อสัมปทานทางด่วนไปแล้วก่อนหน้า ซึ่งเรามองว่า BEM มีโอกาสสูงเนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่าเพราะสามารถใช้ depot ร่วมกับสายสีน้ำเงินได้อีกด้วย คงคำแนะนำ ซื้อ 13.30 บาท
Asset World Corp (AWC TB)
สถานการณ์ยังคงลำบาก ลดคาดการณ์กำไรหลัก คงคำแนะนำ ถือ
ภายหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ เราได้ปรับลดคาดการณ์กำไรและคาดว่า AWC จะบันทึกขาดทุนในปีนี้หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 เรายังได้เพิ่มอัตราคิดลด WACC เป็น 7.2% จาก 7.0% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านตลาดที่สูงขึ้น และได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5.40 บาท คงคำแนะนำ ถือ เนื่องจากมูลค่าหุ้นปัจจุบันถือว่าแพง ในขณะที่ธุรกิจหลักจะได้รับผลกระทบอย่างน้อย 2 ปี
ผลประกอบการไตรมาส 2Q20 จะอ่อนแอกว่าไตรมาส 1Q20
AWC เริ่มเห็นผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 1Q20 ลดลง 51% YoY ขณะที่ RevPar ของธุรกิจโรงแรม (คิดเป็น 60% ของรายได้รวม) ลดลง 33-46% YoY ในแต่ละกลุ่มใน 1Q20 เราเชื่อว่าสถานการณ์จะแย่ลงในไตรมาส 2Q20 เนื่องจากโรงแรมส่วนใหญ่ปิดทำการชั่วคราว ส่วนธุรกิจค้าปลีก (คิดเป็น 18% ของรายได้ทั้งหมด) ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากอัตราค่าเช่าลดลง 8-28% YoY ในไตรมาส 1Q20 หลังจากให้ส่วนลดค่าเช่า 50% โดยหลังจากการปิดเมือง AWC ได้ยกเว้นค่าเช่าสำหรับผู้เช่าที่ต้องปิดร้านค้า ขณะที่ในแง่บวกรายได้จากทรัพย์สินสำนักงาน (คิดเป็น 22% ของรายได้ทั้งหมด) ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์และรายได้ลดลงเพียง 1% YoY
คาดว่าจะขาดทุนในปี 2563
เราปรับลดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2563 เป็น 15 ล้านราย และคาดว่า AWC จะรายงานผลขาดทุนหลักที่ 429 ล้านบาทในปี 2563 เรายังลดคาดการณ์กำไรหลักลง 14-20% ในปี 2563-64 ทั้งนี้ AWC จะพยายามกระตุ้นนักท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยการโปรโมตแพ็คเกจโรงแรม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฐานรายได้ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีขนาดค่อนข้างเล็กและคิดเป็นสัดส่วน 4% ของรายได้จากโรงแรม ดังนั้น เราเชื่อว่ารายได้จะถูกกดดันอย่างต่อเนื่องจนกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับสู่ระดับปกติ ในแง่บวก AWC มีงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วน D / E เพียง 0.7 เท่าซึ่งต่ำกว่าพันธะหนี้ที่ 2.0 เท่า ดังนั้น AWC สามารถเบิกเงินกู้เพื่อรองรับสภาพคล่องในปีนี้ได้
ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ราคาหุ้นถือว่าแพง
เราชอบ AWC ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและอาจเห็นโอกาสในการควบรวมกิจการ เนื่องจากราคาสินทรัพย์ลดลงในช่วงการระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ ถือ เนื่องจากราคาหุ้นถือว่าแพง โดย AWC ซื้อขายที่ P/E ปี 64 ที่ 83 เท่า ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนรอให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 2Q20 ที่คาดว่าผลประกอบการอ่อนแอ เราแนะนำจุดที่น่าเข้าสะสมหุ้นที่ราคา 4.5 บาท ซึ่งสะท้อน P/E ปี 66 ที่ 34 เท่า เป็นระดับที่น่าสนใจที่จะเข้าลุ้นการเติบโตกำไรระดับ 40% CAGR ในช่วงปี 2562-66
Singer Thailand (SINGER)
กำไรดีกว่าคาดมาก….สิ่งที่ทำเริ่มเห็นผล
Results Review
ประเด็นการลงทุน
SINGER สามารถทำกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ JMART เข้ามาบริหารตั้งแต่ปี 2558 สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์ทั้งการเพิ่มหนักงานขายแบบปูพรมทั่วประเทศซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่เติบโตได้ตามแผนแบบไตรมาส-ไตรมาส ควบคู่ไปกับการคุม NPL ให้ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน จะเห็นได้ว่า TFRS 9 ไม่ได้ส่งผลลบอย่างที่ตลาดกังวล แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.40 บาท
กำไรงวด 1Q63 ออกมาดีกว่าคาดจากทุกธุรกิจ
รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q63 เท่ากับ 87 ลบ. +110%QoQ,+117%YoY ดีกว่าที่เราประเมินไว้มากที่ 45-50 ลบ./ไตรมาส พัฒนาการบวกมาจากทั้ง i) ธุรกิจเช่าซื้อ (HP) มีรายได้การขาย 515 ลบ. +23%QoQ,+55% จากสินค้าตู้กดน้ำมัน,เครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้า และจำนวนพนักงานขาย (Active) ที่เพิ่มจาก 1,000 เป็น 1,300 คน และยังรักษา GPM ในระดับสูงไว้ได้ที่ 44% ii) สินเชื่อ C4C พอร์ตเพิ่มขึ้น +280 ลบ. +18%QoQ เป็น 1.8 พันลบ. เติบโตด้วยอัตราเร่ง NPL โดยรวมลดลงมาที่ 8.1% -130bps vsQoQ ลดลงทั้งธุรกิจ HP และ C4C จากการคุมคุณภาพลูกหนี้ ทำให้การตั้งสำรองยังทรงตัว QoQ แม้เริ่มใช้ TFRS 9
2Q63 อาจจะไม่ใช่ไตรมาสที่แย่ที่สุดเหมือนธุรกิจอื่น
โมเมนตัมการขายคาดจะยังดีต่อเนื่องใน 2Q63 ซึ่งมักจะเป็น high season โดยเฉพาะสินค้าหมวดทำความเย็น (เครื่องปรับอากาศ-ตู้แช่) คิดเป็นราว 40% ของรายได้รวม ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาบางวันมีอุณหภูมิร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส ขณะที่หลายธุรกิจถูกหยุดช่วง Lockdown แต่พนักงานขาย SINGER ยังทำงานได้ เช่นเดียวกับธุรกิจ C4C ที่สัดส่วนขยับขึ้นมาเป็น 49% ของสินเชื่อทั้งหมด ยังปล่อยต่อเนื่องให้ได้ตามเป้าที่ 3,000 ลบ. +50%YoY สิ้นปี 2564 ขณะที่คุณภาพลูกหนี้อาจเห็นผลกระทบบ้างที่ทำให้ NPL เร่งตัวเทียบ QoQ เช่นเดียวกับการตั้งสำรองที่ยังอยู่ในประมาณการของเรา เบื้องต้นคาดกำไรกรอบ 70-80 ลบ.
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.40 บาท
กำไรสุทธิ 1Q63 คิดเป็น 40% ของประมาณการที่ 216 ลบ. +30%YoY ซึ่งมีโอกาสดีกว่าที่คาด หากการขยายสินเชื่อ C4Cและยอดขายสินค้า SINGER ยังรักษาเติบโตได้ในช่วงที่เหลือของปี เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 10.40 บาท อิง P/E 25x หรือเทียบเท่า 3-Yr Historical P/BV +0.5SD = 1.9X ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชีเพียง P/BV = 1X (BV’63F = 6.30 บาท/หุ้น) ถูกกว่ามากหากเทียบกับ MTC-SAWAD ที่ปัจจุบันสูงเฉลี่ย 4-5X ความเสี่ยง คือ การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ . ความเสี่ยงด้านบัญชีลูกหนี้เช่าซื้อ , กฏเกณฑ์นโยบายของภาครัฐ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web