- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 May 2020 13:57
- Hits: 2421
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-5-2020
“กังวลผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซาอุลดกำลังการผลิตลงอีก”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ASIAN (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับขึ้น หลังรับรู้ข่าวลบไปมากแล้ว และเจรจาการค้าเป็นบวก ปิด +21.28 จุด ที่ 1287.30 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 57 พันลบ. ตลาดปรับขึ้นสอดคล้องกับภูมิภาค แม้ผลประกอบการ PTT ออกมาขาดทุนสุทธิ และต่ำกว่าที่คาดไว้แต่ตลาดฯก็ยังปรับขึ้นได้ เหมือนรับรู้ข่าวมาก่อนหน้าแล้ว และแนวโน้ม 2Q63 จะปรับตัวดีขึ้น ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงขึ้นอีกเป็น 173 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นมีโอกาสไซด์เวย์ กลับมากังวลติดเชื้อเพิ่มจากการคลายล็อคดาวน์ แต่น้ำมันดีขึ้น ปัจจัยบวกคือ การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐเข้าสู่เฟส 1 ด้านน้ำมันมีข่าวบวก ซาอุฯลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลล์ นักลงทุนขายทองคำเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ดัชนีความกังวลลดลงเป็น27.6 จุด ด้านไทยยังควบคุมโควิด-19 ได้ดี ด้านปัจจัยลบคือ จำนวนผู้ติดเชื้อหลายประเทศเพิ่มหลังคลายล็อคดาวน์ ดาวโจนส์ปรับลง 109 จุด น้ำมันดิบวานนี้ปรับลง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้และดาวโจนส์ล่วงหน้าเป็นลบ ด้านไทยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยต่ำสุดในรอบ 2 ปี ยังต้องติดตามผู้เดินทางกลับไทยจะติดเชื้อเพิ่มไหม กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ
คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1250-1300 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive-ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ระยะนี้เก็งกำไรหุ้นเข้า MSCI คือ AWC,KTC,TOA ส่วนหุ้นออกเป็นลบคือBANPU สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB, RBF (ข่าวหุ้น) และอาจมีการเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดห้าง 17 พ.ค. เช่นCPN,CPNREIT,CRC,COM7,HMPRO,DOHOME,GLOBAL แต่หุ้นที่ฟื้นตัวช้าจะเป็นสายการบิน โรงแรม เพราะยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในไทย มีแต่การบินในประเทศ แนวรับคือ 1240 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1300-1310 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1275 จุด
# Stock Pick Today :
BGRIM หนึ่งในโรงไฟฟ้า SPP ชั้นนำของไทย สำหรับกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนของบริษัท (Equity MW) อยู่ที่ 2,455 MW คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q63F ว่าจะต่ำเพียง 98 ล้านบาท (-82%YoY, -76%QoQ) เพราะมีขาดทุน FX ก้อนใหญ่ ราว 587 ล้านบาท แต่กำไรหลักคาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งเป็น 1.2พันลบ. (+43%YoY และ +42%QoQ) เพราะมีการซื้อโรงไฟฟ้า SPP อ่างทอง คาดว่ากำไรโตเฉลี่ยปีละ 6-7% ข่วงปี 62-68 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 58 บาทการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพกลับเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ แต่ระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick& Indicators เปลี่ยนกลับมาเป็นบวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวกค่อนข้างแรง เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยติดแนวต้านสำคัญ และมี“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”กดดัน)}ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”ยังให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10” หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน1300 (หรือ 1310 – 1320) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1275” (แนวรับย่อย “1240 – 1230 / 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ASIAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.30)
Flash Note : DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.00)
MC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 8.50)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
RPH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.90)
PTT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-โควิด-19: จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศเพิ่มขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์
# จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน, เกาหลีใต้ และเยอรมนีได้ดีดตัวขึ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลประกาศคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ ทางด้านญี่ปุ่นอาจประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินในสัปดาห์นี้ ขณะที่นิวซีแลนด์อาจผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในวันพฤหัสบดี ส่วนอังกฤษได้เสนอแผนที่จะเปิดเศรษฐกิจแล้ว และร้านค้าในฝรั่งเศสได้กลับมาเปิดบริการในวันนี้
+ สหรัฐ: ตัวแทนเจรจาการค้าจีน สหรัฐ ตกลงร่วมมือกันในเฟสแรก
# นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนได้หารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรก ขณะที่จีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่จะปรับปรุงบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 109.33 จุด กังวลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม แต่ Nasdaq ปรับขึ้นดี
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลงเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ค.) มีจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศเพิ่มขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ ความวิตกดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นซึ่งจะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบิน ค้าปลีก เรือสำราญ และกาสิโน แต่มีแรงซื้อหุ้นไฮเท็ค หนุน Nasdaq
-/+ น้ำมัน : WTI อ่อนตัวลง กังวลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง แม้ซาอุลดการผลิตอีก
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.) ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 38 เซนต์ หรือ 1.54% สู่ระดับ24.36 ดอลลาร์/บาร์เรลนักลงทุนกังวลว่าการที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไปจะทำให้ไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดในรอบ 2
# แม้ว่าเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
- • ทองคำ: ตลาด Spot วานนี้ต่ำกว่า 1700 เหรียญต่อออนซ์ เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง และดอลลาร์แข็ง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก Spot ปิดปรับตัวลงเมื่อวันจันร์ (10 พ.ค.) เป็น 1,695.4 เหรียญต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวดีขึ้น และดอลลาร์กลับมาแข็งค่าบางส่วนจึงกลับไปเก็งกำไรดอลลาร์
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม จับตาผู้เดินทางกลับมาไทย และจีนติดเชื้อเพิ่ม
# การนำคนไทยที่ตกค้างจากต่างประเทศเดินทางกลับไทย 11 พ.ค.-อินเดีย 219 คน และญี่ปุ่น 71 คน 12 พ.ค.-รัสเซีย99 คน และอเมริกา 200 คน
# จีนรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอีก 14 ราย นับเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีจำนวนเลขสองหลักเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ10 วัน
- ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทย เม.ย.ลดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
# มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC Confidence Index) เดือนเม.ย.63 ซึ่งสำรวจจากความคิดเห็นของหอการค้าจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22-29 เม.ย.63 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 32.1 ลดลงต่อเนื่องจากเดือนมี.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 37.5 และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่14 โดยเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือน หรือกว่า 2 ปี ผลกระทบจากพิษโควิด ภาคใต้ดิ่งสุด แนะรัฐบาลเร่งคลายมาตรการล็อกดาวน์
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web