- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 October 2014 16:17
- Hits: 1974
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -173.45, NASDAQ -11.85, S&P -15.21, FTSE -181.04, CAC -148.53 และ DAX -253.26 โดยดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงแรง จากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา หลังพบพยาบายรายที่สองในรัสเท็กซัสติดเชื้ออีโบลา ในขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ตลาดสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากลดลงรุนแรงในช่วงระหว่างการซื้อขาย ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ลดลง 0.3% แย่กว่าคาด ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
......ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงแรง โดยเป็นการลดลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี จากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งฝั่งของยุโรปและสหรัฐฯ
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. -US$0.06 อยู่ที่ US$81.78 ต่อบาร์เรล หลังจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มโอเปกยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับลดปริมาณการผลิตลง
....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$10.5 อยู่ที่ US$1,244.8 ต่อออนซ์ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,200 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -8,975 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)
ทิศทางตลาด
ทิศทางตลาด : ยังได้รับแรงกดดันจากตลาดต่างประเทศ? ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลง ตามการลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยการเคลื่อนไหวคาดว่ายังคงมีความผันผวน ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จะกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยตลาดยังคงจับตาดู ECB ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบาย QE ออกมาอีกหรือไม่? ในขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าหากวงเงิน QE ของสหรัฐฯ หมดลงในเดือนตุลาคม จะไม่มีปัจจัยมากระตุ้นการลงทุนในตลาด ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสอีโบลา ซึ่งล่าสุดมีการระบาดเพิ่มขึ้นที่รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง โดยนักลงทุนยังคงจับตาการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีแนวโน้มชัดเจน
....ทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังคงรอดูแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการส่งออกยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ดังนั้นรัฐบาลจึงมุ่งเน้นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ในขณะที่คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นที่ผลการดำเนินงานในช่วง 3Q/57 อาจจะออกมาดี เริ่มโดยกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานในช่วง 3Q/57 ในสัปดาห์นี้
.....ประกอบกับการที่รัฐบาลและ คสช. ยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก และการแพร่กระจายของไวรัสอีโบลาและภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ซบเซามากกว่าคาด ส่งผลกระทบทำให้ฤดูท่องเที่ยวในช่วง 4Q/57 ที่เป็นไฮซีซั่นอาจเกิดภาวะซบเซา
.....นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
.....ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบทางลบต่อ PTTEP และหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, PTTGC, IRPC, BCP และ ESSO จะมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากในช่วง 3Q/57 และอาจต่อเนื่องไปถึง 4Q/57
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.12 อยู่ที่ 2.09% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +3.46 อยู่ที่ 26.25
หุ้นแนะนำ : SAMART
ประเด็นที่ต้องติดตาม (16-17 ตค.’57)
16/10/57 : 1) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
2) เฟดเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.ย.
3) สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ต.ค.
4) เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจดัชนีกิจกรรมการผลิตเดือน ต.ค.
17/10/57 : 1) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ก.ย. 2) สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือน ต.ค.
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789