- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 May 2020 15:11
- Hits: 2615
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-5-2020
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index อยู่ในโหมดพักตัวต่อ หลัง Sentiment ตลาดโดยรวมยังถูกกดันจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจช่วง 1Q63 ของทั้งสหรัฐฯ ประเทศโซนยุโรป รวมถึงไทยยังคงอ่อนแอ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในช่วง 2Q63 สะท้อนผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 นอกจากนี้ยังต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯไทย ช่วง 1Q63 ที่ทยอยประกาศต่อเนื่อง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,265-1,285 จุด
Market Factor
- • (-) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกาศออกมาไม่สดใส หลังการจ้างงานภาคเอกชน เดือน เม.ย. จากสถาบัน ADP ลดลง 20.2 ล้านตำแหน่ง จาก 1.49 แสนตำแหน่ง ในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545 อีกทั้งตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI เดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 41.8 จาก 52.5 ในเดือน มี.ค. ซึ่งหดตัวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว
- • (watch) ติดตามตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ตลาดคาดอยู่ที่ระดับ 3.00 ล้านรายจาก 3.89 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้า และตัวเลขอัตราการว่างงาน ประธานเฟด สาขาเซ็นต์หลุย คาดอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 20% จาก 4.4% ในเดือน มี.ค. อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะออกมาแย่ แต่อย่างไรก็ดีประธานเฟด สาขา เซนต์หลุยส์ คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วง 3Q63 จะมีการขยายตัวและคาดอัตราการว่างงานจะฟื้นตัวช่วง 4Q63
- • (watch) จับตากการประชุม BoE คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% หลังการประชุมในเดือน มี.ค. ได้ลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 15 bps และหากลดอัตราดอกเบี้ยอีกที่ระดับ 0% หรือติดลบจะไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มธนาคาร แต่คาดจะเพิ่มวงเงิน QE แทน
- • (-) สรท.เผยยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 63 ที่อาจหดตัว 8% ประเมินแนวโน้มส่งออก 2Q63 และ 3Q63 ยังเสี่ยงหดตัวเนื่อง ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (อินโฟเควสท์)
- • (-) อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยผลการขึ้นทะเบียนใช้สิทธิกรณีว่างงานออนไลน์ ยอดเดือน เม.ย.63 จำนวน 267,351 คน เพิ่มขึ้น 45.8%MoM รับผลกระทบจากการแพร่กระจายของ COVID-19 (ไทยพีบีเอส)
- • (-) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เผยข้อมูลสถานการณ์โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วง1Q63 มีจำนวน 68 โครงการ โดยมีจำนวน 15,932 หน่วย ลดลง 40.4%YoY และ 29.6%YoY ตามลำดับ ทั้งนี้แบ่งเป็นอาคารชุด 23 โครงการ 7,111 หน่วย ลดลง 42.9%YoY ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ที่ 45 โครงการ 8,821 หน่วย ลดลง 13%YOY ต่ำสุดนับแต่วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ปี 54 (ประชาชาติธุรกิจ)
- • (-) ธปท.เผย ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน เม.ย.63 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ที่ 42.6 มาอยู่ที่ 32.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เริ่มสำรวจ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ลดลงจากเดือนก่อนสู่ระดับ 37.8 ใกล้เคียงกับระดับต่ำที่สุดช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ที่ ระดับ 37.1 สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้ม ยืดเยื้อและรุนแรง โดยดัชนีฯ ลดลงทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต(การเงินธนาคาร)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 6 พ.ค..พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,989 ราย เสียชีวิตรวม 55 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.88% (-3.3%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.18% (-2.5% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.68%(7.8% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 73.1 บ. หรือลดลง 28.2%YTD
- • Update Flow เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 4,604.9 ลบ.ส่งผล 2QTD.ขายสุทธิอยู่ที่ 51,580.75 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 409.1 ลบ.ส่งผล 2QTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 24,083.7 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เราประเมิน SET มีโอกาสปรับฐาน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,260- 1,320 จุด โดยแม้มีปัจจัยหนุนจาก 1) ธนาคารกลางทั้ง BOJ FED และ ECB เปิดความกว้างด้านมาตรการเพื่อพร้อมเข้าช่วยเหลือปัญหาสภาพคล่องต่อเนื่องจากผลกระทบ COVID-19 2) การทยอยกลับมาเริ่มเคลื่อนไหวกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down 3) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลด Downside หลัง OPEC+ เริ่มต้นปรับลดกำลังผลิตลงตามข้อตกลงที่ระดับ 9.7 ล้านบาเรล/วัน คลายความกังวลด้านอุปทานส่วนเกินได้บางส่วน อย่างไรก็ดีคาดจะถูกกดดันด้วยปัจจัยเสี่ยงเก่าที่กลับมาปะทุใหม่อย่างประเด็นความตึงเครียดสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังนายโดนัล ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีน รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ที่มีสัญญานอ่อนตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศยังมีความเสี่ยงจากการเข้าสู่ช่วงรายงานผลประการบริษัทจดทะเบียนฯช่วง 1Q63 ที่มีแนวโน้มอ่อนแอตามสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งจะกดดันต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของ SET ในลำดับต่อมา แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้น เน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวใกล้โซนแนวรับ และทยอยลดพอร์ตเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180 วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X
นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upside จากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
- •
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน7-11 และ MAKRO ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จากBIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของCOVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่มส่งออกไก่ : เก็งกำไร CPF TFG GFPT หนุนด้วย 1) ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกไก่สด และแปรรูปเดือน มี.ค.63 และช่วง 1Q63 ที่ 320 และ 882 ล้านเหรียญฯ +7.5%YoY และ +7.2%YoY ตามลำดับ และมีโอกาสโตต่อใน 2Q63 โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจีน และญี่ปุ่น รวมถึงความได้เปรียบด้านแข่งขันหลังคู่แข่งสำคัญบราซิลเผชิญปัญหา COVID-19 กระทบการส่งออก 2)ค่าเงินบาทช่วง 1Q63 อ่อนค่า 4%YoY และ8%YTD 3) ราคาขายไก่เฉลี่ยช่วง 1Q63 อยู่ที่ 34.5 บ/กก.ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 62 ที่ 33.7 บ/กก. และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก เช่น ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองยังทรงตัวในระดับต่ำ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ
5-May-20 Change (pts.) 30-Apr-20
SET Index 1,278.63 -23.03 1,301.66
SET50 Index 856.57 -16.99 873.56
SET100 Index 1,876.24 -37.11 1,913.35
High 1,289.09 Gainers 311
Low 1,278.50 Unchanged 258
Value (Bt m) 79,146.24 Losers 994
Volume (*000) 14,700,591
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 17.5 14.5 14.5
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -17.0
EV/EBITDA (x) 11.1 9.9 9.2
FWD PBV (x) 1.4 1.3 1.3
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.9
ROE 7.3 8.0 8.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 5-May-20 WTD MTD YTD
Institution 409.10 409.10 409.10 50,157.18
Proprietary 19.93 19.93 19.93 (2,817.70)
Foreign (4,604.90) (4,604.90) (4,604.90) (166,935.68)
Individual 4,175.87 4,175.87 4,175.87 119,596.20
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web