- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 May 2020 15:00
- Hits: 2493
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-5-2020
“กังวลจ้างงานสหรัฐ-คาดหุ้นพลังงาน 1Q63 น่าผิดหวัง”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PTT (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันอังคารดิ่งลงกังวลสงครามการค้า ติดตามรีโอเพ่น ปิด -23.03 จุด ที่ 1278.63 จุด มูลค่าซื้อขายบางลง 51 พันลบ.ไทยเพิ่งรับข่าวทรัมป์กลับมาโทษจีนเรื่องไวรัสโควิด-19 อาจทำให้เกิดสงครามการค้าปะทุขึ้นมาอีก แต่เพื่อนบ้านรับข่าวไปก่อนแล้วในวันหยุด แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไทยเป็นศูนย์ แต่รอดูอีก 14 วัน ในช่วงหยุดยาว มีการเดินทางมากขึ้น ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสูงเป็น 167 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ช่วงสั้นปรับลง คาดมีแรงขายต่อ ปัจจัยลบมีมาก ปัจจัยลบคือ การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐลดลงต่ำสุดตั้งแต่ ปี 45 รอดูวันศุกร์การจ้างงานนอกภาคการเกษตรมีโอกาสจะแย่ลงเช่นกัน คาดอัตราว่างงาน 16-20% ดาวโจนส์วานนี้ปรับลง 218 จุด รับข่าว ดัชนีภาคบริการและ PMI ภาคบริการลดลง ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาปรับลง ด้านในประเทศ อัตราเงินเฟ้อ เม.ย.เป็น -2.99% กังวลเงินฝืด ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่น เม.ย.ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สรท.คาดส่งออกไทยปีนี้ -8% คาดหุ้นพลังงานประกาศ 1Q63 น่าผิดหวัง เช่น PTT และ GULF มีโอกาสเป็นขาดทุน ส่วน ADVANC ประกาศวันนี้ คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว y-o-y ที 7.6 พันลบ. ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ไซด์เวย์ทางลง ด้านปัจจัยบวกคือ สหรัฐคลายล็อคดาวน์บางรัฐ มีการทดลองฉีดวัคซีนในคน เช้านี้ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเป็นบวก และห้างสรรพสินค้าไทยอาจจะกลับมาเปิดได้ 17 พ.ค.นี้แล้ว แต่มีข้อจำกัดการใช้บริการ กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ
คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1250-1300 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่ทยอยประกาศจะออกมาไม่สดใส และเม.ย.แย่ที่สุดจาก โควิด-19 จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,AP,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,HMPRO ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ระยะนี้เก็งกำไรหุ้นเข้า MSCI คือ AWC,KTC,TOA ส่วนหุ้นออกเป็นลบคือ BANPU สำหรับหุ้นเข้า SET50- BPP,TTW SET100-SISB,RBF (ข่าวหุ้น) ยังต้องระวังหุ้นกลุ่มโรงแรม สายการบิน ที่ฟิ้นตัวช้าจากโควิด-19 และหุ้นกลุ่มเดินเรือ PSL, TTA ที่ได้รับผลลบ หากสงครามการค้ากลับมาปะทุอีกครั้ง แนวรับคือ 1250 หรือ 1230 จุด และ แนวต้าน 1290-1300 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1270 จุด
# Stock Pick Today :
CPALL เด่นในกลุ่มพาณิชย์ จำหน่ายสินค้าจำเป็นฟื้นตัวเร็วกว่าวัสดุก่อสร้าง คาดกำไร 1Q63 ทรงตัวเป็น 5.79 พันลบ.จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายขายบริหารเทียบกับรายได้เพิ่ม ธุรกิจที่แข็งแกร่งกลับเป็นค้าส่งคือ MAKRO คาดกำไรหลักปีนี้โตเล็กน้อย 1% y-o-y และปี 64 โตฟื้นตัว 11% y-o-y แรงผลักดันการเติบโตมาจากการขยายสาขา เป้าสะสมปีนี้เป็น 13,000 สาขา แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 79 บาทการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบเล็กๆ ระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เปลี่ยนสถานะ(ยัง)เป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบแรง”เหนือ“SMA10วัน” (โดยยังอยู่ใต้อิทธิพลของ“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”ที่กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1290 (หรือ 1300) จุด {แนวตัดขาดทุน“ต่ำกว่า 1270” (แนวรับย่อย “1250, 1230 / 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Special Issue : ราคาน้ำมันตอนนี้เป็นวิกฤตเศรษฐกิจหรือโอกาส
Company Guide : PTT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 37.00)
NOBLE (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 13.83)
Flash Note : DCC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 1.70)
MEGA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.00)
TU (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 12.30)
In The News : KCE (ขาย -ราคาพื้นฐาน 10.50)
Turnover List Watch : ติดตาม CHAYO ส่วน DW ไม่มีตัวหมดอายุ
New Listing : DIMET-W3
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง ต่ำสุดตั้งแต่ปี 45
# ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 20,236,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นภาวะการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2545 โดยมีสาเหตุมาจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
- สหรัฐ: จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.วันศุกร์นี้ คาดกันว่าจะย่ำแย่มาก
# นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิดขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเป็นหนึ่งในตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยคาดว่าอัตราว่างงานอาจสูงกว่า 20% ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดิ่งลง 21.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 16%
+ สหรัฐ: ปัจจัยต่างประเทศในช่วงวันอังคาร ค่อนไปทางบวก
# มีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานที่ว่า รัฐต่างๆในสหรัฐได้เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจบางส่วน รวมทั้งข่าวความคืบหน้าจากไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในคนในสหรัฐแล้ว และทางบริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนหลายล้านโดสภายในปลายปีนี้ ดาวโจนส์วันอังคาร +133.33 จุด
-สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการหดตัวครั้งแรก-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย เม.ย.ลดลง
# ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐเผชิญภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ทศวรรษ โดยถูกกดดันจากการที่กิจกรรมในภาคธุรกิจหยุดชะงักลง ขณะที่รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 26.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 39.8 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 218.45 จุด วิตกตลาดแรงงานสหรัฐทรุดจากพิษโควิด-19
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐร่วงลงกว่า 20 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของตลาดแรงงาน อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- น้ำมัน : WTI ปิดลบ 57 เซนต์ นักลงทุนกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) ทำสถิติปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 6วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้มีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
- • ทองคำ: ปิดร่วง $22.1 จากคำสั่งขายสินทรัพย์ปลอดภัย,ดอลล์แข็งกดดันตลาด
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,700 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า รัฐต่างๆในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย
# ศบค. เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 รายเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากรัสเซียเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,989 ราย ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้แล้ว 2,761 ราย โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 55 ราย
# ผลกระทบ: แม้จะมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อย แต่ต้องติดตามหลัง 14 วันที่เป็นวันหยุดยาว มีการเดินทางมาก และเริ่มคลายล็อคดาวน์ จะมี Second Wave หรือไม่
-/• อัตราเงินเฟ้อ เม.ย.63 อยู่ที่ 99.75 ลดลง -2.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กังวลภาวะเงินฝืด
# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อ ในเดือน เม.ย.63 อยู่ที่ 99.75 ลดลง -2.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง -2.03% จากเดือน มี.ค.63โดยในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ของปี 63 เฉลี่ย -0.44% แม้อัตราเงินเฟ้อจะติดลบแต่มองว่าประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะการจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดตามคำจำกัดความอัตราเงินเฟ้อจะต้องติดลบต่อเนื่องกัน 3 เดือนหรือ 1 ไตรมาส รวมทั้งราคาสินค้า-บริการจะปรับลดลง ของไทยขณะนี้ติดลบติดกัน 2 เดือน และราคาสินค้า-บริการไม่เปลี่ยนแปลง
-ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนเม.ย.63 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนเม.ย.63 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 32.6 ปรับลดลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในปี 42 โดยปรับลดลงจากเดือนมี.ค.63 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 42.6 ทั้งนี้ทุกองค์ประกอบของดัชนีฯ อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 และเป็นการปรับตัวลงในทุก sector สะท้อนว่าสถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรง
-สรท.คาดส่งออกไทยปีนี้ -8% คาดจะกลับมาฟื้นตัวได้ใน 4Q63
# ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า แม้สถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ไว้ แต่ สรท.ยังต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 ว่าอาจหดตัว -8% บนสมมติฐานค่าเงิน 30.50 บาท/ดอลลาร์ (บวก/ลบ 0.50 บาท/ดอลลาร์) โดยคาดว่าการส่งออกของไทยจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
- • ครม.รับทราบรายงานจาก กนง. เป้าหมาอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 63 อยู่ในช่วง 1-3%
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ประจำครึ่งหลังของปี 2562 โดยเป้าหมายนโยบายการเงินในปี 62 ได้กำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ 2.5 บวก/ลบ1.5% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง ส่วนในปี 63 ได้กำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินใหม่ โดยใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1 - 3%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web