- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 May 2020 11:44
- Hits: 3285
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-5-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Wait to Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงช่วงที่ไทยปิดทำการ โดยดัชนีปิดลบ 23.03 จุด ณ สิ้นวัน ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,300 จุดซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญได้ สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิแต่บางลงเหลือ 409 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น 4.6 พันลบ. (และ Short Index Futures อีก 3.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,265-1,285 จุด โดยยังคงมุมมองว่าตลาดจะมีการพักฐานในเดือน พ.ค. หลังพุ่งแรงในเดือน เม.ย. รับความคาดหวังเชิงบวกไปมากโดยเฉพาะประเด็นการ Reopen Economy ซึ่งต้องติดตามว่าจะฟื้นตัวได้เร็วเพียงใดรวมถึงจะทำให้เกิด 2nd Wave ของการระบาดหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องระวังสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจตึงเครียดมากขึ้นทั้งประเด็นต้นตอ COVID-19 และลามไปถึงประเด็นการค้า ส่วนฝั่งบ้านเราให้ติดตามผลประกอบการ 1Q20 ของฝั่ง Real Sector ที่จะประกาศออกมาหนาแน่นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าซึ่งเราคาดไม่สดใสและจะทรุดหนักใน 2Q20 เรายังประเมิน Upside ของดัชนียังจำกัดจาก Valuation ที่สุง (PER 17.3 เท่า) แพงเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค จึงยังแนะนำรอการพักฐานในเดือนนี้เพื่อสะสมหุ้นรอบใหม่ ส่วนระยะสั้นแนะนำเพียง Trading ตามการแกว่งตัวของดัชนี
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BCH, CPF, INTUCH, KCE, OSP
หุ้นเด่นวันนี้: CPF
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 36 บาท
- กำไร 1Q20 สดใสตามราคาเนื้อสัตว์โดยเฉพาะหมูเวียดนาม เราคาด 4.4 พันลบ. +10% Q-Q, +3% Y-Y
- แนวโน้มกำไร 2Q20 ชะลอเพราะ COVID-19 และ lockdown หลายประเทศทั่วโลกเริ่มกระทบ demand โดยรวมทำให้ราคาเนื้อสัตว์อ่อนตัวลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง
- บริษัทปรับลดงบลงทุนและคุมรายจ่ายเข้มข้นเพื่อรักษาสภาพคล่อง ดีล Tesco คาดแล้วเสร็จ 6-9 เดือนข้างหน้า ไม่กระทบฐานะการเงินและกระทบกำไรปีหน้าเล็กน้อยเพียง 5% ส่วนปีนี้คาดกำไรปกติ +16% เป็น 1.7 หมื่นลบ. ส่วนกำไรสุทธิ +3%
Fund Flow กระแสเงินทุนช่วง 2 วันที่ผ่านมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นรวมทั้งสิ้น US$1,046ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีไต้ US$538ล้านและ US$195ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยไหลออกเช่นกัน US$142ล้าน มากสุดในกลุ่ม TIPS และไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกโดยเริ่มกังวลและจับตาผลกระทบหลังหลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งว่าจะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 พุ่งขึ้นหรือไม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ภาพรวมราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ เม.ย. อ่อนตัวลง M-M เพราะ COVID-19 กระทบออเดอร์กลุ่ม Chain restaurant และกระทบ demand ในประเทศ ราคาหมูในประเทศ -6% M-M เป็น 68 บ/กก., ไก่ -3% M-M เป็น 33 บ/กก., ปลาทูน่า -7% M-M เป็น US$1,400/ตัน, หมูเวียดนาม (มี.ค.) +1% M-M เป็น 74,574 ด่อง/กก. ถือเป็นระดับที่ดี แต่ถึงราคาชะลอ M-M ก็ยังเป็นราคาที่สูงกว่าในอดีตและสูงกว่าต้นทุนการเลี้ยง แนวโน้มกำไร 1Q20 ยังโตได้แต่อาจแผ่วใน 2Q20 แต่ภาพรวมทั้งปียังแข็งแกร่งกว่าธุรกิจอื่น แนะนำ CPF (เป้า 36 บ.), TU (เป้า 15.5 บ.), GFPT (เป้า 12.5 บ.)
(0) สัปดาห์นี้หลายบริษัทประกาศงบ มี ADVANC, IRPC, TOP, PTTGC, TASCO, LPN, CBG, GLOBAL, ZEN, GPSC, RS กำไรของ ADVANC ถึงชะลอแต่ยังแข็งแกร่ง ส่วน IRPC, TOP, PTTGC คาดขาดทุนหนักทั้ง operation, stock loss และมี FX loss เพราะบาทอ่อน แต่เชื่อผ่านจุดต่ำสุดและทยอยฟื้นในช่วงที่เหลือของปีหลังประเทศต่างๆคลาย lockdown หุ้นโรงกลั่นและปิโตรฯปัจจุบันซื้อขายที่ PBV เพียง 0.5-0.6 เท่า เสี่ยงถูกปรับลดประมาณการลงอีก ส่วน TASCO คาดขาดทุน 700-800 ลบ.เพราะ stock loss
(+) TU กำไรปกติ 1Q20 ดีกว่าคาดถึง 50% โดยทำได้ 1.28 พันลบ. +24% Q-Q, +19% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดเพราะธุรกิจทูน่ากระป๋องซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ขยายตัวดีมากจากการแห่กักตุนสินค้าของผู้บริโภค กำไรปกติ 1Q20 คิดเป็น 28% ของคาดการณ์ทั้งปี แนวโน้มกำไร 2Q20 อาจทรงถึงปรับลง Q-Q เพราะถูกกระทบจาก COVID-19 มากขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปีที่ 4.63 พันลบ. -8% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิ +21% Y-Y คงเป้า 15.50 บาท แนะนำซื้อ
(+) JWD COVID-19 ทำให้การขายสินค้าของลูกค้าช้าลง ต้องการพื้นที่เก็บสินค้ามากขึ้น ธุรกิจหลายอย่างจึงเติบโตดีเช่น ห้องเย็น คลังเก็บสินค้าทั่วไปและสินค้าอันตราย และธุรกิจ Self-storage ซึ่งมีสัดส่วนรวมกัน 50% ของรายได้รวม คาดกำไร 1Q20 ที่ 92 ลบ. -22% Q-Q, +3% Y-Y คิดเป็น 26% ของทั้งปี แนวโน้ม 2Q20 ชะลอเพราะธุรกิจยานยนต์ถูกกระทบมาก แต่เชื่อกำไรทั้งปีทรงตัวได้ แนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 9 บาท
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 218.45 จุด ปิดที่ 23,664.64 จุด หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผย การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 20,236,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2002
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย กดดันจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ 7.7% ในปีนี้
(-) ตลาดเอเชียปรับลงเล็กน้อย ท่ามกลางนักลงทุนติดตามการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากไฉซินในวันนี้
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 57 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 23.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่ม 8.6 ล้านบาร์เรล
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.1 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1688.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1071.71 / +4.1
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 พ.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (เม.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Services PMI (เม.ย.), ยอดค้าปลีก (มี.ค.)
7 พ.ค. - จีน: Caixin China Services & Composite PMI (เม.ย.), ส่งออก-นำเข้า (เม.ย.)
- ฟิลิปปินส์: 1Q20 GDP
8 พ.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (เม.ย.)
12 พ.ค. - MSCI Semi-annual Index Review
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web