- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 April 2020 11:06
- Hits: 2288
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-4-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Trading and Test 1,300//Mid-to-Long term Wait to Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ต่อเนื่องตามคาดโดยสามารถปิดบวกได้อีก 7.69 จุด ณ สิ้นวัน หนุนโดยหุ้นขนาดใหญ่ สถาบันประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 539 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 453 ลบ. (และ Short Index Futures 2.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องและทดสอบระดับ 1,300 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกทั้งถ้อยแถลงของประธาน FED ที่ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ้นวิกฤติ COVID-19 และยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ Gilead แถลงว่าผลการทบสอบยา Remdesivir ร่วมกับสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติให้ผลลัพธ์ในเชิงบวก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวบดบังตัวเลข GDP 1Q20 ของสหรัฐฯซึ่งหดตัว -4.8% แย่กว่าตลาดคาด ขณะที่ปัจจัยในประเทศให้ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อหลังเริ่มคลาย Lockdown รวมถึงผลประกอบการ 1Q20 ของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตามเรายังมอง Upside ของดัชนีจำกัดจาก Valuation ที่สุง (PER 17.3 เท่า) แพงเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค ระยะสั้นจึงแนะนำเพียง Trading ตามโมเมนตัมตลาด ขณะที่ระยะกลาง-ยาวยังรอการพักฐานเพื่อสะสมหุ้นรอบใหม่
กลยุทธ์ : ระยะสั้นเน้น Trading ตาม Sentiment ตลาด//ระยะกลาง-ยาวรอทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCH, BEM, CPALL, RBF, SFLEX
หุ้นเด่นวันนี้: KCE
- แนะนำซื้อเก็งกำไรงบ 1Q20 ราคาเป้าหมาย 17-18 บาท
- คาดกำไร 1Q20 อยู่ในระดับดีราว 300 ลบ. +19 Q-Q, +12% Y-Y เพราะ COVID-19 กระทบน้อย แต่ 2Q20 ออเดอร์กลุ่ม Auto จะลดมากเพราะลูกค้าในยุโรปปิดรง.
- ล่าสุดเริ่มมีข่าว รง. ผลิตรถยนต์ในยุโรปเริ่มกลับมาผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อ KCE ในระยะต่อไป แม้ว่าการฟื้นตัวของ Auto จะช้ากว่ากลุ่ม Consumer products ก็ตาม
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$705ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ากระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$605ล้านและ US$176ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$14ล้านเช่นเดียวกับตลาดอื่นในกลุ่ม TIPS แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลัง Gilead แถลงว่าผลการศึกษาใช้ยา Remdesivir รักษาโรค COVID-19 ให้ผลลักธ์ที่ดี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Fed คงดอกเบี้ย ที่ 0.00-0.25% และยืนยันจะคงอัตรานี้จนกว่าศก.จะฟื้น การจ้างงานกลับมาเต็มที่ และเงินเฟ้อเป็น 2% เฟดระบุว่า COVID-19 กำลังสร้างปัญหาศก.และความเสี่ยงต่อศก.ในระยะกลาง เฟดจึงยังทำ QE ต่อไปไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดเวลา คำแถลงของเฟดไม่ได้ให้ภาพที่เป็นลบมากกว่าที่เป็นอยู่ ขณะที่ GDP 1Q20 (ประมาณการคั้งที่ 1) -4.8% Q-Q annualized แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะ -4% และเป็นการหดตัวแรงสุดนับตั้งแต่หลังวิกฤตการเงินปี 2009 แต่ตลาดหุ้นไม่ตอบรับข่าวลบ
(0) กทม.คลายล็อคดาวน์ 8 กิจการ ชงรัฐบาลเคาะวัน กิจการ 8 ประเภทไม่เกี่ยวข้องกับบมจ.ในตลาดฯ หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารในห้าง โรงหนัง สปา (CRC, CPN, M, ZEN, GLOBAL, HMPRO, DOHOME, MAJOR, SPA) ที่ถูกเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ ควรพักฐานเพื่อรอดูผลประกอบการเพราะ Valuations ไม่ถูก
(-) BH กำไรสุทธิ 1Q20 -14% Q-Q, -29% Y-Y เหลือ 765 ลบ. เชื่อว่าเป็นรพ.ที่ถูกกระทบจากการ lockdown มากสุดในกลุ่มเพราะมีลูกต่างชาติกว่า 60% รพ.ที่พึ่งพาต่างชาติรองลงไปเป็น BDMS (30%) และ EKH (17%) รพ.เหล่านี้จะฟื้นช้ากว่ากลุ่ม ส่วนรพ.ที่มีลูกค้าในประเทศและรับประกันสังคมคือ BCH, CHG จะฟื้นเป็นปกติเร็วกว่าเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย ราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้แข็งแรงและยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เราให้ราคาเป้าหมาย BCH 16 บาทและ CHG 2.70 บาท
(0) SCC กำไรใกล้เคียงเราและตลาดคาด กำไรสุทธิ 1Q20 ที่ 6.97 พันลบ. -2% Q-Q, -40% Y-Y กำไรที่หดตัวมาจากธุรกิจ Chemicals ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ส่วนที่เติบโตดีคือธุรกิจ Packaging กำไร 1Q20 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปีที่คาด 3 หมื่นลบ. -6% Y-Y (หดตัวเป็นปีที่ 3) เชื่อค่อยๆฟื้นใน 2H20 แนะนำถือ เป้า 370 บาท
(-) BEC เราคาด 1Q20 ขาดทุน 230 ลบ. ใกล้เคียง 4Q19 ที่ขาดทุน 259 ลบ. และขาดทุนมากขึ้นจาก 1Q19 ที่ขาดทุน 128 ลบ. จากกำลังซื้ออ่อนแอ การแข่งขันรุนแรง และถูกกระทบจาก COVID-19 ทำให้อัตราการใช้เวลาโฆษณาลดลง รายได้จัด Concert ลดลงมาก และมีต้นทุนดำเนินงานสูง (มี early retirement) แนวโน้ม 2Q20 ยังไม่ดีขึ้น แม้คนอยู่บ้านดูทีวีมากขึ้น แต่เอเจนซี่ไม่ซื้อสื่อ ทั้งนี้ บจ.มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ คาดเม็ดเงินสื่อทีวีปี 2020 จะลดลงราว 15% ยังคงแนะนำขาย คงเป้า 3.50 บาท
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 532.31 จุด หรือ +2.21% ปิดที่ 24,633.86 จุด หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงได้แรงหนุนจากบริษัท Gilead Sciences แถลงว่าได้รับข้อมูลที่น่าพึงพอใจในการใช้ยา remdesivir ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตยารักษาโรคโควิด-19 รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผลิตยารักษาโรคโควิด-19
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 22% ปิดที่ 15.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดผ่านมา ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 9.8 ล้านบาร์เรล
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 1,713.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดดาวโจนส์ปรับขึ้น จากความคืบหน้าเกี่ยวกับยารักษาโรคโควิด-19
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1056.50 / +8.19
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 เม.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มี.ค.
- จีน: Manufacturing PMI (เม.ย.)
- ยูโรโซน: 1Q20 GDP, ECB ประชุม
- ไต้หวัน: 1Q20 GDP
1 พ.ค. - เกาหลีใต้: ส่งออก-นำเข้า (เม.ย.)
4 พ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
- จีน: Caixin PMI Manufacturing (เม.ย.)
- ฮ่องกง: 1Q20 GDP
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web