- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 April 2020 14:50
- Hits: 1874
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-4-2020
“บวกคลายล็อคดาวน์สหรัฐ-ไทย ลุ้นห้างเปิด 4 พ.ค.?”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับขึ้น รับข่าวคลายล็อคดาวน์ แม้น้ำมันฟิวเจอร์ปรับลง ปิด +8.63 จุด ที่ 1267.41 จุด มูลค่าซื้อขายเบาบาง49.5 พันลบ.ตลาดปรับขึ้บคล้ายเพื่อนบ้าน ติดตามประชุมครม.วันนี้ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายมาก-ต่างชาติ ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายเป็น 160 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET ช่วงสั้นมีโมนตัมบวกต่อ คลายล็อคดาวน์ตปท.-ไทย แต่มีแรงขายต้าน ปัจจัยบวกคือ สหรัฐเริ่มคลายล็อคดาวน์เริ่มจากนิวยอร์กและบางรัฐ รมว.คลังสหรัฐมั่นใจเศรษฐกิจไตรมาส 3 กลับมาฟื้นตัว ดาวโจนส์ +359 จุด ขายทองคำเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับขึ้นเช่นเดียวกับดาวโจนส์ล่วงหน้า วันนี้ติดตามประชุม ครม. คาดต่อพรก.ฉุกเฉิน 1 เดือน และทยอยเปิด 4 สี เบาไปหนัก ติดตามการเปิดห้าง 4 พ.ค.หรือ 1 มิ.ย (สีเหลือง) และวานนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เหลือเพียง 9 ราย ต่ำสุดในสถิติไทย ด้านปัจจัยลบคือ ราคาน้ำมันดิบแกว่งลงแรง WTI -25% เช้านี้น้ำมันล่วงหน้าปรับตัวลงต่อด้านธุรกิจหลักทรัพย์ ฟิทช์คงอันดับเครดิต ASP แต่ปรับลด FSS และ KTBST กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1250-1285จุด
ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ ทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,AP,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,VGI,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,BJC,HMPRO บาทอ่อน-ส่งออกดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป BEM,BTS หากห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดได้ จะดีกับศูนย์การค้าเช่น CPN, CPNREIT และพาณิชย์ COM7,HMPRO สื่อสาร เช่น ADVANCติดตามกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวจะกลับมาหลังคลายล็อกดาวน์เพราะจะมีผลกับหุ้นสายการบิน และโรงแรม สัปดาห์นี้ปล่อยกู้ซอฟท์โลนให้โรงแรม-สายการบินช่วยทำให้รอด แต่ระวัง AOT ช่วยเหลือคู่ค้าเพิ่ม ทำให้มีภาระสูงขึ้น ไม่ดีกับงบการเงินปีนี้ แนวรับคือ 1230 หรือ 1200 และแนวต้าน 1280-1300 จุดตัดขาดทุนต่ำกว่า 1255 จุด
# Stock Pick Today :
DELTA กำไร 1Q63 ดีกว่าคาด Core profit 1Q63F 637 ล้านบาท (-42%YoY, +77%QoQ) Data centre ถูกกระทบจาก COVID-19จำกัด เพราะอุปสงค์แข็งแกร่ง หลัง WFH กันจำนวนมาก ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการประชุม สื่อสารมีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถือว่าเป็นบริษัทในกลุ่มที่ได้รับผลลบโควิดน้อยที่สุด คาดกำไรปีนี้/ปีหน้า -6%/+49% y-o-y ราคาพื้นฐานเป็น 47 บาท อิงกับ P/E เฉลี่ยปี 63F&64F ที่ 17 เท่า ถือว่างบดุลและปันผลดีการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบเล็กๆ อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ส่วนระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators ยังยืนอยู่ในฝั่งของภาพลบเล็กๆ {แม้“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อได้ (แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของ“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”ที่กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1280(หรือ 1290 – 1300) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1255” (แนวรับย่อย “1230 / 1200”) จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มไก่ส่งออก - มุมมองเป็นบวก
Company Guide : BDMS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
Flash Note : DELTA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 47.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เริ่มมีมาตการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ เริ่มจากรัฐนิวยอร์ก
# มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ โดยนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า รัฐนิวยอร์กจะเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
# นายคูโอโมกล่าวว่า รัฐนิวยอร์กจะใช้กลยุทธ์เปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะมีการเปิดภาคการก่อสร้างและการผลิตในเฟสแรก ส่วนเฟสสองจะมีการประเมินธุรกิจเป็นรายกรณี โดยขึ้นอยู่กับความสำคัญของธุรกิจดังกล่าว ทั้งนี้ แต่ละเฟสจะห่างกัน 2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และสร้างความมั่นใจว่าอัตราผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ติดเชื้อจะไม่เพิ่มขึ้น
+ สหรัฐ: รัฐมนตรีคลังสหรัฐเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
# ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากที่มีการเปิดเศรษฐกิจในเดือนพ.ค.และมิ.ย. พร้อมกับกล่าวว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้นั้น จะส่งผลในเชิงบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อว่า เมื่อภาคธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ภาวะอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจก็จะฟื้นขึ้นด้วย
+/- สหรัฐ: จับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเช่น แอปเปิล เฟซบุ๊ก และอัลฟาเบท
+/- รอผลประชุม ครม. ของไทย ผลการประชุม FOMC และธนาคารกลางยุโรป
# สำหรับทิศทางวันนี้จะมีการรอผลประชุม ครม.ไทย รวมทั้งรอดูผลการประชุม FOMC วันที่ 29 เม.ย.และผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 30 เม.ย. สำหรับเฟด มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%
+ ญี่ปุ่น : BOJ จะผ่อนคลายการเงินเพิ่มอีก หากเห็นว่าจำเป็นในช่วงเวลาที่โควิด-19 แพร่ระบาด
# ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ โดยระบุว่า BOJ จะดำเนินการผ่อนคลายการเงินเพิ่มอีก หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น ในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เศรษฐกิจระดับภูมิภาคของญี่ปุ่นทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว และอยู่ใน "สถานการณ์เลวร้ายมาก" ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยการประเมินภาวะเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้คำประเมินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานรายไตรมาสในปี 2544
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 358.51 จุด ขานรับสหรัฐคลายมาตรการล็อกดาวน์
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขานรับรายงานที่ว่า หลายรัฐในสหรัฐเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐนิวยอร์กที่จะเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและแอปเปิล รวมทั้งรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ด้วย
- น้ำมัน : WTI ปิดร่วง 4.16 ดอลล์ เหตุวิตกภาวะน้ำมันล้นตลาด
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 25% เมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งรายงานที่ว่า คลังน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิ่งลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- • ทองคำ: COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดลบ $11.8 นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังสหรัฐ-ยุโรปคลายล็อกดาวน์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐและยุโรปเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่มีการบังคับใช้ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้และอยู่ในความสนใจของนักลงทุน ได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ราคาบ้านเดือนก.พ.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากConference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ มาตรการคลายล็อคดาวน์ไทย หนุนขยายพ.ร.ก.อีก 1 เดือน กำหนดแผนคลายล็อก 4 ระดับ
# ศบค.เผยผลสำรวจประชาชน 70% หนุนขยายพ.ร.ก.อีก 1 เดือน กำหนดแผนคลายล็อก 4 ระดับ เสนอ ครม.ชี้ขาด เริ่มจากธุรกิจที่จำเป็นต่อชีวิตวันที่ 4 พ.ค. ร้านขนาดเล็ก 18 พ.ค. กิจการพื้นที่ปิด ขนาดใหญ่ 1 มิ.ย. ปิดท้ายสนามมวย แหล่งบันเทิง 15 มิ.ย. ลั่นประเมินผลตลอดเวลาแพร่ระบาด หยุดทันที ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดฮวบเหลือ 9 ราย ยอดสะสม 2,931 ราย กทม.ไม่มีผู้ป่วย (กรุงเทพธุรกิจ)
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นเลขหลักเดียว 9 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย
# ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 9 รายทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,931 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยแล้วรวมทั้งสิ้น 2,609 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้นอีก 15ราย และวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 52 ราย
+/- นายกฯ ถกศบค.พิจารณาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยันต้องมีมาตรการคู่ขนานก่อนผ่อนปรน
# นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมเชิงบูรณาการวานนี้ถือเป็นการหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยทำได้ดีมากในระดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง และที่ต้องมีการพิจารณาคือเรื่องการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งการปรับข้อกำหนดให้มีการผ่อนผันจะต้องให้มีเวลาเตรียมการและมีมาตรการคู่ขนานด้านการสาธารณสุข ต้องดูแลก่อนช่วงที่จะมีการปลดล็อกคงมาตรการที่สำคัญและจำเป็น ได้แก่
1.ควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขยายการห้ามอากาศยานบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน (1-31 พ.ค.63)
2.งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด โดยไม่มีเหตุจำเป็น
3.ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.
4.งดการดำเนินกิจกรรมที่มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนมาก ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ หรือสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมาก งดการทำกิจกรรมร่วมกัน หรือประกอบกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นการชั่วคราว
+ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) นำเสนอรายละเอียดแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ประเทศ
# ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ในฐานะเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาจากภาคธุรกิจ นำเสนอรายละเอียดแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ประเทศในส่วนภาคธุรกิจเรียงลำดับในจังหวัดและธุรกิจที่จะเปิดดำเนินการก่อนและธุรกิจที่เปิดดำเนินการหลังสุดให้กับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มีนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการพิจารณา
- • จุรินทร์"ถอยยอมถอน CPTPP ออกจากวาระ ครม.หลังมีกระแสคัดค้าน
# นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้ขอถอนเรื่องข้อเสนอให้ไทยจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ออกจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.63) แล้ว และจะไม่เสนอเรื่องนี้ให้ ครม.พิจารณาอีก ตราบใดที่ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่
-/+ ฟิทช์ ปรับลดแนวโน้มเครดิต FSS-KTBST เป็น"ลบ" แต่คงเครดิต ASP
# ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) และ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เป็น "ลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" การคงอันดับเครดิตของ ASP สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ที่เชื่อว่า ASP น่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงและผลกระทบจากสภาวะการดำเนินงานที่กำลังเผชิญกันความท้าทายเพิ่มขึ้นและภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่แอื้ออำนวย ได้ดีกว่าเมี่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web