WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-4-2020บล.เออีซี2 420x280

Market Outlook

วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ต่อ หนุนด้วย Sentiment บวกจากสถานการณ์การแพร่กระจาย COVID-19 มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่การเตรียมผ่อนคลายมาตรการ Lock Down ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก บวกกับการออกมาตรการการเงินจาก BOJ เสริมสภาพคล่องต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี จับตาปัจจัยกดดันจากรายตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงความ   ผันผวนของราคาน้ำมันดิบ คาดหวังการดีดตัว SET ทดสอบแนวต้าน 1,280 จุด และ 1,300 จุด ตามลำดับ

  • •   Market Factor
  • •   (+) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% อีกทั้งปรับการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในวงเงินไม่จำกัดจากเดิมที่จำกัดในวงเงิน 80 ล้านเยนและปรับเพิ่มเป้าหมายการซื้อหุ้นกู้ และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) เป็น 20 ล้านล้านเยนจากเดิม 7.4 ล้านล้านเยน
  • •   (+) สหรัฐฯ เริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งจากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown โดยรัฐอลาสกา, จอร์เจีย, เซาธ์ แคโรไลนา, เทนเนสซี และเท็กซัส เริ่มเปิดเศรษฐกิจบางส่วนจากการเปิดร้านอาหารให้กลับมาบริการลูกค้า ในขณะที่รัฐวอชิงตันจะเริ่มเปิดสวนสาธารณะและสนามกอล์ฟในวันที่ 5 พ.ค. 63 แต่ยังคงให้ทำ Social distance สวมหน้ากากอนามัย ทำให้ภาคธุรกิจผ่อนคลายมากขึ้น
  • •   (+) ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯวานนี้อยู่ที่ระดับ 2 หมื่นรายโดยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทางยุโรปอย่างอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเช่นเดียวกัน
  • •   (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ส่งมอบเดือน มิ.ย.วานนี้ปรับลง 24.6%DoD และ 6.8%DoD ตามลำดับ หลังคาดคลังน้ำมันสหรัฐฯ ที่เมืองคูชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา คาดจะเต็มความจุในสัปดาห์นี้ หลังสต็อกน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและในกลางเดือน เม.ย. มีรายงานคลังเก็บน้ำมันเมืองคูชิ่งมีการกักเก็บแล้วราว 70% ของความจุทั้งหมด อย่างไรก็ดีจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA ในวันพรุ่งนี้ ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์
  • •   (watch) จับตาการประชุม Fed วันที่ 28-29 เม.ย.คาดยังคงนโยบายการเงินที่ระดับ 0.00-0.25% ด้วยความน่าจะเป็นระดับ 100% จาก CME Fedwatch และจับตาการประชุม ECB วันที่ 29 เม.ย.คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมีโอกาสเพิ่มวงเงิน QE ในขณะที่ตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่ 1 ช่วง 1Q63 ของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันที่ 29 เม.ย.ตลาดคาดอยู่ที่ระดับ -4.0%QoQ
  • •   (+) ศบค.เสนอต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน ถึง 31 พ.ค.นี้ พร้อมเสนอผ่อนคลายมาตรการ Lock Down โดยกำหนดระยะในการผ่อนปรน แบ่งเป็น 4 ระยะ 25% 50% 70% 100% ประเมินผลทุก 14 วัน ทั้งนี้เริ่มทยอยให้เปิดธุรกิจประเภทที่ความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำก่อน ตามชั้นเกรดและช่วงระยะเวลาในการผ่อนปรน (ประชาชาติธุรกิจ)
  • •   (-) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ออกประกาศฉบับที่ 4 ขยายเวลาห้ามเครื่องบินเข้าไทยถึง สิ้นเดือนพ.ค.ยกเว้นเที่ยวบินพิเศษพาคนไทยกลับบ้าน และการขนส่งสินค้า (โพสต์ทูเดย์)
  • •   (-) ทอท.เผยมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบ คาดส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีงบประมาณปี 63 (1ต.ค.62-30 ก.ย.63)ลดลงราว 17%YoY   (กรุงเทพธุรกิจ)
  • •   (watch) ติดตามผลการประชุมครม.วันนี้ คาดได้ข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากผลกระทบ COVID-19 และการปลดล็อกธุรกิจหลังควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง
  • •   รายงาน สธ.ประจำวันที่ 26 เม.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,931 ราย เสียชีวิตรวม 52 ราย
  • •   อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.93% (1.1%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.25% (0.8% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.66% (9.3% DoD)
  • •   ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 74.5 บ. หรือลดลง 26.9%YTD
  • •   Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 669.07 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 44,549.32 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 68.34 ลบ.MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 18,928.85 ลบ.

Investment Strategy

สัปดาห์นี้เราประเมิน SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,220-1,300 จุด โดยแม้มีปัจจัยหนุนจาก 1) สถานการณ์ COVID-19 ทั้งใน และ ตปท.ดีขึ้นจากยอดผู้ติดเชื้อที่ชะลอตัว 2) การทะยอยกลับมาเริ่มเคลื่อนไหวกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down 3) สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลด Downside หลัง OPEC Plus เริ่มต้นลดกำลังการผลิตลงเดือน พ.ค.นี้ คลายความกังวลด้านอุปทานส่วนเกินได้บางส่วน อย่างไรก็ดีอาจถูกดันจากการรายงานตัวเศรษฐกิจทั้ง GDP ช่วง 1Q 63 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซนที่คาดออกมาอ่อนแอ พร้อมแนะติดตามการประชุมธนาคารกลางจากทั้ง BOJ FED และ ECB ถึงมาตรการการรับมือผลกระทบ COVID-19 เพิ่มเติม แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้นตาม Sentiment ตลาด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 2 กลุ่ม ดังนี้

  • •   หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180วัน 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upsideจากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
  • •   กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11 บ/หุ้น (Yield1.5%)
  • •   Trading Idea
  • •   กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC สองหุ้นค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ และการเตรียมผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษกิจกลับมาเริ่มเปิดตามปกติได้ในระยะถัดไป จะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัว CPALL มีสาขาครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศจะได้ประโยชน์ทั้งจากร้าน7-11 และ MAKRO ขณะที่ BJC จะได้ประโยชน์จากBIGC และยอดขายของธุรกิจ Health care มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการระบาดของCOVID-19 ที่จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรคเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตจนกว่าจะมีวัคซีนออกมาใช้อย่างเป็นทางการ รวมถึงธุรกิจ   บรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
  • •   กลุ่มส่งออกไก่ : เก็งกำไร CPF TFG GFPT หนุนด้วย 1) ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกไก่สด และแปรรูปเดือน มี.ค.63 และช่วง 1Q63 ที่ 320 และ 882 ล้านเหรียญฯ +7.5%YoY และ +7.2%YoY ตามลำดับ และมีโอกาสโตต่อใน 2Q63 โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจีน และญี่ปุ่น รวมถึงความได้เปรียบด้านแข่งขันหลังคู่แข่งสำคัญบราซิลเผชิญปัญหา COVID-19 กระทบการส่งออก 2)ค่าเงินบาทช่วง 1Q63 อ่อนค่า 4%YoY และ8%YTD 3) ราคาขายไก่เฉลี่ยช่วง 1Q63 อยู่ที่ 34.5 บ/กก.ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 62 ที่ 33.7 บ/กก. และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก เช่น ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองยังทรงตัวในระดับต่ำ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ

27-Apr-20   Change (pts.)   24-Apr-20

SET Index   1,267.41   8.63   1,258.78

SET50 Index   848.40   6.37   842.03

SET100 Index   1,857.04   13.63   1,843.41

High   1,272.75   Gainers   648

Low         1,258.45       Unchanged   390

Value (Bt m)   49,584.05   Losers   615

Volume (*000)   12,527,934        

Market Valuation

SET Data   2019F   2020F   Long Term

Fwd PER (x)   17.0   14.2   14.2

EPS Growth (%)   13.9   9.3   -16.5

EV/EBITDA (x)   10.8   9.7   9.1

FWD PBV (x)   1.4   1.3   1.3

Dividend Yield (%)   3.3   3.6   4.0

ROE   7.3   8.1   8.6

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt   24-Apr-20   WTD   MTD   YTD

Institution   68.34   68.34   18,928.84   45,002.25

Proprietary   (125.04)   (125.04)   3,397.46   (3,952.56)

Foreign     (669.07)   (669.07)   (44,549.33)   (159,904.24)

Individual   725.78   725.78   22,223.03   118,854.55

AECS ( Fundamental and Strategic Team )

ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)   [email protected]

ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ชัยรัตน์ คงสุนทร

สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์   ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

Data Support / Secretary

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!