- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 April 2020 14:10
- Hits: 2477
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-4-2020
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ยังอยู่ในช่วงไซด์เวย์ต่อไป
KGI ประเมิน SET Index วันอังคารไซด์เวย์ต่อ... หลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีฯ บวกในกรอบแคบๆ (ใกล้เคียงกับที่ประเมิน) หลังความคาดหวังต่อการทยอยเปิดเมืองและเปิดประเทศ ค้ำตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยได้อยู่... สำหรับปัจจัยตลาดหุ้นวันนี้ยังคงเป็นกลาง โดยประเด็นบวกหลักยังคงเป็นข่าวทยอยเปิดเมืองในประเทศหลักๆ โดยในฝั่งสหรัฐฯ นั้น รัฐเทกซัสเป็นรัฐถัดไปที่จะเปิดภาคธุรกิจบางส่วน ขณะที่รัฐนิวยอร์กเตรียมทยอยเปิดธุรกิจอย่างช้าๆ ทีละเฟส เช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ ส่วนประเด็นการผ่อนคลายมาตรการภายในประเทศไทยนั้น แม้ว่า ศบค. มีมติขยายเวลา พรก.ฉุกเฉิน / การเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน / รวมทั้งการห้ามอากาศยานบินเข้าประเทศไทย ไปถึงสิ้น พ.ค. แต่ประเด็นการผ่อนผันให้ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าบางประเภทเปิดทำการได้ในวันที่ 4 พ.ค. นั้น น่าจะหนุนจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นที่เชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีก ห้างร้าน เป็นต้น (ทั้งนี้ต้องรอ ครม. พิจารณาข้อเสนอของ ศบค. ทั้งหมดในวันนี้)... อย่างไรก็ดี ทางขึ้นของดัชนีฯ น่าจะถูกจำกัดโดย valuations ของตลาดหุ้นที่อยู่ในระดับสูงมาก น่าจะทำให้ความผันผวนอยู่ในระดับสูงต่อไป ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มด้อยกว่าตลาดโดยรวม หลังจากราคาน้ำมัน WTi ร่วงหนักถึง 25% เมื่อคืนนี้ ตามรายงานข่าวว่าคลังน้ำมันที่เมืองคุชชิงใกล้เต็มแล้ว ขณะที่การลดปริมาณผลิตน้ำมันของชาติต่างๆ ยังไม่สามารถทำให้อุปทานส่วนเกินหมดไปในช่วงที่อุปสงค์น้ำมันหดตัวรุนแรงจาก Covid-19
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร CPN*, CPF*
CPN* (เป้าพื้นฐาน 56.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 48 บาท / แนวต้าน 50 บาท หาก Breakout ผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 52 - 56 บาท (Stop loss 46 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจาก การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ลุ้นที่ประชุม ครม วันนี้พิจารณาเริ่มเปิดห้างสรรพสินค้าในวันที่ 4 พ.ค.นี้ โดยสมมติฐานของฝ่ายวิจัยฯคือปิดห้างถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้
CPF* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 27 บาท / แนวต้าน 29 - 30 บาท (Trailing stop 26.5 บาท) 2) คาดรับอานิสงส์การส่งออกเนื้อไก่ในตลาดโลก หลังผู้ผลิตในประเทศบราซิลเริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยประเมินคำสั่งซื้อจะโตแรงช่วง 3Q63 (เราคาดเป็น High Season + สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของประเทศลูกค้าทั้งยุโรป ญี่ปุ่นเริ่มดีขึ้น และตลาดจีน) 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดผลการดำเนินงาน 1Q63 = 4.65 พันล้านบาท (+8.7% YoY, +16% QoQ)
หุ้นมีข่าว
(+BA,BTS*,STEC*) "อุตตม"เร่งเครื่องอู่ตะเภา ลงนามBBSเดือนพ.ค.นี้ (ผู้จัดการรายวัน 360) "อุตตม" ในฐานะประธาน กบอ. เห็นชอบเสนอ กพอ.เคาะผลคัดเลือก การเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุน หลังกองทัพเรือเลือกกลุ่มกิจการร่วมค้า BBS เป็นผู้พัฒนาโครงการสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก คาดลงนามได้ภายใน พ.ค.นี้ ความเห็น :เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว โดยหากการลงนามสัญญาโครงการดังกล่าว จะทำให้ STEC ได้backlog จากเฟสแรกของโครงการนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จาก backlog ปัจจุบันที่ 7.8 หมื่นลบ. โดยคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) และมีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี นายกฯ เป็นประธาน พิจารณาผลการคัดเลือก การเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุนที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อที่จะลงนามสัญญาร่วมทุนกับเอกชนต่อไป ซึ่งคาดว่าจะลงนามได้ภายในเดือน พ.ค.นี้STEC ด้วยราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 21.40 บาท โดยหากการก่อสร้างเริ่มได้ในช่วง 2H63 จะทำให้มี earnings upside จากประมาณการของเราราว 4.0%
(+) JMART กางเป้า 5 ปี พอร์ตสินเชื่อ 'หมื่นล.' (กรุงเทพธุรกิจ) "กลุ่มเจมาร์ท" จับมือพันธมิตรเกาหลีใต้รุกธุรกิจสินเชื่อบุคคล-บัตรเครดิต ตั้งเป้า 5 ปี พอร์ตแตะ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบัน อยู่ที่ 2.7-2.8 พันล้านบาท ด้าน "อดิศักดิ์" มั่นใจกำไรปีนี้โตตามเป้า 25%
(+ CPF*, GFPT, TFG) ไก่ไทยบุกส่งออกตลาดจีน (ไทยโพสต์) นายกสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เผยสถานการณ์โควิดในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย ส่งผลดีต่อการส่งออก เล็งตลาดจีนเป็นหลัก หลังประกาศขึ้นทะเบียนโรงเชือดสัตว์ปีกไทยอีก 7 โรงงาน คาดเริ่มมีคำสั่งซื้อช่วง Q3/63 ชี้ความต้องการบริโภคสูง เชื่อดันการส่งออก ปีนี้ที่ 9.5-9.6 แสนตัน
(+) คลังไฟเขียว "วายุภักษ์" เก็บหุ้นแบงค์ TMB* เพิ่ม (ข่าวหุ้น) คลังเห็นชอบให้กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง เก็บหุ้น TMB* เพิ่ม กำหนดวงเงินกว่าพันล้านบาท เช่นเดียวกับ TCAP* ที่เตรียมซื้อหุ้นเพิ่มเช่นกัน ด้านโบรกฯ ฟันธง TMB* กำไรปีนี้โตทุกไตรมาส พร้อมคาดทั้งปีเป๋าตุง 16,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% ยันโควิดกระทบเล็กน้อย ปัจจัยบวกอื้อ รายได้ค่าฟีพรูเด็นเชียลหนุน 2.3 พันล้าน รวมงบธนชาตเข้าเต็มปี ลดเงินนำส่งเข้า FIDF
(+) ก.พลังงานปลดล็อกกลุ่มโรงกลั่น เตรียมทยอยลดสำรองน้ำมันดิบเหลือ 4% (ข่าวหุ้น) กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน TOP*-PTTGC*-IRPC*-BCP*-ESSO*-SPRC* เตรียมทยอยปรับลดสำรองน้ำมันดิบเหลือ 4% เป็นเวลา 1 ปี หลังกรมธุรกิจพลังงานออกมาตรการบรรเทาผลกระทบพิษเศรษฐกิจซบ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63-30 มิ.ย. 64
(+) RBF ดีมานด์บริโภคล้น กดปุ่มโรงขนมปังอินโด (ทันหุ้น) ผู้กุมบังเหียน RBF ชี้ไตรมาส 2 รับผลบวก รัฐผ่อนคลาย Lockdown เร่งเครื่องเจรจาลูกค้า พร้อมกดปุ่มเดินเครื่องโรงงานผลิตเกล็ดขนัมปัง ในอินโดนีเซีย-เวียดนาม คงเป้ารายได้ปี 2563 เติบโต 10-12%
(+) IP ดึงพันธมิตรขยายฐานต่างแดน ปลื้มยอดขายวิตามินซีพุ่งขึ้น 5 เท่า (ทันหุ้น) IP จับมือพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา จำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขายที่ 10 ล้านบาท ชี้ความต้องการล้น ด้านผู้บริหาร "ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร" แย้มโควิด-19 ระบาด วิตามินซีรวมขายดี ยอดโต 4-5 เท่าตัว ส่งซิกผลงานไตรมาส 2 สดใส ปักธงรายได้ปี 63 มาตามนัดพุ่ง 25% โบรกดีดลูกคิดกำไรปี 63-64 แจ่ม คาดทำได้ 57.3 ล้านบาท และ 72.4 ล้านบาท ตามลำดับ
หุ้นที่แนะนำไปก่อนหน้า
INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 76 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 50 บาท)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 83 บาท) แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 66.5 บาท)
EP (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) ประเมินแนวรับ 3.26 บาท และ 3.20 บาท / แนวต้าน 3.40 - 3.56 บาท (Trailing stop 3.2 บาท) ... วันนี้ขึ้น XD ปันผล 0.20 บาท/หุ้น
JMART (เป้า Consensus 12.3 บาท) ประเมินแนวรับ 8.1 บาท และ 8.0 บาท / แนวต้าน 8.3 - 9.0 บาท (Trailing stop 7.8 บาท)
TFG (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ประเมินแนวรับ 3.66 บาท / แนวต้าน 3.86 - 4.0 บาท (Trailing stop 3.56 บาท)
BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) ประเมินแนวรับ 15.7 บาท / แนวต้าน 16.5 - 16.8 บาท (Trailing stop 15.3 บาท)
TOP* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) ประเมินแนวรับ 37.5 บาท / แนวต้าน 41.5 - 43.0 บาท (Trailing stop 37.5 บาท)
MTC* (เป้าพื้นฐาน 49 บาท) ประเมินแนวรับ 45 บาท / แนวต้าน 47 - 50 บาท (Trailing stop 43.5 บาท)
TMB* (เป้าพื้นฐาน 1.38 บาท) ประเมินแนวรับ 0.91 บาท / แนวต้าน 0.95 บาท หาก Breakout ผ่านได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 1.0 บาท (Stop loss 0.90 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DELTA* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 43 บาท รายงานกำไร 1Q63 = 856 ล้านบาท (-21% YoY, +124% QoQ) ดีกว่าคาด +16% และดีกว่า Consensus คาด +65% อย่างไรก็ดีหากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติจะเท่ากับ 638 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด -14% (ต่ำคาดในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น) ด้วย Upside จากราคาเหมาะสมที่จำกัด จึงแนะนำเพียง "ถือ"
WHA* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 3.1 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q63 = 50 ล้านบาท (-88% YoY, -96% QoQ) เมื่อพิจารณาแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังอ่อนแอ และ Upside เมื่อเทียบกับ Downside แล้วฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าอาจไม่คุ้มเสี่ยง จึงแนะนำเพียง "ถือ"
AMATA* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 15.6 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q63 = 144 ล้านบาท (-48% YoY, -41% QoQ) แม้แนวโน้มผลการดำเนินงานจะยังอ่อนแอ แต่เมื่อพิจารณาคุณภาพของงบดุล, แนวโน้มการฟื้นตัวในอนาคต, และ Upside แล้ว ฝ่ายวิจัยฯจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
IVL* แนะนำ "ขาย" เป้าพื้นฐาน 29 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุน -804 ล้านบาท (พลิกจากกำไรใน 1Q62 แต่ขาดทุนลดลงจาก 4Q62) ผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะแย่ลง YoY เป็นผลจากขาดทุนสต๊อก ขณะที่ผลการดำเนินงานที่คาดจะดีขึ้น YoY เป็นผลจากการไม่มีรายการพิเศษเช่นใน 4Q62 และเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของบริษัทที่เพิ่งซื้อเข้ามาเมื่อต้นปี 2563 (Huntsman) คงคำแนะนำ "ขาย"
1 อดิศักดิ์ คำมูล
2 66.2658.8888 ต่อ 8843
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1261 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือรับ 1261 จุดได้นั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1261-1289 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1261 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1261-1231 จุด
แนวรับวันนี้: 1261/1244 แนวต้านวันนี้: 1275/1285
อัพเดตสินค้าโภคภัณฑ์ประจำสัปดาห์
Impact
ตลาดน้ำมันดิบ: อุปสงค์น้ำมันโลกลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 19% WoW เหลือ US$19.6/bbl เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดเป็นกังวลกับการที่อุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกหายไปประมาณ 25-30MBD จากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วกว่า 3.0 ล้านราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 2 แสนราย ในขณะที่สต็อกน้ำมันดิบเพื่อการพาณิชย์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 13 ติดต่อกันอีก 15.0 ล้านบาร์เรล WoW เป็น 518.6 ล้านบาร์เรล เกือบแตะสถิติสูงสุดที่ 535.5 ล้านบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2560 แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 100KBD WoW เหลือ 12.2MBD เนื่องจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 60 แท่น WoW เหลือ 378 แท่น ทั้งนี้จากรายงานฉบับเดือนเมษายนของ EIA คาดว่าผลผลิตน้ำมันดิบรายเดือนของสหรัฐจะลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบปีนี้ที่ประมาณ 11.0MBD ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะลดลงได้อีก 1.2MBD จากระดับปัจจุบันเนื่องจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันซาอุดิอาระเบียก็เริ่มลดการผลิตน้ำมันดิบลงจากประมาณ 12.0MBD มาอยู่ระดับที่ตกลงกันไว้ที่ 8.5MBD ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐก็ฟื้นตัวขึ้น 5% WoW เป็น 5.3MBD แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับปกติที่ 9.3MBD ในปี 2562 อย่างมาก
ตลาดโรงกลั่น: spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลลดลง WoW
GRM ในตลาดสิงคโปร์ลดลงถึง 65% WoW เหลือ US$0.7/bbl เนื่องจาก spread ของน้ำมันเครื่องบินลดลง WoW จาก US$2.9/bbl เหลือศูนย์ และ spread ของน้ำมันดีเซลก็ลดลง 22% WoW เหลือ US$7.3/bbl เพราะถูกกดดันจากปริมาณการเดินทางที่ลดลงทั้งโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม spread ของน้ำมันเบนซินดีขึ้น WoW จาก -US$0.8/bbl เป็น US$1.7/bbl จากฐานที่ต่ำมากในสัปดาห์ก่อน ในขณะเดียวกันเราเชื่อว่า base GRM ของโรงกลั่นในประเทศใน 2Q63 จะเพิ่มขึ้น QoQ เพราะต้นทุนน้ำมันดิบถูกลงเนื่องจาก i) ราคาน้ำมันดิบอยู่นในระดับต่ำ (ต่ำกว่า US$40/bbl) ในปัจจุบัน ii) crude premium ในเดือนพฤษภาคมลดลง ซึ่งทางซาอุดิอาระเบียได้ประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ให้ตลาดเอเซียโดยจะให้ discount US$7.3/bbl ลดเพิ่มอีก US$4.2/bbl จากเดือนเมษายน และ iii) ความคาดหวังว่า spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นจะเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ implied Thai GRM** ลดลง 25% WoW เหลือ US$2.3/bbl
ตลาดปิโตรเคมี: spread ของ HDPE ลดลง WoW
Spread ของ HDPE ลดลง 3% WoW เหลือ US$506/ton เนื่องจากต้นทุน naphtha แพงขึ้น ในขณะที่ราคา HDPE ทรงตัว WoW อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบสิบกว่าปีที่ US$710/ton ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิต olefins ที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบจะถูกกระทบมากขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ต่ำ สำหรับในตลาด aromatics นั้น spread ของ PX-over-condensate ฟื้นตัวขึ้น 26% WoW เป็น US$307/ton แต่อย่างไรก็ตาม spread ยังคงถูกกดดันจากอุปทาน PX ใหม่ 9.1MTA ที่จะเพิ่มเข้ามาในตลาดเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางในปี 2563
Indorama Ventures (IVL.BK/IVL TB)* ประมาณการ 1Q63: จะมีผลขาดทุนก้อนโตจากสต็อก
Impact
ขาดทุนสุทธิใน 1Q63F เนื่องจากมีผลขาดทุนก้อนใหญ่จากสต็อก
เราคาดว่า IVL จะขาดทุนสุทธิ 804 ล้านบาทใน 1Q63 จากที่มีกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาทใน 1Q62 แต่ดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาทใน 4Q62 โดยผลประกอบการที่แย่ลงอย่างมาก YoY เป็นเพราะมีผลขาดทุนจากสต็อกถึง 2.6 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนจากสต็อกแค่ 1.2 พันล้านบาท ใน 1Q62 หลังจากที่ราคา PX ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนวัตถุดิบลดลงถึง 13% QoQ เหลือ US$694/ton ใน 1Q63 แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่ดีขึ้น QoQ เป็นเพราะไม่ต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 404 ล้านบาทเหมือนใน 4Q62 และเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของธุรกิจ Oxides และ Derivatives ของ Huntsman ซึ่งบริษัทเข้าซื้อเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 นอกจากนี้ IVL ยังเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรง ethane cracker ในสหรัฐกำลังการผลิต 440KTA เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ดังนั้นเราจึงคาดว่าปริมาณยอดขายรวมของ IVL จะพุ่งขึ้นถึง 18% QoQ เป็น 3.38 ล้านตันใน 1Q63 ทั้งนี้ spread ของ PETในซีกโลกตะวันตกขยับเพิ่มขึ้น 7% QoQ เป็น US$234/ton และในซีกโลกตะวันออกก็พุ่งขึ้นถึง 23% QoQ เป็น US$135/ton เนื่องจากอุปสงค์แข็งแกร่งหลังจากผู้บริโภคแห่ซื้อตุนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารจากการระบาดของ COVID ในขณะที่ spread ของ PTA ยังต่ำอยู่ที่ US$191/ton ในซีกโลกตะวันตก และ US$81/ton ในซีกโลกตะวันออกใน 1Q63
เลื่อนกำหนดก่อสร้างโครงการ Corpus Christi
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม IVL แจ้ง SET ว่าได้เลื่อนกำหนดก่อสร้างโครงการ Corpus Christi ซึ่งบริษัทถือหุ้น 33.33% โดยโครงการนี้มีกำลังการผลิต PTA 1.3MTA และมีกำลังการผลิต PET 1.1MTA อย่างไรก็ตาม ประมาณการต้นทุนการก่อสร้างในปัจจุบันสูงกว่าประมาณการตอนที่ IVL เพิ่งซื้อหุ้นเสร็จอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นคณะกรรมการของ Joint Venture ระหว่าง IVL, Alpek, และ Far Eastern จึงตัดสินใจเลื่อนกำหนดก่อสร้างโครงการต่อออกไปจนสิ้นปี 2563 ซึ่งเราคาดว่ากำหนดเสร็จจะเลื่อนออกไปจากเดิมปี 2564-65 เป็น 2566 ในขณะเดียวกัน IVL ก็คาดว่าโครงการนี้จะไม่มีการจ่ายเงินลงทุนเพิ่มเติมในช่วงระหว่างปี 2563 อย่างไรก็ตาม เรามองบวกกับการเลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 อยู่ในขณะนี้
Valuation and action
เราคงคำแนะนำขาย และให้ราคาเป้าหมายที่ 29.00 บาท โดยอิงจาก EV/EBITDA ที่ 8.5x ซึ่งเราคิดว่าผลการดำเนินงานใน 1Q63 จะกดดันราคาหุ้น ในขณะที่เรายังเป็นห่วงอุปสงค์ของ PTA/PET ใน 2H63 ซึ่งจะถูกกระทบจาก COVID-19 ถึงแม้ว่าผลประกอบการใน 2Q63 จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เนื่องจาก i) ไม่มีผลขาดทุนก้อนใหญ่จากสต็อกเหมือนกับใน 1Q63 และ ii) ปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน PO/PG และ Oxyfuel ของ Huntsman เป็นเวลา 75 วันเหมือนใน 1Q63
Risks
ความผันผวนของ spread ของ MEG, PTA, PET และ Fiber
หุ้นแนะนำซื้อและขายทางเทคนิคระยะสั้นไม่เกิน 5 วันทำการ
ADVANC ซื้อ 200 แนวรับ 197.5 แนวต้าน 212 ขายขาดทุนหากปิดต่ำกว่า 197
BBL ซื้อ 101 แนวรับ 99 แนวต้าน 111 ขายขาดทุนหากปิดต่ำกว่า 98
KCE ซื้อ 14.6 แนวรับ 14.2 แนวต้าน 16.2 ขายขาดทุนหากปิดต่ำกว่า 14.1
PTT ซื้อ 34 แนวรับ 33.25 แนวต้าน 36.75 ขายขาดทุนหากปิดต่ำกว่า 33
SPRC ซื้อ 5.1 แนวรับ 4.92 แนวต้าน 5.5 ขายขาดทุนหากปิดต่ำกว่า 4.9
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web