- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 April 2020 14:58
- Hits: 1658
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-4-2020
“น้ำมันฟื้นตัว-ติดเชื้อไทยเพิ่มน้อย หวังคลายล็อกดาวน์”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DELTA (จากถือเป็นซื้อ)ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้รีบาวด์ช่วงบ่าย หลังไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ต่ำสุด ปิด +8.89 จุด ที่ 1261.81 จุด มูลค่าซื้อขาย 77 พันลบ. ก่อนหน้าดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีแรงขายหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับลงมาก และกลุ่มธนาคารที่กำไร 1Q63 น่าผิดหวัง เช่น KBANK แต่กลับมีแรงซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าคึกคัก เช่น GULF เพราะไม่ได้รับผลลบจากโควิด-19 ขายสุทธิสูง-ต่างประเทศ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายเป็น 153 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET ช่วงสั้นอาจมีโมเมนตัมรีบาวด์ต่อ น้ำมันฟื้นตัว สหรัฐผ่านร่างเยียวยา ปัจจัยบวกคือ น้ำมัน WTI วานนี้กลับมาฟื้นตัวได้ สหรัฐกับอิหร่านมีแนวโน้มตึงเครียด สต็อกน้ำมันสหรัฐลดลง คาดสภาผู้แทนสหรัฐฯผ่านร่างเงินเยียวยาถึง 4.8 แสนล้านเหรียญ ดาวโจนส์ตอบรับ +457 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบวกถ้วนหน้า น้ำมันฟิวเจอร์เช้านี้ปรับขึ้นเล็กน้อย ดัชนีกังวลลดลงเป็น 42 จุด ด้านไทยจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มทำยอดต่ำสุดใหม่เพียง 15 ราย และไทยก็พยายามผลิตวัคซีน มีจัดตั้งกรรมการขึ้นมา หากสำเร็จจะคลายล็อคดาวน์ ส่วนปัจจัยลบคือ ตัวเลขผู้ขอยื่นสินเชื่อจำนองที่สหรัฐลดลง ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกยังมาก ราคาทองคำปรับตัวขึ้นดี ยังเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช้านี้ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง และมูดี้ส์ปรับลดตราสารหนี้ไทยเป็น ‘เสถียรภาพ’ จากเดิม ‘บวก’ กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1240-1285 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ ทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,AP,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,VGI,DELTA กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท-CPALL,BJC,HMPRO บาทอ่อน-ส่งออกดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป BEM,BTS หากห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดได้ 1 พ.ค.63 จะดีกับศูนย์การค้าเช่น CPN, CPNREIT และพาณิชย์ เช่น COM7,HMPRO สื่อสาร เช่น ADVANC ติดตามกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวจะกลับมาหลังคลายล็อกดาวน์ เพราะจะมีผลกับหุ้น AOT สายการบิน และโรงแรม สัปดาห์หน้าอาจมีปล่อยกู้ซอฟท์โลนให้กลุ่มโรงแรม และสายการบิน ช่วยทำให้รอด แนวรับคือ 1235 หรือ1220 และแนวต้าน 1285-1300
# Stock Pick Today : BTS คลายล็อคดาวน์ กลับมาดีขึ้น คาดงบสิ้นปี มี.ค.63 จะออกมาอลังการณ์มาก เพราะบันทึกกำไรขาย Bayswater ถึง 3 พันล้านบาทแม้โดนไวรัสไป 1 เดือน อีกทั้งผู้โดยสารที่ลดมาก กระทบส่วนเดียว เพราะถือหุ้นใน BTSGIF เพียง 1 ใน 3 และมีส่วนธุรกิจที่ไม่กระทบคือ บริหารเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีรายได้คงที่ และรายได้ก่อสร้างและนำเข้ารถไฟฟ้า (E&M) ชมพู-เหลือง คาดหลังพ้นโควิดจะฟื้นกลับมาได้เร็ว แนะซื้อ ราคาพื้นฐาน 12.80 บาทการวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพยังบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ส่วนระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators ยังให้ภาพบวกเล็กๆ {“ปิดบวกแรง”เหนือ“SMA10วัน” (โดยยังติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่ “ค่าบวก” (มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1285 – 1300(แนวรับย่อย 1235 – 1200)
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Theme Report: สื่อสารไทยยุค 5G - “คาดในที่สุด ADVANC จะเป็นผู้ชนะในสนาม 5G”
Company Guide : DELTA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 47.00)
PTTGC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 33.00)
RPH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.00)
TASCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 22.00)
In The News : AOT : คาดงวดปี 63 (สิ้นสุดก.ย.63) จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารลดลงรุนแรง
ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ น้ำมัน : WTI ปิดพุ่ง $2.21 หรือ 19% หลัง"ทรัมป์"ขู่โจมตีเรืออิหร่าน,สหรัฐผลิตน้ำมันลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่ว่าจะยิงเรือปืนของอิหร่านทุกลำ หากก่อให้เกิดอันตรายต่อเรือสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นขานรับรายงานการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
# รายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลง 100,000 บาร์เรล สู่ระดับ 12.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 เม.ย.
+ สหรัฐ: คาดหวังสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติการเยียวยาวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์วันนี้
# นักลงทุนคาดหวังว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะให้การอนุมัติมาตรการเยียวยาวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสนับสนุนให้เพิ่มการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่า สภาผู้แทนราษฎรจะอนุมัติมาตรการดังกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างมาตรการฉบับนี้ไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
+ ยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว,ความหวังมาตรการกระตุ้นศก.
# ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น แม้นักลงทุนยังคงระมัดระวังกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากขึ้นได้เปิดเผยคาดการณ์งบการเงินที่น่ากังวล
-สหรัฐ: จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 0.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว
# สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ ระบุว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 0.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
-โควิด-19 : ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 2,600,000 ราย ตายกว่า 182,000 ราย
# ขณะนี้มีการจับตาดูว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกจะทะลุ 3,000,000 รายเมื่อใด หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 1,000,000 ราย สู่ 2,000,000 รายภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จากวันที่ 2 เม.ย.-15 เม.ย.
# ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (831,086) รองลงมาคือสเปน (208,389), อิตาลี (187,327),ฝรั่งเศส (159,877), เยอรมนี (149,771) และสหราชอาณาจักร (133,495)
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 456.94 จุด ราคาน้ำมันฟื้นตัว,คาดสภาผู้แทนฯไฟเขียวมาตรการเยียวยา
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน รวมทั้งความหวังที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะอนุมัติมาตรการวงเงินเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในสัปดาห์นี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างมาตรการดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $50.5 จากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย,ราคาน้ำมันฟื้น
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 50 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกที่เผชิญกับความไม่แน่นอนเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- • สหรัฐ: ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 15 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย
# ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวานนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 15 คนทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,826 คน จำนวนผู้ที่หายปวยแล้วรวมทั้งสิ้น 2,352 คน กลับบ้านเพิ่มขึ้นอีก 244 คนรักษาตัวอยู่ในรพ. 425 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 49 คน (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวก ถือว่าลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 19 ราย ถือว่าลดลงต่อเนื่อง และเป็นยอดต่ำสุดใหม่ (new low) มีโอกาสผ่อนคลาย lock down มากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับ SET และหลักทรัพย์กลุ่มที่กลับมาเปิดให้บริการ เช่น ศูนย์การค้าพาณิชย์ สนามบิน และสายการบิน เป็นต้น
+ อนุทิน" วางเป้า 3 เดือนผลิตวัคซีนโควิด-19 คืบหน้า ชงเสนอ สธ.คลายล็อคดาวน์ประเทศ
# นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาแผนการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยจะต้องมีการทดลองและต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอดจนการกระจายวัคซีนให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 3 เดือนหลังจากนี้
- มูดีส์ปรับลดเครดิตไทย เป็น'มีเสถียรภาพ’ รับผล โควิด
# มูดีส์ ปรับลดแนวโน้มอันดับผู้ออกตราสารหนี้ของรัฐบาลไทยจาก "เชิงบวก" เป็น "มีเสถียรภาพ" เหตุเศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- SCB EIC คาดการณ์มูลค่าส่งออกปี 63 ปรับตัวลงมากคือ -12.9%
# ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คงคาดการณ์มูลค่าส่งออกปี 63 ที่ -12.9% จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ล่าสุด ทั้งโลกมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 2.4ล้านคน และมีการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วในทั่วโลก จึงเป็นที่มาของมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อการหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจในหลายประเทศ ดังนั้น เศรษฐกิจโลกในปีนี้จึงมีแนวโน้มได้รับผลกระทบหนักต่อการระบาดของโควิด-19
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web