- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 April 2020 14:16
- Hits: 1547
บล.เออีซี : : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-4-2020
Market Outlook
- • วันนี้คาด SET Index รีบาวด์ต่อ จาก Sentiment บวกทั้งในและ ตปท. หลังสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ ทั่วโลกเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หนุนการเตรียมพร้อมกลับมาเปิดเศรษฐกิจหลังมาตรการ Lock down ขณะที่ในประเทศได้ปัจจัยหนุนจากการมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายของ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับหลังประกาศผ่านเว๊บไซต์ราชกิจจานุเบกษา หนุนความเชื่อมั่น และความต่อเนื่องในการเดินหน้าแก้ไขปัญหา และดูแลผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ได้ทันท่วงทีและมีความต่อเนื่อง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในวันที่ 1,235-1,275 จุด
- • Market Factor
- • (+) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ COVID-19 ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปมีแนวโน้มลดลง หลังสหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อวานนี้ที่ระดับ 2.5 หมื่นรายต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์และผู้ว่าการรัฐฯนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ แถลงในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
- • (+) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค. 63 หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ ลดลง อีกทั้งการทดสอบยาต้านไวรัส Remdesivir ที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences ให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจสามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างรวดเร็วและหายดีได้ คาดจะช่วยให้ความเชื่อมั่นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง
- • (+) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยตัวเลขมาตรการต่างๆ ทั่วโลกที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนเงิน 14 ล้านล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นมาตรการนโยบายการคลังราว 8 ล้านดอลลาร์และนโยบายการเงินราว 6 ล้านล้านดอลลาร์
- • (+) แม้จีนประกาศตัวเลข GDP ช่วง 1Q63 ออกมาที่ระดับ -6.8%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ -6.5%YoY แต่อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. ที่ระดับ -1.1%YoY จาก -13.5%YoY ในเดือน ก.พ. หลังมีการเปิดให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
- • (+) ประกาศราชกิจจานุเบกษา ฯให้มีผลบังคับใช้ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้าน ลบ. (กระทรวงการคลัง) และ พ.ร.ก.เพื่อออกซอฟท์โลน 5 แสน ลบ. และ พ.ร.ก. เพื่อจัดตั้งกองทุน BSF 4 แสน ลบ. (ธปท.) (ประชาติธุรกิจ)
- • (+) ปลัดกระทรวงการคลัง เผยผลการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบโควิด เห็นชอบเพิ่มเติมนอกจากกลุ่มอาชีพอิสระให้ครอบคลุมอีก 3 กลุ่ม ทั้ง เกษตรกร กลุ่มทำปศุสัตว์ และประมง (ประชาติธุรกิจ)
- • (-) โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผย ช่วง 1Q63 มีจำนวนโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ ที่มีขนาด 50 คน/ แรงม้าขึ้นไปปิดกิจการจำนวนทั้งสิ้น 212 โรงงาน เลิกจ้างงาน 8,967 คน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่เลิกกิจการสูงสุด ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์จากพืช และอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากปริมาณการส่งออกสินค้าอาหารสดมีปัญหาด้านการขนส่ง จากผลกระทบ COVID-19 และประเทศผู้นำเข้าชะลอคำสั่งซื้อ (ฐานเศรษฐกิจ)
- • (watch) ติดตามรายงานผลประกอบการของบริษัทฯจดทะเบียนกลุ่มธนาคาร ช่วง 1Q63
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 19 เม.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 32 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,765 ราย เสียชีวิต 47 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.95% (Unchg.DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.39%(-0.7% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.64% (-5.9% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 76.0 บ. หรือลดลง 25.4%YTD
- • Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 196.85 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 27,270.63 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 4,346.15 ลบ.MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 10,642.18 ลบ.
Investment Strategy
- • สัปดาห์นี้เราประเมิน SET รีบาวด์ต่อเนื่อง หลัง Sentiment ทั้งใน และตปท. ได้ปัจจัยหนุน ดังนี้ 1) สถานการณ์ COVID-19 เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งในสหรัฐฯ ประเทศในยูโรโซนเริ่มเพิ่มในอัตราชะลอตัวลง รวมถึงไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทรงตัวในระดับต่ำ 2) การเดินหน้ามาตรการกระตุ้น และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากบรรดาธนาคารกลาง และรัฐบาลจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก 3) การเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังผ่านระยะคุมเข้ม Lockdown ก่อนหน้า 4) ปัจจัยในประเทศ มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับตามแผนการดูแลผู้ได้รับผลกระทบฯ และเสริมสภาพคล่องทั้งตลาดสารหนี้และทุน อย่างไรก็ดี ติดตามการรายงานผลประกอบการบริษัทฯ เริ่มด้วยกลุ่มธนาคารที่คาดออกมาอ่อนตัวเป็นปัจจัยกดดันการรรีบาวด์สัปดาห์นี้ เรามองกรอบการเทรดในสัปดาห์นี้ที่ 1,220-1,320 จุด แนะเลือกเก็งกำไรช่วงสั้นตาม sentiment ตลาด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้
- • หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upsideจากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • หุ้นกลุ่มปันผลดี กำไรโต Dividend Play : TISCO จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยรอบผลประกอบการปี 2562 ประกาศจ่าย 7.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 9.7% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 เม.ย. 2563 นี้
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC ประเด็นทางการประกาศห้ามออกจากบ้านช่วงเวลา 22.00-04.00 น.และประกาศปิดร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ช่วงเวลา 24.00-05.00 น. “มองเป็นกลาง”เพราะช่วงนี้เป็นช่วงกักตัวอยู่บ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนปิดทำการทั้งหมด ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ใช้บริการน้อยอยู่แล้ว การปิดทำการช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนมาชดเชยรายได้ที่เสียไปได้ โดย BJC เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 จากยอดขายของธุรกิจ Health care ในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันเติบโตดี และธุรกิจบรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่ม MEDIA (ทีวี) : ประเด็น กสทช. มีมติปรับลดอัตราการนำส่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO Fee) สำหรับผู้ประกอบกิจการดิจิตอลทีวีและผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงแบบขั้นบันได หากอ้างอิงรายได้ปี2019 ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่จดทะเบียนในตลาดฯที่มีรายได้เกิน 1 พัน ลบ.จะได้ลดอัตรานำส่งจากเดิม 2% เหลือเพียง 0.75% เท่านั้น แนะเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรง และที่มีคอนเทนต์ดีในมือ WORK, BEC, MCOT
17-Apr-20 Change (pts.) 16-Apr-20
SET Index 1,239.24 39.09 1,200.15
SET50 Index 833.49 31.88 801.61
SET100 Index 1,823.48 67.75 1,755.73
High 1,239.52 Gainers 889
Low 1,218.57 Unchanged 321
Value (Bt m) 58,989.59 Losers 405
Volume (*000) 12,397,325
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.3 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -15.0
EV/EBITDA (x) 10.5 9.5 8.9
FWD PBV (x) 1.4 1.3 1.3
Dividend Yield (%) 3.4 3.8 4.2
ROE 7.5 8.3 8.7
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 17-Apr-20 WTD MTD YTD
Institution 4,346.15 5,969.66 10,642.17 36,715.58
Proprietary (31.60) 140.14 2,768.39 (4,581.63)
Foreign (196.85) (9,038.05) (27,270.62) (142,625.53)
Individual (4,117.70) 2,928.25 13,860.06 110,491.58
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web