- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 April 2020 11:07
- Hits: 2239
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-4-2020
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate and DCA on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับฐานลงต่อเนื่องโดยปิดลบแรงถึง 35.95 จุด ณ สิ้นวัน ลงมาทดสอบแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,200 จุดอีกครั้ง โดยแรงขายหลักมาจากฝั่งสถาบันในประเทศที่พลิกมาขายสุทธิสูงถึง 4.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องอีก 2.3 พันลบ. (สถานะของต่างชาติใน Index Futures วานนี้ไม่มีนัยยะ)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้นโดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ที่ 1,180-1,230 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้นแม้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯจะยังสูงกว่าคาด แต่มีรายงานข่าวว่ายา Remdesivir ของบริษัท Gilead ได้ผลดีในการรักษา COVID19 รวมถึงหลายๆประเทศทยอยผ่อนปรนมาตรการ Lockdown อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามว่าหลังจากผ่อนปรนจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้งหรือไม่ รวมถึงต้องติดตามคือผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการ 1Q20 ของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่เช้านี้จีนจะประกาศ GDP 1Q20 (ตลาดคาด -6.5% Y-Y) เราแนะนำให้รอจังหวะสะสมหุ้นรอบใหม่ในช่วงตลาดพักฐานโดยเบื้องต้นประเมินระดับการพักตัวแรกบริเวณ 1,150-1,170 จุดบวกลบ
กลยุทธ์ : รอทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐานหลังทำกำไรไปแล้ว
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCH, BEM, CPALL, RBF, SFLEX
หุ้นเด่นวันนี้: CPALL
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท
- ร้าน 7-11 และ MAKRO แข็งแกร่งและยืดหยุ่นต่อภาวะศก. แม้จะคาดว่ากำไร 1Q20 -10% Q-Q, -4% Y-Y เพราะ COVID-19 และ TFRS16 และแนวโน้ม 2Q20 แย่ลง แต่แข็งแกร่งกว่าหลายธุรกิจ
- ฐานะทางการเงินแกร่ง มี Net IBD/E 1.5 เท่า ROE 25% และมีวงจรเงินสดติดลบสูงถึง 40 วัน
- คาดกำไรปีนี้ทำได้เพียงทรงตัว แต่ PE ปัจจุบันต่ำที่ 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 33-34 เท่า บริษัทแจ้งจ่ายปันผล 1.25 บ/หุ้น Yield 2% XD 29 เม.ย.
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นมาก US$1,013ล้าน โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้และไต้หวันสูงถึง US$406ล้านและ US$412ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยไหลออกอีก US$69ล้านมากที่สุดในกลุ่ม TIPS และไม่มีประเทศใดไหลเข้า อย่างไรก็ตามแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสชะลอการไหลออกหรือพลิกมาไหลเข้าหลังมีรายงานว่ายา Remdesivir ของบริษัท Gilead มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา COVID19
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) สัญญาณผู้ติดเชื้อโควิด-19 ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกแม้บางวันจะเพิ่มขึ้นแต่ดีขึ้นกว่าหลายสัปดาห์ก่อนหน้า จนดูว่าช่วงที่แย่ที่สุดกำลังจะผ่านไป หลายประเทศในยุโรปเริ่มทยอยเปิดสถานที่ ล่าสุดเยอรมนีเตรียมให้ธุรกิจขนาดเล็กกลับมาทยอยเปิด 20 เม.ย. ส่วนอังกฤษขยายเวลา lockdown แต่ได้รับเสียงเรียกร้องให้เปิด
(-) ตัวเลขศก.สหรัฐแย่กว่าคาด ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่ม 5.245 ล้านรายในสัปดาห์สิ้นสุด 11 เม.ย. ทำให้ยอดสะสม 4 สัปดาห์เป็น 22 ล้านราย อัตราว่างงานอาจสูงถึง 17% สูงกว่าวิกฤตการเงินปี 2009 ขณะที่ปธน.ทรัมป์เตรียมเปิดศก.เร็วๆนี้
(+) CPF ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากที่ Smithfield ผู้ผลิตเนื้อหมูรายใหญ่สุดของสหรัฐปิดรง. 1 แห่งเพราะแรงงานติด COVID-19 CPF มีบ.ร่วมคือ Hylife ที่แคนาดา (ถือ 50%) สามารถส่งออกหมูแทน Smithfield ได้ เรายังคงเป้า CPF 36 บาท แนะซื้อ
(-) BJC ถูกกระทบจาก COVID-19 มากกว่าที่เคยคาด SSSG ติดลบมากขึ้นเป็น -5% Y-Y จากการปิดให้บริการโซน Non-Food และพื้นที่เช่า กระทบจำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลง ล่าสุดปิดให้บริการไปราว 129 สาขา คิดเป็น 85% ของจำนวนสาขา HM ทั้งหมด แนวโน้มกำไรแย่ลงต่อใน 2Q20 SSSG 2 สัปดาห์แรกของ เม.ย. ติดลบมากขึ้นเป็น -10-20% Y-Y ธุรกิจ Packaging จะชะลอจากการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดือนนี้ เม.ย. เราคาดกำไร 1Q20 ราว 1.35-1.40 พันลบ. ลด 7-10% Q-Q และ Y-Y คาดกำไรทั้งปี -13% Y-Y คงเป้า 46 บาท ทยอยซื้อลงทุนเมื่ออ่อนตัว
(0) DRT ภาพรวม 1Q20 ชะลอจากการปิดสาขา Modern Trade เดือน มี.ค. ช่องทางดังกล่าวเป็น 18% ของรายได้รวม และการขายโครงการอสังหาฯหดตัว แต่ชดเชยได้จากการเติบโตของช่องทางตัวแทนจำหน่าย (สัดส่วนหลักราว 50%) และส่งออกที่โต 2-5% Y-Y กำไร 1Q20 น่าจะดีกว่าตลาดวัสดุก่อสร้างอื่นๆเพราะกระจายสินค้าและช่องทางขายหลากหลาย ทำ product mix ได้ดีและคุมต้นทุนดี เราคาดกำไรปกติ 145 ลบ. +49% Q-Q, -12% Y-Y กำไรสุทธิคาด +49% Q-Q, -31% Y-Y เพราะ 1Q19 มีกำไรขายที่ดิน แต่ 2Q20 จะแย่ลงเพราะการ lockdown คาดกำไรปกติทั้งปี -6% Y-Y เป็น 495 ลบ. คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท ปัจจุบันเทรดที่ PE 9.4 เท่า (ค่าเฉลี่ย -1.75SD) และคาด Dividend yield 7% ต่อปี
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 33.33 จุด ปิดที่ 23,537.68 จุด หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ รวมถึงความคาดหวังว่ารัฐบาลสหรัฐจะประกาศเปิดเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับขึ้นเป็น 5.245 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 5 ล้านราย แต่ต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนที่ 6.615 ล้านราย
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังยอดผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 ในสเปนและอิตาลีลดลง รวมถึงความคาดหวังว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว หลังประเทศต่างๆ กำลังพิจารณาหรือเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ท่ามกลางนักลงทุนติดตามจีนรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน 1Q20 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า -6.5% จากปีก่อน รวมถึงข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค. เช้านี้ เวลา 9.00 น.ตามเวลาไทย
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดทรงตัวที่ 19.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,731.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1021.69 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17-24 เม.ย. - ไทย: ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ 1Q20
17 เม.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (มี.ค.)
- จีน: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -10.0% Q-Q, -5.9% Y-Y)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
21 เม.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (เม.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (มี.ค.)
22 เม.ย. - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (มี.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web