- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 April 2020 14:00
- Hits: 1603
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-4-2020
“เศรษฐกิจ-กำไรสหรัฐแย่ น้ำมันดิ่ง แต่ไทยรอพรก.กู้เงิน”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HANA (จาก ถือ เป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ดิ่งลง กังวล IMF และรัฐจ่ายเงิน 5 พันได้เดือนเดียว ปิด -20.25 จุด ที่ 1236.10 จุด มูลค่าซื้อขาย 69.4 พันลบ.ช่วงเช้า sideways เชิงลบจากIMFเตือนวิกฤคเศรษฐกิจโลกแต่ช่วงบ่ายมีแรงขายมากหลังนายกฯกล่าวรัฐจะมีเงินงบประมาณปี 63 จ่ายได้ 1 เดือน ส่วนที่เหลือรอพรก.กู้เงิน ตลาดยุโรปร่วง ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับลงมาก ขายสุทธิสูง-ต่างชาติ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 140 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีแนวโน้มถูกขายต่อ ตัวเลขเศรษฐกิจ-กำไรธนาคารของสหรัฐไม่สดใส น้ำมันร่วง ปัจจัยลบจากต่างประเทศมีมาก วิตกผลประกอบการหลังธนาคารขนาดใหญ่สหรัฐปรับลงมาก ตัวเลขเศรษฐกิจยอดค้าปลีกและดัชนีการผลิตสหรัฐต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ น้ำมันสปอตวานนี้ WTI ลงไปต่ำกว่า 20 เหรียญกังวลน้ำมันล้นตลาด อุปสงค์ทรุดตัว ดาวโจนส์วานนี้ดิ่งลงถึง 445 จุด ด้านดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ยังลดลงราว 200 จุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้เปิดมาลบถ้วนหน้า นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยบอนด์ยิลด์ต่ำลง 10 ปีเหลือเพียง 0.654% ดัชนีความกังวลเพิ่มเป็น 40.8 ด้านไทยกลุ่มธนาคารประเดิมประกาศงบ 1Q63 ก่อน คาดว่าไม่สดใสทั้งกลุ่ม -9.4% y-o-y ส่วน AOT ประกาศขยายเวลาปิดไม่ให้อากาศยานเข้าไทยต่อถึง 30 เม.ย.63 สำหรับปัจจัยบวกคือ จำนวนผู้ติดเชื้อไทยเพิ่มยังเป็นตัวเลข 2 หลัก ลุ้นห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิด พ.ค.ได้ไหม มีความเข้าใจเรื่องจ่ายเงิน 5 พันครบ 3 เดือนมากขึ้น ต้องรอพรก.กู้เงิน บอร์ดร่วมทุนรัฐบาล-เอกชน (PPP) วางงบ 1.09 ล้านล้านบาทถึงปี 70 และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ WTI เพิ่มกลับมายืนเหนือ 20 เหรียญได้อีกครั้ง กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไวเล่นรอบรีบาวด์ โดยเฉพาะเมื่อดัชนีอ่อนลง ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เน้นรายตัว หลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHGปันผลสูง-KKP,TISCO,AP,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC,VGI กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐแจก 5 พันบาท- CPALL,BJC,HMPRO บาทอ่อน-ส่งออกดี- CPF ขนส่ง- หุ้นปรับลงมากไป BEM,BTS แนวรับคือ 1200 หรือ 1190 แนวต้าน 1250-1260 และ Stop Loss ที่ต่ำกว่า 1230 จุด
# Stock Pick Today :
JASIF ธุรกิจมั่นคง มีผู้เช่าหลักคือ TTTB ปันผลสูง ภาระดอกเบี้ยจ่ายมีแนวโน้มลดลง หลังอัตราดอกเบี้ยในระบบอยู่ในทิศทางขาลงปัจจุบันกองทุนมีหนี้สินจากการซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนฯรอบที่ 2 ในช่วงที่ผ่านมาราว 1.5 หมื่นล้านบาท และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทุกๆ 0.25% จะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายกองทุนลดลง 40 ล้านบาท แนะนำเป็นซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 9.60 บาท (WACC 7.5%) ณ ราคาหุ้นปัจจุบันให้ Dividend yield ปี 63F สูงที่ 11%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ แต่ก็อาจมีรีบาวด์สั้นๆได้ ส่วนระยะกลางยังเป็นโครงสร้างขาลงกดดัน ระยะสั้น สัญญาณCandlestick & Indicators เปลี่ยนมาให้ภาพลบเล็กๆ {“ปิดลบค่อนข้างมาก”เหนือ“SMA10วัน” (โดยยังติด“แนวต้านสำคัญ” และมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีSMA10วัน“หนุน”) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้
แนวต้าน 1250 – 1260 (หรือ 1270) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1230” (แนวรับย่อย “1200 / 1190 – 1180”)} กลยุทธ์ “เก็งกำไรสั้นๆ”
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : HANA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 25.75)
In The News : ภาพรวม : กลุ่มประเทศใน G20 ประกาศอัดฉีดเงิน 7 ล้านล้านดอลลาร์เข้าเศรษฐกิจโลกรับมือโควิด
กลุ่มพลังงาน : อุปสงค์น้ำมันดิบปี 63 ลดลงมาก...ล้างส่วนเพิ่มสะสมใน 10 ปีที่ผ่านมา
สหรัฐ : ผลประกอบการหุ้นแบงค์ในสหรัฐงวด 1Q63 ร่วงแรง
ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
# นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ดิ่งลง46% สู่ระดับ 3.11 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.35 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยกำไรร่วงลง 45% สู่ระดับ 40 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46 เซนต์/หุ้น เนื่องจากธนาคารต้องเพิ่มการกันสำรองสำหรับหนี้เสียจำนวน 3.6 พันล้านดอลลาร์ ทางด้านซิตี้กรุ๊ปรายงานผลกำไรทรุดตัวลง 46% สู่ระดับ1.05 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 1 ปีนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 1.87 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารต้องเพิ่มการกันสำรองสำหรับหนี้เสีย
-สหรัฐ: ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 8.7% ในเดือนมี.ค.ต่ำสุดตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูล ผลจากโควิด-19
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 8.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 8.0%หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.พ.ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง ซึ่งทำให้ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันดิ่งลง
-สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิต ดิ่งลงแตะระดับ -78.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงแตะระดับ -78.2ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -32.5
# นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตยังปรับตัวต่ำกว่าระดับ -34.3 ที่ทำไว้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน ในบรรดาบริษัทที่ได้รับการสำรวจ มีเพียง 7% ที่รายงานว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ขณะที่ 85% รายงานภาวะธุรกิจย่ำแย่ลง
- น้ำมัน: กังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่อุปสงค์ทรุดตัว น้ำมันดิบล่วงหน้าต่ำกว่า 20 ดอลลาร์แล้ว
# สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงเกือบ 2% หลุดระดับ 20 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยนักลงทุนกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาดขณะที่อุปสงค์ทรุดตัวลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันก่อนหน้านี้
- สหรัฐ: บอนด์ยีลด์สหรัฐต่ำสุดรอบกว่า 8 ปี นักลงทุนซื้อพันธบัตรลดความเสี่ยง
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปีในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีก และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของนิวยอร์กที่ทรุดตัวลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ณ เวลา 23.50 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 0.654%
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 445.41 จุด วิตกผลประกอบการทรุดตัว,ข้อมูลศก.สหรัฐย่ำแย่
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) หลังจากธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงโกลด์แมนแซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานผลกำไรที่ทรุดตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้ นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่หลายรายการ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ดิ่งลงอย่างหนักในเดือนมี.ค.อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในสหรัฐ
- ราคาน้ามัน: WTI ปิดลบ 24 เซนต์ หลัง IEA เตือนโควิด-19 ฉุดอุปสงค์น้ำมัน,กังวลสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) และทำสถิติปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปี หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนว่า วิกฤตการณ์จากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 12
- • ทองคำ: ปิดร่วง $28.7 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด,นักลงทุนขายทำกำไร
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ วานนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไทยเพิ่ม 30 ราย จำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,643 คน
# โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้น 30 คน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,643 คน จำนวนผู้ป่วยที่กลับบ้านได้แล้วรวมทั้งสิ้น 1,497 คน รักษาตัวอยู่ใน รพ.1,103 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 คน รวมเป็นผู้เสียชีวิตสะสม 43 คน
-/+ ตลาดฯกังวลมาตรการเยียวยา รัฐจะจ่ายได้เพียง 1 เดือน ที่ 5,000 บาท
# นายกฯกล่าวรัฐจะมีเงินงบประมาณปี 63 จ่ายได้ 1 เดือนที่ 5,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2 เดือน ต้องรอพรก.กู้เงิน ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติจาก ครม. ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ และร่างระเบียบการใช้งบประมาณ คาดว่าจะพ.ร.ก.จะมีผลบังคับใช้ เม.ย. และเริ่มการกู้เงิน พ.ค.63 เป็นการทำสัญญากู้เงินที่จะทยอยทำ และเน้นการกู้เงินในประเทศ
# ผลกระทบ: ต้องติดตาม หากมีความล่าช้าจากกำหนดการ ก็อาจจะทำให้มาตรการเยียวยาได้ผลน้อยลง เศรษฐกิจจะชะลอตัวกว่าที่คาดไว้
+ บอร์ด PPP เห็นชอบแผนจัดทำโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชนปี 63-70 มูลค่า 1.09 ล้านลบ.
# ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) เห็นชอบแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน พ.ศ. 2563 - 2570 (แผนการจัดทำโครงการ PPP) ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยมีรายการโครงการที่ประสงค์จะร่วมลงทุนทั้งหมดรวม 92 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมประมาณ1.09 ล้านล้านบาท เป็นโครงการร่วมลงทุนในกลุ่มที่มีความสำคัญ และความจำเป็นเร่งด่วน (High Priority PPP Project)จำนวน 18 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 472,049 ล้านบาท
# คาดว่าจะส่งผลดีกับหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการร่วมทุน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ ITD, CK และ STEC รวมทั้งผู้บริหารเดินรถ เช่น BTS, BEM เป็นต้น
-/• ติดตามผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยประกาศเป็นกลุ่มแรก ในระยะนี้
# คาดกำไรสุทธิ 1Q63F ของ 7 ธนาคารที่เราทำการวิเคราะห์ไว้ที่ 36.3 พันล้านบาท (-9.4%YoY, +3.9%QoQ) โดย TMBมีกำไรสุทธิเติบโต YoY และ QoQ เพราะทำงบการเงินรวมกับ TBANK ส่วนธนาคารอื่นๆ ไม่สดใสทั้งสินเชื่อและสำรองNPLs
# คาดกำไรสุทธิ 2Q63F จะอ่อนลงต่อ QoQ เพราะมีการลดดอกเบี้ยเงินกู้ แม้ว่าได้รับชดเชยจากการลดนำส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูจาก 0.46% เป็น 0.23% แต่ก็ลดกระทบไม่ได้ทั้งหมด รวมทั้งมีความเสี่ยงที่จะตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นในยามที่เศรษฐกิจถดถอยเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมมองว่ายังไม่ฟื้นในไตรมาสนี้
# คาดกำไรสุทธิทั้งปี 63F ของ 7 ธนาคารจะหดตัว -14% โดยธนาคารที่คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงมาก คือ -22% ถึง -23%คือ BBL, SCB ส่วน KTB ลดลง -15% ด้าน KBANK, KKP ลดลง -7%, TISCO -5%, TMB -2% Top Pick แนะนำซื้อTISCO
-AOT: ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ขยายเวลาจากเดิม
# ห้ามอากาศยานขนส่งโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน2563 เวลา 00.01 น.ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 23.59 น. ด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการคงความต่อเนื่องของมาตรการดังกล่าวต่อไปอีกเพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรค COVID-19 จากก่อนหน้า 7 เมษายน 2563 เวลา00.01 น. ถึงวันที่18 เมษายน 2563 เวลา 23.59 น.
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web