- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 April 2020 13:36
- Hits: 1856
บล.เออีซี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-4-2020
Market Outlook
- • วันนี้คาด SET Index มองแกว่งพักตัวในกรอบ 1,200-1,240 จุด โดยแม้ได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ของหลายประเทศในยุโรป สหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น อย่างไรก็ดีคาดถูกกลบด้วย Sentiment ลบ ตปท.หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาดมาก และประเด็นรายงานสต๊อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยกดดันจากรายงานผลประกอบการบริษัทฯ ในช่วง 1Q63 ที่มีแนวโน้มอ่อนตัว
- • Market Factor
- • (-) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกออกมาหดตัว 8.7%MoM หดตัวสูงสุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมาในปี 35 จากผลกระทบของมาตรการ Social distancing ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง
- • (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 1.2%DoD และ 6.6%DoD ตามลำดับ หลัง IEA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นที่ระดับ 19.248 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 11.676 ล้านบาร์เรลและมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 15.177 ล้านบาร์เรล
- • (+) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงสหรัฐฯได้ผ่านจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แล้วและจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง แม้จำนวนผู้เสียชีวิตวานนี้เร่งตัวขึ้นที่ระดับ 2,479 รายสูงสุดนับตั้งแต่เก็บสถิติ แต่อย่างไรก็ดีเป็นการนับเก็บตกจำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลรวมไปด้วย
- • (watch) จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดจะเป็นปัจจัยลบต่อเนื่องจากจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งรายสัปดาห์ ตลาดคาดยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติที่ระดับ 5.1 ล้านคน และใบขออนุญาตก่อสร้างบ้านที่เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจคาดหดตัว MoM
- • (+) ครม.เห็นชอบมาตรการเยียวยาชดเชยการเลิกจ้างผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ครอบคลุมกรณีนายจ้างหยุดกิจการเอง คาดใช้สิทธิ 1 ล้านคน กำหนดวงเงินไว้ราว 2.1หมื่นล้าน (ฐานเศรษฐกิจ)
- • (-) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศขยายระยะเวลาห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวจนถึง 30 เม.ย.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
- • (-) รายงานจาก Nielsen เผยภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาเดือนมี.ค.63 มีมูลค่า 10,136. ลบ. ลดลง 5%YoY รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยกลุ่มที่รับผลกระทบมากสุด คือกลุ่มท่องเที่ยวมีมูลค่าเม็ดเงินโฆษณา 1,049 ลบ. ลดลง 27%YoY และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 347 ลบ. ลดลง 26%YoY (ผู้จัดการออนไลน์)
- • รายงาน สธ.ประจำวันที่ 15 เม.ย.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 2,643 ราย เสียชีวิต 43 ราย
- • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยล่าสุดรุ่น 5 ปี อยู่ที่ 0.93% (-3.1%DoD) และรุ่น 10 ปี อยู่ที่ 1.38(-2.5% DoD) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 0.64% (-14.5% DoD)
- • ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 63 ที่ 101.9 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือ 76.8 บ. หรือลดลง 24.6%YTD
- • Update Flow เมื่อวันที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิ 3,331.97 ลบ.ส่งผล MTD. ขายสุทธิอยู่ที่ 24,818.59 ลบ. ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ 1,466.55 ลบ.MTD.ซื้อสุทธิรวมอยู่ที่ 10,769.17 ลบ.
Investment Strategy
- • สัปดาห์นี้เราประเมิน SET ยังผันผวนแต่มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลังได้ปัจจัยหนุน ดังนี้ 1) สถานการณ์ COVID-19 เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งในสหรัฐฯ ประเทศในยูโรโซนเริ่มเพิ่มในอัตราชะลอตัวลง รวมถึงไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ต่ำกว่าระดับ100 รายหลายวันติดต่อกันแล้ว 2) การเดินหน้ามาตรการกระตุ้น และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากบรรดาธนาคารกลาง และรัฐบาลจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก 3) รัสเซีย และซาอุฯ ตกลงยุติสงครามราคาน้ำมันด้วยข้อสรุปลดกำลังการผลิต 9.7ลบาเรลล์ต่อวันในช่วงสองเดือนหน้า 4) ปัจจัยในประเทศ ครม.เตรียมออกมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบฯเพิ่มเติมต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีปัจจุบันตลาดปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของปี 267จุด (+29%) สะท้อนความผ่อนคลายจากปัจจัยข้างต้นพอสมควรแล้ว ประกอบกับมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขผลประกอบช่วง 1Q63 ที่จะทยอยประกาศ โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร และตามด้วยบริษัทฯ อื่นที่คาดออกมาอ่อนตัวต่อเนื่องจนถึงช่วง 2Q63 เนื่องมาจากผลกระทบจากมาตรการ Lock down ทำให้อาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมาระหว่างสัปดาห์ เรามองกรอบการเทรดในสัปดาห์นี้ที่ 1,200-1,300 จุด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้
- • หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิ 4Q62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% YoY ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้ มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5X (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2X) ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04X นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%), SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%YoY ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upsideจากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน), CPALL (กำไรปกติ 4Q62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10%YoY, +8%QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร
- • กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3%YoY จากยอดขายที่โต 6.1%YoY และอัตราการทำกำรที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก 1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี และ 2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วง 4Q62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1%YoY คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ 2H63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11บ/หุ้น (Yield1.5%)
- • หุ้นกลุ่มปันผลดี กำไรโต Dividend Play : TISCO จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยรอบผลประกอบการปี 2562 ประกาศจ่าย 7.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 9.5% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 เม.ย. 2563 นี้
- • Trading Idea
- • กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC ประเด็นทางการประกาศห้ามออกจากบ้านช่วงเวลา 22.00-04.00 น.และประกาศปิดร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ช่วงเวลา 24.00-05.00 น. “มองเป็นกลาง”เพราะช่วงนี้เป็นช่วงกักตัวอยู่บ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนปิดทำการทั้งหมด ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ใช้บริการน้อยอยู่แล้ว การปิดทำการช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนมาชดเชยรายได้ที่เสียไปได้ โดย BJC เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 จากยอดขายของธุรกิจ Health care ในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันเติบโตดี และธุรกิจบรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
- • กลุ่ม MEDIA (ทีวี) : ประเด็น กสทช. มีมติปรับลดอัตราการนำส่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO Fee) สำหรับผู้ประกอบกิจการดิจิตอลทีวีและผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงแบบขั้นบันได หากอ้างอิงรายได้ปี2019 ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่จดทะเบียนในตลาดฯที่มีรายได้เกิน1พันลบจะได้ลดอัตรานำส่งจากเดิม2%เหลือเพียง0.75%เท่านั้น แนะเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรง และที่มีคอนเทนต์ดีในมือ WORK BEC MCOT
15-Apr-20 Change (pts.) 14-Apr-20
SET Index 1,236.10 -20.25 1,256.35
SET50 Index 828.38 -16.94 845.32
SET100 Index 1,815.18 -36.59 1,851.77
High 1,261.66 Gainers 491
Low 1,233.66 Unchanged 322
Value (Bt m) 69,418.86 Losers 868
Volume (*000) 14,429,586
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.1 13.5 13.5
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -15.1
EV/EBITDA (x) 10.6 9.6 9.0
FWD PBV (x) 1.4 1.3 1.3
Dividend Yield (%) 3.5 3.8 4.2
ROE 7.6 8.3 8.7
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 15-Apr-20 WTD MTD YTD
Institution 1,466.55 6,096.65 10,769.16 36,842.57
Proprietary (1,321.67) (437.18) 2,191.07 (5,158.95)
Foreign (3,331.97) (6,586.02) (24,818.58) (140,173.50)
Individual 3,187.09 926.55 11,858.35 108,489.88
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชัยรัตน์ คงสุนทร
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
Data Support / Secretary
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web