บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-4-2020

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Thursday, 16 April 2020 10:32; Hits: 2064

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-4-2020

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นวานนี้SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงครึ่งเช้าก่อนที่ช่วงบ่ายจะเริ่มมีแรงขายออกมาหนาแน่นและทำให้ดัชนีปิดลบ 20.25 จุด ณ สิ้นวันและย้อนลงต่ำกว่าระดับ 1,250 จุดอีกครั้ง แรงขายหลักยังคงมาจากนักลงทุนต่างชาติราว 3.3 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures เกือบ 1 หมื่นสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิอีก 1.5 พันลบ.

สำหรับแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index อยู่ในช่วงของการแกว่งตัวพักฐานโดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระยะนี้ที่ 1,200-1,250 จุด ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง รวมถึงตลาดเริ่มหันมาให้น้ำหนักกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของ COVID-19 ซึ่งกระทบ GDP โลกและกดดันกำไรของบริษัทจดทะเบียน 1Q20 ที่คาดไม่สดใสและจะยิ่งทรุดหนักใน 2Q20 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลายตัวออกมาแย่กว่าคาด (คืนนี้ติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตลาดคาดเพิ่มอีก 5.1 ล้านคน) ประกอบกับ Valuation ของ SET ณ ปัจจุบันเริ่มแพงโดยซื้อขายที่ระดับ 2020PER ที่ 16.1 เท่า (EPS Bloomberg Consensus ล่าสุดขยับลงเหลือ 76.8 บาท -10.1% Y-Y) จึงมองว่า Upside ของตลาดจำกัดในระยะนี้และมีโอกาสพักฐานเพื่อเปิดโอกาสในสะสมรอบใหม่

กลยุทธ์ : ยังเน้นขายทำกำไรช่วงตลาดปรับขึ้น//รอทยอยสะสมและทำ DCA ในช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. :BCH, BEM, CPALL, RBF, SFLEX

หุ้นเด่นวันนี้: PRM

- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท

- อัตราค่าระวางเรือ VLCC ซึ่งเป็นเรือ FSU ที่ PRM ใช้และมี 8 ลำ ยังคงผันผวนอยู่ในระดับสูงกว่าปกติมากโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงหลังประชุม OPEC+ ยิ่งทำให้ความต้องการเรือจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น แต่เรือมีจำกัด

- เราคาดกำไรปกติ 1Q20 สดใส +8% Q-Q, +29% Y-Y เป็น 286 ลบ. COVID-19 จะกระทบธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศใน 2Q20 แต่ธุรกิจนี้มีสัดส่วนเพียง 22% ของกำไรขั้นต้นรวม กำไรขั้นต้นหลัก 60% อยู่ที่ธุรกิจเรือ FSU ซึ่งมีโอกาสปรับราคาขึ้นในช่วงปลายปีเมื่อหมดสัญญาเก่า (1Q20 เรือ 3 ลำปรับราคาขึ้นแล้ว)

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลออกจากภูมิภาคอีกครั้ง US$289ล้าน โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและไทย US$128ล้านและ US$102ล้าน ตามลำดับ ไม่มีประเทศใดเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลออกโดยตลาดเริ่มให้น้ำหนักกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนจากการระบาด COVID-19 ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันกลับมาเร่งตัวขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ราคาน้ำมัน WTI ร่วงต่ำกว่า $20 IEA (สำนักงานพลังงานสากล) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกอาจลดลงมากถึง 29 ล้านบาร์เรล/วันในเดือน เม.ย. จากการ lockdown ใน 187 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 12 สัปดาห์ และสูงเป็นประวัติการณ์

(0) นายกฯแถลงหลังประชุม ครม. เงินที่ใช้ในการช่วยเหลือประชาชนจะมาจากหลายส่วน การรับโอนงบ 10% จากกระทรวงต่างๆต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภา คาดได้เงินก่อนนี้ราว มิ.ย. พรก.กู้เงิน 1 ล้านลบ. และพรก.ให้ธปท.ช่วยเหลือ SME และช่วยสภาพคล่องของตราสารหนี้เอกชน 9 แสนลบ. หลังจากกฤษฎีกาส่งเรื่องมายังครม.แล้ว จะนำขึ้นทูลเกล้าถวายและนำเข้าสู่ที่ประชุมสภา 22 พ.ค. นี้ จึงจะได้เงินพร้อมใช้ ส่วนการยกเลิกหรือ lockdown ต่อ จะประเมินในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือน เม.ย.

(+) ORI แม้ 1Q20 เปิดโครงการใหม่เพียงแนวราบ 2 แห่ง แต่ยอดขายยังอยู่ในเกณฑ์ดี 4.85 พันล้านบาท -1% Q-Q, -14% Y-Y จากการเน้นขายสต็อกและแนวราบใหม่ที่ได้รับการตอบรับดี ส่วนแนวโน้ม 1Q20 คาดอยู่ในระดับน่าพอใจ ทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย Y-Y จากการเริ่มโอนคอนโด JV ใหม่ 2 แห่ง แต่ลดลง Q-Q ตามฤดูกาล ส่วน 2Q20 จะถูกกระทบทางอ้อมจาก COVID-19 เราปรับกำไรทั้งปีลง 23% เป็น 2.3 พันลบ. -12% Y-Y ปรับราคาเปาหมายลงเป็น 6.4 บาทจากเดิม 8.6 บาท แต่ยังแนะนำซื้อ ปัจจุบันมี PE เพียง 5 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ย -1.5SD และคาด Dividend yield 8% ต่อปี

(0) ITEL เราคาดกำไร 1Q20 ที่ 32 ลบ. -31% Q-Q, -17% Y-Y จากรายได้งานติดตั้งโครงข่ายและธุรกิจ Data service ชะลอเพราะความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 และถูกกระทบจากการปิดสถานที่ต่างๆ ผลกระทบของ COVID-19 จะมากขึ้นใน 2Q20 เพราะเป็นอุปสรรคในการเข้าไปทำงานในบางสถานที่และเจรจางานกับลูกค้าได้ยากขึ้น แต่ธุรกิจจะฟืนกลับเร็วหลังสถานการณ์คลี่คลาย การงดจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2019 เป็นผลดีต่อสภาพคล่องของบริษัท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 12.5 เท่า PBV 1.1 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 2.90 บาท

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 445.41 ปิดที่ 23,504.35 จุด หลังการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของธนาคารใหญ่ใน 1Q20 ที่อ่อนแอ อาทิ โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลง 45-46% Y-Y และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด รวมถึงถูกกดดันจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.ที่ปรับลง 8.7% เทียบกับ -0.4% ในเดือนก.พ. ถือว่าหดตัวมากสุดนับตั้งแต่ปี 1992 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ -8% จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงการปรับลงของราคาน้ำมัน

(-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนติดตามออสเตรเลียรายงานอัตราว่างงานเดือนมี.ค.เช้านี้เวลา 8.30 ตามเวลาไทย

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 24 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 19.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนว่าวิกฤตการณ์จากแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก จากมาตรการจำกัดการเดินทาง และล็อกดาวน์ใน 187 ประเทศทั่วโลก รวมถึงถูกกดดันจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรายงาน และติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ถือว่ามากกว่าที่นักวิเคราะห์ไว้ว่าเพิ่ม 10.1 ล้านบาร์เรล

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 28.7 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 1740.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1021.69 / +4.10

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

17-24 เม.ย. - ไทย: ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ 1Q20

17 เม.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (มี.ค.)

- จีน: 1Q20 GDP (ตลาดคาด -10.0% Q-Q, -5.9% Y-Y)

- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟอ (มี.ค.)

21 เม.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (เม.ย.)

- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (มี.ค.)

22 เม.ย. - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (มี.ค.)

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077