- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 April 2020 15:02
- Hits: 1859
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-4-2020
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ... และน่าจะเหวี่ยงแรงตามระดับความสูง
KGI ประเมิน SET Index วันพุธปรับขึ้นต่อ และเช่นเดียวกับหลายวันที่ผ่านมา คาดว่าตลาดจะยังผันผวนแรง... ขณะที่เมื่อวานนี้ ดัชนีฯ บวกต่อ 1.58% ตามสถานการณ์ติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกที่เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว... สำหรับปัจจัยที่น่าจะหนุนตลาดหุ้นไปต่อในวันนี้ ได้แก่ i) จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศหลักๆ ที่เป็นศูนย์กลางการติดเชื้อในช่วงที่ผ่านมา เช่น สหรัฐฯ อิตาลี สเปน ยังคงลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมของโลกเริ่มนิ่งและมีโอกาสใกล้จุดสูงสุดแล้ว ii) จิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่แรลลี่ 3.1% เมื่อคืนนี้ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่าบางรัฐอาจกลับมาเปิดเศรษฐกิจและธุรกิจได้บางส่วนในวันที่ 1 พ.ค. นี้ และ iii) ความคาดหวังเกี่ยวกับการเปิดห้างร้าน ร้านค้า และการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เกิดขึ้นในไทยเช่นกัน หลังจาก ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทรงตัวแถว 20-30 รายมาหลายวัน น่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเว้นระยะทางสังคม (social distancing) ในช่วงก่อนหน้า... อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองเดิมว่าดัชนีฯ จะแกว่งขึ้นแต่เหวี่ยงแรง เพราะ i) ดัชนีฯ ขณะนี้เทรดที่ forward PE2563 สูงมากถึง 19.3 เท่า (อิง EPS ปีนี้ที่ 65) และเล่นบนมูลค่าปี 2564 ไปไกลพอสมควรแล้ว และ ii) หุ้นกลุ่มน้ำมันน่าจะอ่อนแอกว่าตลาด หลังจากราคาน้ำมัน WTi ลดลงแรง 7.6% ตามการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกของ IMF ซึ่งล่าสุด IMF คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้ -3.0% ก่อนฟื้นตัวแรงในปี 2564 (ดูเพิ่มเติมในความเห็นข่าวจากนักวิเคราะห์วันนี้)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร TFG, EPCO, BCPG*
TFG (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.40 บาท / แนวต้าน 3.60 - 3.80 บาท (Trailing stop 3.24 บาท) 2) เบื้องต้นประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 ยังเติบโตจาก ราคาเนื้อสัตว์ (หมู + ไก่) ที่ยังยืนสูง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ถั่วเหลือง + ข้าวโพด) อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง 3) ประเมินธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับที่ต่ำ (ธีมปัจจัย 4)
EPCO (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.04 บาท และ 3.0 บาท / แนวต้าน 3.30 - 3.40 บาท (Stop loss 2.9 บาท) 2) ประเมินธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ (กล่องลูกฟูก) รับอานิสงส์ยอดขายสินค้าออนไลน์โตเด่นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ชดเชยรายได้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ลดลง (ตามคาด) ... ล่าสุดได้ออเดอร์กล่องบรรจุภัณฑ์ธุรกิจกิจขนส่งเคอร์รี่ 3) ธุรกิจโรงไฟฟ้าอาจได้รับผลกระทบระยะสั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (เฉพาะโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าให้ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯเท่านั้น) ... XD ปันผล 0.20 บาท/หุ้น วันที่ 28 เม.ย.
BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 14.7 บาท และ 14.4 บาท / แนวต้าน 15.5 - 16.0 บาท (Trailing stop 13.7 บาท) 2) ประเมิน Valuation ไม่แพง PE ปีนี้ 12.7 เท่า, Dividend yield 5.0% ยังถูกเมื่อเทียบ i) กลุ่มโรงไฟฟ้า (PE เฉลี่ย >25 เท่า) และ ii) คาดกำไรปีนี้จะโต +30% YoY สวนตลาดฯ จากการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาวใน 4Q62 และ 1Q63 3) คาดยังมีการทยอยซื้อ + สร้างโรงไฟฟ้าอีกมากโดยเฉพาะในประเทศลาว ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและลม โดยเตรียมสายส่งไว้แล้วราว ?1,000 MW (สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยใช้สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ซื้อเข้ามาแล้วราว 114MW) ... ซึ่งปัจจุบัน BCPG* มีกำลังการผลิตที่ COD แล้วราว 450MW
หุ้นมีข่าว
(-) เศรษฐกิจโลกจะหดตัว 3% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินรุนแรงที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มหดตัว 3% ในปี 2020 ในทิศทางตรงกันข้าม ในเดือนม.ค. IMF คาดการณ์ถึงการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลก ที่ 3.3% ในปีนี้ นางกีตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดว่า "มีแนวโน้มอย่างยิ่งว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ซึ่งมากกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติทางการเงินโลกเมื่อ 1 ทศวรรษก่อน (Bisnews)
ความเห็น: เราคาดว่ารัฐบาลประเทศต่างๆทั่วโลกจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมากอีกและจะทำงบประมาณปี 2564 ขาดดุลในระดับที่สูงมากรวมทั้งธนาคารกลางทั่วโลกจะผ่อนคลายนโนบายการเงินลงอีกอย่างที่ไม่เคยเป็นมา มุมมองของ IMF เป็นไปในทิศทางเดียวกับประมาณการ GDP ปี 2563 ของเราที่คาดว่าจะหดตัว 8.4% และมูลค่าส่งออกจะหดตัว 8.3% การระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบ 3 ไตรมาสที่เป็นอย่างต่ำ คาดว่าจะจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่อีกก่อนสิ้น 3Q63 และคาดว่างบประมาณปี 2564 จะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 5-7% ของ GDP ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดลงจะส่งผลให้ กนง. ต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 25 bps ก่อนการประชุมวันที่ 24 มิถุนายน เหลือ 0.5% ทั้งรัฐบาลและ ธปท. ต้องผ่อนคลายเกณฑ์ต่าง ๆ ลงอีก และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีกก่อนสิ้นงวด 3Q63
(-) คลังเต้นปัดขาย THAI* ทิ้ง (ไทยโพสต์) ยันมีแผนฟื้นฟูเอง/เล็งออกหุ้นกู้-เพิ่มทุน "คลัง" ปัดรัวข่าวขายหุ้นบินไทยทิ้งให้ PTT*-AOT*-ออมสิน ออกโรงยันมีแผนชัดรัฐจะดำเนินการฟื้นฟูด้วยตัวเองทั้งหมด ยอมรับอยู่ระหว่างศึกษาออกหุ้นกู้-เพิ่มทุน พร้อมประกาศแผนฟื้นฟูเจ้าจำปีต้องแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ หวังสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย
(-) ถกค่ายมือถือลดราคาช่วยลูกค้า (ไทยรัฐ) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 เม.ย. จะเชิญผู้ให้บริการโทรคมนาคม 5 ราย คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท มาหารือถึงแนวทางการปรับลดอัตราค่าบริการลงเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
(+) TPIPP* ดึงพันธมิตรร่วมทุน สร้างท่าเรือ-นิคม-โรงไฟฟ้า (ทันหุ้น) TPIPP* เปิดแผนดึงพันธมิตรใน-นอกร่วมทุน 2 แสนล้านบาท ลุยสร้างเมืองต้นแบบอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึก-นิคม-โรงไฟฟ้า LNG ขนาด 1700 เมกะวัตต์ ในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ล่าสุดรอหน่วยงานรัฐเห็นชอบ
(+ STA) STGT ลุยอัพผลิตถุงมือยาง เล็งขายไอพีโอ 444.78 ล.หุ้น (ทันหุ้น) "ศรีตรังโกลฟส์ หรือ STGT" เล็งขาย IPO จำนวน 444.78 ล้านหุ้น เข้า SET ระดมทุนเพิ่มกำลังการผลิตเป็นกว่า 3 หมื่นล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2563 เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือยางท็อป 3 ของโลก และเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมถุงมือยางทั่วโลก ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการแพทย์ และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
(+) IMH ลั่นไตรมาส 1 สวย!รุกตรวจโควิด 850 บาท (ข่าวหุ้น) IMH แย้มไตรมาส 1/63 แจ่ม! รายได้ตรวจสุขภาพโต 30% หนุนทั้งปี 63 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% ล่าสุดวันนี้เปิดตัวบริการตรวจภูมิคุ้มกัน COVID-19 ทั้งแบบ Drive Thru และแบบบริการถึงบ้าน ในราคาเพียง 850 บาท หลังบริการพ่นฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้รับการตอบรับดี พร้อมเปิดให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
(+) BM เล็งผลิต-ขายตู้ฆ่าเชื้อโควิด รุกส่งออกอเมริกา-แบ็กล็อกอื้อ (ทันหุ้น) BM กางแผนเตรียมผลิตและจำหน่ายตู้ฆ่าเชื้อป้องกันไวรัสโควิด-19 คาดลงตลาดเร็วๆ นี้ เล็งส่งออกสินค้าให้ลูกค้าอเมริกา พร้อมยอมรับไวรัสโควิด-19 ฉุดยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า กอดแบ็กล็อกรอส่งมอบ 500 ล้านบาท ส่วนแผนร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น NITTO อาจล่าช้า คาดเดินเครื่องโรงงานใหม่ในปี 2564
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BEM* (เป้าพื้นฐาน 10 บาท) แนะนำ "Let profit run" กำหนด Trailing stop ล๊อกกำไรหากราคาต่ำกว่า 8.9 บาท
JMART (เป้า Consensus 12.3 บาท) ประเมินแนวรับ 6.8 บาท / แนวต้าน 7.25 - 7.5 บาท (Stop loss 6.0 บาท) ... XD ปันผล 0.24 บาท/หุ้น วันที่ 15 เม.ย.
RS* (เป้าพื้นฐาน 12.0 บาท) ประเมินแนวรับ 9.8 บาท / แนวต้าน 10.4 - 11.0 บาท (Trailing stop 9.8 บาท)
SCC* (เป้าพื้นฐาน 351 บาท) ประเมินแนวรับ 320 บาท / แนวต้าน 330 บาท (Trailing stop 320 บาท)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 83 บาท) ประเมินแนวรับ 63.75 บาท / แนวต้าน 66 - 67.25 บาท (Trailing stop 62.5 บาท)
INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 76 บาท) ประเมินแนวรับ 46.5 บาท / แนวต้าน 50 บาท (Trailing stop 46 บาท)
EGCO* (เป้าพื้นฐาน 370 บาท) ประเมินแนวรับ 250 บาท / แนวต้าน 260 - 280 บาท (Trailing stop 240 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
MTC* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 49 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q63 = 1.16 พันล้านบาท (3% QoQ และ +15% YoY) สำหรับมาตรการภาครัฐฯ 1) การจัดชั้น TDR เป็นสินเชื่อปกติ ทำให้ LLP ต่ำ 2) soft loan จากธนาคารออมสินเพื่อชดเชยกระแสเงินสดที่ลดลงจากการพักชำระหนี้ให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา 3) ค่าชดเชยการจ้างงาน 5,000 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินจะช่วยลดแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC*ไปได้อีกระยะหนึ่ง คงคำแนะนำ "ซื้อ"
COM7* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 22 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 1Q63 = 259 ล้านบาท (+3.5% YoY, -32.8% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากการขยายสาขาร้าน ในขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล คาดผลกระทบจากมาตรการสั่งปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ community mall ชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. จะกระทบต่อผลการดำเนินงาน 2Q63 แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะค่อยๆฟื้นในไตรมาสถัดไปได้ (2Q63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด) แต่ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นเร็วจนทำให้ Upside เริ่มจำกัด จึงแนะนำเพียง "ถือ"
STEC* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรจากการดำเนินงานหลักใน 1Q63 = 333 ล้านบาท (-2.9% YoY, -34.5% QoQ) โดยกำไรที่ทรงตัว YoY จะเป็นเพราะรายได้ และ equity income ที่เพิ่มขึ้นหักล้างไปกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะฐานสูงจาก equity income ของโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูและเหลือง เลือก STEC* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และมองว่าในระยะสั้น backlog ใหม่จะมาจากโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภา (2 หมื่นล้านบาท) รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย (2.5 พันล้านบาท) และ O&M ของมอเตอร์เวย์ (5-6 พันล้านบาท)
BEM* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 10 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 1Q63 = 332 ล้านบาท (-61.3% YoY, -36.3 % QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะปริมาณการจราจรบนทางด่วนเฉลี่ยรายวันลดลง และไม่มีรายได้ equity income ขณะที่คาดว่าผลประกอบการ 2Q63 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากถูกกระทบเต็ม ๆ จากนโยบาย "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และการลดชั่วโมงการทำงาน (รวมในประมาณการฯแล้ว) แต่ภาพรวมระยะยาวยังเชื่อว่าหากสถานการณ์กลับสู่ปกติได้ภายในปีนี้ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้เร็ว จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web