- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 April 2020 14:50
- Hits: 2599
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“โควิด-19ดีขึ้น-โอเปกเลื่อนประชุมแต่แนวโน้มจะสำเร็จ”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SCB (จาก Fully Valued เป็นถือ), BBL (จากซื้อเป็นถือ), TU (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์เจอแรงขายช่วงบ่าย แม้พลังงานปรับขึ้นดี ปิด +0.57 จุด ที่ 1138.84 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 60 พันลบ.SET แกว่งแคบคล้ายภูมิภาค ระหว่างวันไปทำไฮที่ 1156.59 จุด หนุนนำด้วยหุ้นพลังงาน หลังมีข่าวจะเจรจาลดการผลิต ยุติสงครามราคา และรองนายกฯสมคิดมีประชุมเยียวยา ระยะ 3 จะเข้าประชุมครม.ต่อไป ขายสุทธิมาก-ต่างประเทศ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 122 พันลบ.แล้ว
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นดี หลังตัวเลขโควิด-19 ดีขึ้น น้ำมันฟิวเจอร์ขยับขึ้น ปัจจัยบวกคือ ยอดผู้ติดเชื้อสหรัฐเพิ่มในอัตราลดลงยุโรปเสียชีวิตลดลง ดาวโจนส์สะท้อนข่าวปรับขึ้นถึง 1,627 จุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้สดใสปรับขึ้น ดัชนีกังวลลดลงเป็น 45 จุด ด้านไทย ยอดผู้ติดเชื้อวานนี้ลดลงเป็น 51 ราย ครม.จะมีมาตรการเยียวยารอบ 3 เน้นเศรษฐกิจไม่ให้แย่ และธปท.จะมีพรก.การเงิน ช่วยเหลือ SME ตราสารหนี้ และคุ้มครองเงินฝาก ปัจจัยลบคือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรลบครั้งแรกตั้งแต่ ก.ย.53 Morgan Stanly คาด GDP สหรัฐ 2Q63 จะ -38% ราคาน้ำมันสป็อตลดหลังเลื่อนประชุมไป 9 เม.ย. และยังเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยคือ ทองคำ ล่าสุดปรับเป้าหมาย SET Index ปี 63 เป็น 1161 จุด คาด EPS ปีนี้ -18% และให้Forward P/E เป้าหมายปีนี้ที่ 15.7 เท่า ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เน้นรายตัว หลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ Defensive- ADVANC,CHG ปันผลสูง-KKP,TISCO,AP,LH เติบโต-ฟื้นตัว- MTC,STEC กลุ่มพาณิชย์เด่นจากนโยบายรัฐ 5 พันบาท- CPALL,BJC,HMPRO,COM7 บาทอ่อน-ส่งออกดี- CPFแนวรับคือ 1070 หรือ 1000 แนวต้าน 1150-1160 และ Stop Loss ที่ต่ำกว่า 1120 จุด ด้านข่าวน่าสนใจคือ 1) หุ้นพลังงาน ต้องติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการลดกำลังการผลิตจะมากหรือไม่ หากน้อยอาจไม่พอกับอุปสงค์ที่ลดลงจากโควิด-19 2) หุ้นกลุ่มธนาคารมีแรงขายจากฟิทช์ลดอันดับเครดิต รัฐให้เข้าช่วยเหลือผู้กู้ และแนวโน้มกำไรออกมาไม่สดใส 3) หุ้นกลุ่มนิคมฯปรับขึ้นอาจเวียนกลุ่มเล่น หลังราคาปรับลงมาก จีนฟื้นตัวแต่รอไทยพร้อม แนะนำ ซื้อ AMATA,WHA และถือ ROJNA 4) วันนี้ปรับลดคำแนะนำและราคาพื้นฐาน TU เป็นเต็มมูลค่า ด้าน LPN ยังแนะนำเต็มมูลค่า แต่ปรับลดราคาพื้นฐานลงมาอีก
# Stock Pick Today : TOP ให้เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงกลั่น ทั้งนี้แม้จะคาดว่างวด 1Q63F จะขาดทุนสุทธิ เพราะขาดทุนสต็อก, ค่าการกลั่นต่ำ แต่เราชอบTOP ที่มี Fuel loss ต่ำเพียง 2 US$/bbl (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 3.8 US$/bbl) แต่ช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ขาดทุนจากสต็อคจะลดน้อยลง หรือกลับมามีกำไรในช่วง2Q63 ได้ อีกทั้งมี Cash cost ต่ำที่ 1.3-1.4 US$/bbl (เฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 1.8-2.1 US$/bbl) ราคาพื้นฐานเป็น 41 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 0.69 เท่า (-3SD)การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ยังเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์ต่อ แต่ระยะกลางยังเป็นโครงสร้างลบ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นแค่บวกเล็กๆ {“ปิดบวก(แต่“ปิดต่ำ”)เหนือ“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีสภาวะOversold + Divergence + SMA10วัน “หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1150 – 1160 (หรือ1180) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1120” (แนวรับ “1070 หรือ 1000 – 950”)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ :ฟิทช์ เรทติ้งส์ลดเครดิตธ.พ.ไทยเป็น BBB (เดิม BBB+)
Industry Focus : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ธุรกิจอยู่ในความท้าทายมาก
Company Guide : BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.52)
LPN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 2.40)
TU (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 12.30)
Flash Note : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 232.00)
Turnover List Watch : ศุกร์ที่ผ่านมาไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่มชะลอ ยอดผู้เสียชีวิตลดลง
# ข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์เผยให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงแตะ 8.2% จาก12.3% นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตในรัฐนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 594 ราย น้อยกว่าตัวเลขในวันเสาร์ซึ่งอยู่ที่ 630 ราย และนับเป็นครั้งแรกที่ยอดผู้เสียชีวิตในรัฐนิวยอร์กปรับตัวลดลง
+ ยุโรป: สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นทั้งอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส
# สถานการณ์ในยุโรปก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเช่นกัน โดยอิตาลีมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ ด้านสเปนมีผู้เสียชีวิตลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน ส่วนฝรั่งเศสรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในรอบห้าวัน
-สหรัฐ: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่ง ปรับตัวลงครั้งแรกตั้งแต่ ก.ย. 2553
# กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลงเพียง 10,000 ตำแหน่ง จากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ อันเนื่องมาจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
# ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.7% หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
- สหรัฐ: มอร์แกน สแตนลีย์คาด GDP 2Q63 หดตัวรุนแรง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ มี.ค.ร่วงมาก
# นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ จะหดตัวลง 38%ในไตรมาส 2/2563
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 39.8 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 49.4 ในเดือนก.พ.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1,627.46 จุด รับความหวังสถานการณ์โควิด-19 ใกล้ถึงจุดสูงสุด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 1,600 จุดเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใกล้จะถึงจุดสูงสุด หลังจากข้อมูลเผยให้เห็นว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐและหลายประเทศในยุโรป ชะลอตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
-/+ ราคาน้ำมัน: WTI ปิดร่วง $2.26 หลังโอเปก-รัสเซียเลื่อนการประชุม แต่คาดว่าจะปิดดีลได้
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 8% เมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรซึ่งนำโดยรัสเซีย หรือ โอเปกพลัส ได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมที่เดิมจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ไปเป็นวันที่ 9 เม.ย.
# อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวได้ออกมาเปิดเผยภายหลังว่า บรรยากาศในการเจรจานั้นยังค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี เพียงแค่ยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับระดับที่จะใช้อ้างอิงในการปรับลดการผลิต
- • ทองคำ: พุ่งขึ้น 48.2 ดอลลาร์ หรือ 2.93% ปิดที่ 1,693.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.2555
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- • สหรัฐ: ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ., รายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ โควิด-19: ทั่วโลกติดเชื้อเพิ่ม แต่ไทยติดเชื้อเพิ่มน้อยลง วานนี้ 51 ราย
# ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานข้อมูลล่าสุดว่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 1,341,907 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะ 74,476 ราย
# นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 51 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วนยืนยันติดเชื้อสะสมรวม 2,220 ราย ใน 66 จังหวัด เสียชีวิตรวม 26 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 793 ราย
+ ที่ประชุม ครม. นัดพิเศษวันศุกร์ เห็นชอบมาตรการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจระยะ 3 ชุดใหญ่
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษในวันนี้ เห็นชอบมาตรการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจระยะ 3 ชุดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกมิติในระยะ 6 เดือน มีทั้งการดูแลเยียวยาประชาชน, การดูแลเศรษฐกิจในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าไม่ให้หยุดนิ่ง และการรักษาระบบเศรษฐกิจเพื่อให้กลไกทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปได้ ทั้งหมดนี้วงเงินที่ใช้อาจจะมีความใกล้เคียงกับรัฐบาลของประเทศอื่นๆ ได้ดำเนินการ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP
+ ธปท.เตรียมเสนอมาตรการออก พ.ร.ก.ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ตราสารหนี้เอกชน ขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก
# ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมเสนอมาตรการออก พ.ร.ก.เพื่อจัดทำโครงการซอฟท์โลนพิเศษโดยตรงให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วยเงินของ ธปท.เอง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโครงการสินเชื่อของธนาคารออมสินที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอีขนาดเล็ก, การออก พ.ร.ก.เพื่อจัดทำมาตรการสร้างหลังพิงให้กับตลาดตราสารหนี้เอกชนเพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้, มาตรการขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝาก เสนอให้ยืดระยะเวลาออก 1 ปี, ลดการนำเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เหลือ 0.23% ในระยะเวลา 2 ปี ให้คณะรัฐมตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการในวันที่ 7 เม.ย.นี้
-ธนาคารพาณิชย์ : ฟิทช์ลดอันดับเครดิตของหลายธนาคาร ศุกร์ที่ผ่านมา เช่น KBANK, BBL และ SCB
# บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ภาคการธนาคารไทยอยู่ในช่วงที่วัฎจักรของธุรกิจค่อนข้างมีความท้าทายสูง ผลการดำเนินงานของภาคการธนาคารได้มีการปรับตัวอ่อนแออย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซบเซา ระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำต่อเนื่อง และการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งส่งผลให้รายได้เติบโตในระดับที่ลดลง ปัญหาของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันอย่างมากยิ่งขึ้น
-/• AMA ปรับเป้ารายได้ปี 63 เหลือทรงตัวจากเดิมคาดโต 12-15% รับผลกระทบไวรัส
# AMA (ไม่ได้วิเคราะห์ (Not Rated)) บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลงเหลือการรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 12-15% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งทางเรือ ที่กระทบมากคือ ขนส่งน้ำมันปาล์มไปจีน ทำให้ในปีนี้บริษัทจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่องเพื่อประคองตัวไปก่อน อย่างไรก็ตามข้อดีคือ เงินบาทที่อ่อนค่า และธุรกิจขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรถบรรทุกยังไปได้ดี ช่วยชดเชยได้บ้าง (อินโฟเควสท์ )
# ผลกระทบ: ฝ่ายวิจัยฯ ได้สำรวจอัตราส่วนการประเมินมูลค่าหุ้นพบว่า Trailing P/E และ P/BV ปี 62 เป็น 9.4 และ 0.8เท่า ตามลำดับ ถือว่ายังต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 13.0 และ 1.4 เท่า ตามลำดับ คาดว่าเมื่อจีนฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ธุรกิจจะดีขึ้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web