- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 October 2014 15:50
- Hits: 1855
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อตามด้วยค่าบวก...ต่ำกว่า SMA10 ลดพอร์ต”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SIRI (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET Index อ่อนตัวตามตลาดโลก เพราะความกังวลกับการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก รวมถึงสัญญาณทางเทคนิคยังไม่ได้กลับมาเป็นบวกชัดเจน (โดยคงเป็นลักษณะของการรีบาวด์อยู่) ปิดตลาด -7.89 จุดที่ 1552.72 จุด นักลงทุนต่างชาติ &พอร์ตบล.นำขายสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ สำหรับสัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยในต่างประเทศ ทั้งเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำต่างๆ การคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าการฟื้นตัวที่อ่อนแอและล่าช้ากว่าคาดของเศรษฐกิจโลกจะทอดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐออกไป แต่ก็ยังเป็นประเด็นที่กดดันตลาดอยู่ ในด้าน VIX ของ S&P 500 ได้ปรับขึ้นสะท้อนถึงความเสี่ยงที่มากขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐขณะที่ Volatility ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำ แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะอาจมี Lag time เราคิดว่าถ้าตลาดหุ้นสหรัฐมีการปรับฐาน ตลาดหุ้นไทยก็คงหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไปไม่ได้ เนื่องจาก Correlation ของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นสหรัฐนั้นค่อนข้างสูง และมีค่า R2 ในระดับที่น่าเชื่อถือ
ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังต้องใช้ความระมัดระวังสูง การเลือกหุ้นเพื่อลงทุนใหม่หรือรักษา Position ของพอร์ต แนะนำหุ้นมั่นคง มีสภาพคล่องที่ดี และจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการเสี่ยงลงทุนกับหุ้นหวือหวาน่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ Option เข้ามาช่วยเพื่อจำกัดผลขาดทุนในกรณีที่ไม่เป็นไปตามคาด ส่วนปัจจัยหนุน คือ การเลือกซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะผลประกอบการ 3Q-4Q57 ฟื้นตัว และมีแนวโน้มการเติบโตในปี 58แข็งแกร่ง หุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุนในวันนี้เป็น MINT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ (จากการปิดลบใต้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน) และมีสัญญาณ Overbought + Divergence +โครงสร้างขาลงระยะกลางกดดันอยู่ การอ่อนตัวของ SET ที่ต่ำกว่า 1545 จุด ดูไม่ดี มีสิทธิลงไป Low เดิมที่ 1530+/- จุด หรือต่ำกว่า (1510-1500, 1480จุด) ส่วนการรีบาวน์จากการอ่อนตัวที่ไม่หลุด 1545 จุดจะมีแนวต้าน 1560-1570, 1575 จุด ยืนเหนือ 1580 จุดได้ จึงจะมีลุ้น 1600 จุดหรือสูงกว่า
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
- ยูโรโซน : ตลาดคาดการณ์ว่าการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ของ ECB อาจไม่ราบรื่น หลังนายโวล์ฟกัง รัฐมนตรีคลังเยอรมนีออกมาเตือนถึงผลของการใช้มาตรการ QE ว่าอาจจะได้ผลในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจจำกัดเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับสหรัฐ และเรียกร้องให้ประเทศยูโรโซนหันมาเพิ่มวินัยการคลังเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น
- ญี่ปุ่น : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ย.ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 2 สู่ระดับ 39.9 เพราะวิตกการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลังปรับขึ้นภาษีขายไปเมื่อ 1 เม.ย.57 (จาก 3% เป็น 8%) และเงินเยนอ่อนค่าทำให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น ทั้งนี้ดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึงมุมมองทางลบ
- ฝรั่งเศส : S&P ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือ\ลงสู่ "เชิงลบ"จากเดิม "มีเสถียรภาพ" แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของฝรั่งเศสเอาไว้ที่ระดับ AA เพราะเศรษฐกิจยังซบเซาไปถึงต้นปีหน้า
- ฮ่องกง : การประท้วงยืดเยื้อกว่าคาด กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยส่วนหนึ่งกลับมาปักหลักในย่านเซ็นทรัลอีกครั้งตั้งแต่เช้า11 ต.ค. หลังคณะผู้บริหารฮ่องกงยกเลิกการเจรจากับแกนนำกลุ่มนักศึกษาเมื่อวันพฤหัสฯก่อน การชุมนุมที่ยืดเยื้อเข้าสัปดาห์ที่ 3 กดดันเศรษฐกิจฮ่องกง & จีนมากขึ้น
- ดัชนี DJIA ร่วงต่อ 115.15 จุด : แรงกดดันล่าสุดมาจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังบริษัทไมโครชิพ เทคโนโลยี เตือนว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังจะเข้าสู่ภาวะ "ปรับฐาน" เป็นวงกว้างในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมถึงความกังวลกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า
•/- สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย การซื้อขายยังซบเซา : WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่ม 5 เซนต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENTบวก 16 เซนต์ ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ลดลง โดยสัญญาส่งมอบธ.ค.ร่วงลง3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,221.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
•/+ นักวิเคราะห์ทยอยทำ Preview ผลประกอบการ 3Q57 ซึ่งเราคาดว่ากลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศจะยังมีกำไรดีขึ้นไม่มากเมื่อเทียบ QoQเพราะเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีถูกกระทบจากStock Loss อันเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบร่วงแรง อย่างไรก็ตาม กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม อาหาร สื่อสาร สื่อ&บันเทิง และอสังหาริมทรัพย์ จะแข็งแกร่งขึ้นใน 4Q57 และเติบโตดีต่อเนื่องในปี 58 แนะนำเลือกซื้อลงทุนหุ้นพื้นฐานเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็น CPALL, MINT, CPF, GFPT, TUF,AP, PS, SPALI, CK, STEC, CPN, ADVANC, INTUCH, VGI หุ้นกลาง-เล็กที่น่าสนใจ คือ RML, SYNTEC
• BOI : ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนฟื้นตัว แต่ 9M57 ยัง -23%YoYทั้งนี้ก.ย.ยอดขอรับส่งเสริมเพิ่ม 360%YoY คิดเป็นเงินลงทุน 1.76 แสนล้านบาท (76% เป็นการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ)...การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวเป็นบวกกับ กลุ่มนิคมฯ (หุ้นเด่น AMATA, HEMRAJ,ROJNA) , รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC)
+ กลุ่มที่พักอาศัย : สผ.ให้อำนาจ 7 จังหวัดใหญ่พิจารณา EIAสำหรับตึกสูงไม่เกิน 23 ม. พื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 1 หมื่นตรม. คาดจะพิจารณาได้เร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมาสสผ.พิจารณาโครงการที่พักอาศัยเฉลี่ยปีละ 380-400 โครงการ และมีเพียง 10% ที่ยื่นแล้วผ่านในการพิจารณาครั้งเดียว และล่าสุดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้กทม.พิจารณา EIA ได้เป็นครั้งแรก แต่สผ.ต้องพิจารณาให้ความเห็นเบื้องต้นก่อน และเมื่อกทม.พิจารณาเสร็จก็ต้องส่งให้สผ.ก่อนอนุมัติโครงการ
ความเห็น DBS Retail Research : เราเห็นว่าการที่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยสผ.กลั่นกรองเรื่อง EIA นั้นเป็นสิ่งที่ดี โดยจะช่วยให้การพิจารณาใช้เวลาน้อยลง แต่ในเรื่องของ EIA & HIA ยังต้องรอดูอีกทีว่าคณะกรรมการปฎิรูปจะมีการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไข วิธีการ อย่างไรหรือไม่ เรายังไม่ได้ให้น้ำหนักบวกกับประเด็นข่าวนี้มากนัก แต่เชื่อว่าธุรกิจที่พักอาศัยอยู่ในแนวโน้มบวกหลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น และรัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รถไฟทางคู่ ฯลฯให้น้ำหนักลงทุน Overweight หุ้น Top Picks คือ AP, PS, SPALI
+ CPN : ไม่ว่ากรณีไหนก็ได้ค่าเคลมประกันมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทสำหรับการเคลมประกันภัยไฟไหม้ CTW ตอนแรกศาลชั้นต้นให้ CPN ชนะเทเวศน์ประกันภัยต้องจ่ายเงินค่าเคลมประกัน All Risk 2.8 พันล้านบาทและ Business Interruption 1 พันล้านบาท รวม 3.8 พันล้านบาท แต่ศาลอุทธรณ์ให้ CPN แพ้ เพราะเป็นการก่อการร้าย ไม่อยู่ใน All Risk ซึ่ง CPNจะขอฎีกาต่อไป แต่อาจใช้เวลา 1-3 ปีกว่าจะตัดสิน อย่างไรก็ดี CPN ได้ทำประกันภัยประเภทป้องกันก่อการร้ายกับบริษัทไทยเศรษฐกิจประกันภัย แต่จะขอค่าเคลมได้น้อยกว่าเป็น 3.5 พันล้านบาท หากศาลมองว่าเป็นการก่อการร้าย ก็ควรจะได้รับเงินค่าเคลมจากบริษัทประกันภัยนี้...สรุปว่า CPN จะได้รับเงินค่าเคลมประกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งบริษัทได้ลงบัญชี Write offความเสียหายไปแล้วและยังไม่ได้ Write back รวมทั้ง DBS ไม่ได้ใส่ไว้ในประมาณการ ดังนั้นเมื่อได้รับเงินชดเชยในอนาคต ก็จะบันทึกกำไรพิเศษและมีเงินสดเข้ามา คงคำแนะนำ ซื้อ CPN ให้ราคาพื้นฐาน 54 บาท
+ CPN เป็นบริษัทอสังหาฯเดียวของไทยที่ได้อยู่ใน DJSI หรือที่เรียกว่าดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Index : DJSI)ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ Emerging Markets ประจำปี 2557 ซึ่งดัชนีดังกล่าวสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
+ CPALL : คาดสิ้นปี 57 จะมี 8,100 สาขาทั่วประเทศ (ปัจจุบันมี 7,900สาขา) ซึ่งการขยายสาขาเป็นไปตามแผนที่ได้ตั้งไว้ และในเดือนธ.ค.นี้จะมีแคมเปญใหม่กระตุ้นยอดขายเพิ่มเติม ซึ่งหลังปัญหาการเมืองคลี่คลายยอดขายสาขาเดิมก็กระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ (ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 30ล้านคน/วัน โดยลูกค้าที่ซื้อของอยู่ที่ 10 ล้านคน/วัน)
ความเห็น DBS Retail Research : เราชอบ CPALL ที่ธุรกิจอ่อนไหวต่อปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองไม่มาก เนื่องจากจำหน่ายสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานและราคาเฉลี่ยต่อหน่วยไม่สูง การปรับ Product Mixed ด้วยการเพิ่มสัดส่วนยอดขายอาหาร & ผลิตภัณฑ์ความงามทำให้มาร์จิ้นโดยรวมดีขึ้น การขยายสาขาเป็นไปต่อเนื่อง แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 48 บาท
• การเมือง : ประชุมสปช.นัดแรก 21 ต.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (ต้องดำเนินการภายใน 15 วันหลังประชุมสปช.นัดแรก) โดยคณะกรรมการฯมี 36 คน มีหน้าที่สร้างกติกาประเทศ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]