- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 October 2014 15:26
- Hits: 1628
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
เหนือ 1550 จุดซื้อเก็งกำไร – ต่ำกว่า ขาย
ภาวะ SET เมื่อวันศุกร์ตรงข้ามกับวันพฤหัสบดี โดยเปิดตลาดลดลง -14.84 จุดทำจุดต่ำสุดที่ 1544.39 จุดและรีบาวด์ขึ้นแต่ยังซื้อขายอยู่ในแดนลบ ปิดตลาดที่ 1552.72 จุด (-7.89 จุด, -0.51%) เป็นทิศทางลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงราคาน้ำมันเบรนท์ลดงลงต่ำกว่า US$90/bbl และราคา Spot Gold ลดลงที่ 1,222/Ounce ดัชนี MAI ปรับตัวขึ้นสวนทางภาพรวมตลาด (+2.28%) ขณะที่ในรายกลุ่มแบ่งการขึ้นลงคละกัน ปรับตัวขึ้นสวนตลาดเช่น วัสดุฯ ปิโตรฯ พาณิชย์ อาหาร ท่องเที่ยว และยานยนต์ มูลค่าการซื้อขายลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ 38,477 ล้านบาท ต่างชาติสลับขายสุทธิ 1060 ล้านบาทและกองทุนในประเทศยังซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 638 ล้านบาท
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
ยุโรป จะประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/57 ของ เป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มอ่อนแอลงจากการประกาศจีดีพีไตรมาส 2/57 ครั้งที่ 2 ซึ่งต่ำกว่าคาดหรือขยาย ตัวได้เพียง 0.2% สัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่อ่อนแอคือ เยอรมนีที่เคยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเริ่มอ่อนแอลง
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงต่ำกว่า US$90/bblในรอบกว่า 3 ปี (เช้านี้ที่ US$89.12) เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรป และปริมาณผลิตล้นตลาด มีการคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปหากซาอุดิ อาระเบียยังไม่ปรับลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมัน ดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลงเช่นกันแตะจุดต่ำที่สุดในรอบ 22 เดือน เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปิดเมื่อ วันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นถึง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล จากการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นและการลดกำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ประกอบกับแรงกดดันจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่เบาบาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับลดลงใกล้ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี
ในระยะสั้นเราประเมินว่าปัจจัยทุนเคลื่อนย้ายจะมีผลตลาดทุนทั่วโลกมากขึ้นเนื่องจากเข้าใกล้การสิ้นสุดโครงการ QE ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์หน้าวันที่ 28-29 ต.ค.และการประกาศผลประกอบการ 3Q54 วันนี้ภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาค/ดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์ ซื้อขายในแดนลบ เรามองทิศทางหาก SET สามารถทรงตัวแดนบวกเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรสั้นเข้าสู่ตลาด เราแนะนำเลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรตามทิศทางการปรับตัวขึ้น (BBL, PTTEP, CPF, SCB) แต่ถ้า SET เกิดปรับลดลงยืนแดนลบเราคาดว่าจะเกิดแรงขายใหม่เข้าสู่ตลาดเช่นกัน แนะนำขาย (ขายทางเทคนิค STEC, ITD, JAS, TRUE)
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตถือครองเหลือ 20%
เราได้ลดพอร์ตถือครองหุ้นเหลือ 20% และสัดส่วนการถือครองเงินสด 80% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 4 บริษัทคือ PTTEP, HMPRO, CPALL, และ ADVANC
Accumulate : -- รอสะสมหุ้น
Trading : เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1550 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 20% ถือเงินสด 80%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +1.0%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.6%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.6%
ผลตอบแทนตลาด SET = +14.8%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 4 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130